‘ช่วงนี้ทุกคนดูเครียดกันจังนะ’
ฉันคิดแบบนั้นพร้อมทั้งพึมพำเสียงออกมาจากลำคอ ก่อนจะค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนคว่ำไปด้านหน้า ทำให้คอและหัวราบไปกับพื้น พร้อมกันนั้นแฟลชก็บินมาเกาะตรงจมูกฉันทำให้อยู่ตรงกลางของสายตาพอดี
‘นั่นสินะ ริเกลเองก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง’
‘เครียดตามเคียร่าต่างหาก ไม่ชอบแบบนี้เลย’
ในตอนนี้เคียร่ากำลังเข้าเรียนอยู่เลยต้องนอนเล่นอยู่ในสวน ปกติจะอยู่แค่คนเดียวแต่นาน ๆ ทีแฟลชจะอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีครึ่งที่น่าเบื่อจนอยากให้เคียร่ารีบเรียนจบเดี๋ยวนี้เลย ซึ่งนั่นก็คงเป็นไปไม่ได้ อา!! คิดถึงเคียร่าจัง!
‘เอาน่า เธอยังดีไม่ใช่เหรออย่างน้อยช่วงว่างเคียร่าก็มาหาได้นะ ดูอย่างแฟร์สิ อยากเจอแค่ไหนก็เจอไม่ได้’
‘เอ๋~ ก็รู้อยู่หรอก แต่มัน…’
เมื่อโดนแฟลชพูดใส่ด้วยน้ำเสียงเอือมระอา ฉันเองก็ถอนหายใจยาวพลางทำแก้มป่อง พวกเราจ้องหน้ากันอยู่สักพักใหญ่สุดท้ายฉันก็ทนความเงียบไม่ไหว แล้วพลิกตัวเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นหญ้าของสวน ทำให้แฟลชที่เกาะอยู่ต้องรีบบินขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนทับ
พื้นสั่นสะเทือนเพราะร่างที่ใหญ่โตของฉันกลิ้งไปมา หญ้าและดินถูกฉันทำให้เละไปหมด ตรงนี้เป็นบริเวณใกล้กับทะเลสาบซึ่งฉันมานอนประจำ แรก ๆ ก็มีคนมาดูแลตรงพื้นที่นี้อยู่หรอก แต่นานวันเข้าเขาก็ปล่อยจนจุดนี้ที่ฉันชอบกลิ้ง มันกลายเป็นพื้นที่ที่เหมือนไม่ได้รับการดูและ แถมยังเป็นรอยอีกต่างหาก
หลังกลิ้งไปมาจนพอใจฉันก็นอนหงายท้องมองท้องฟ้าสีคราม…
‘อยากตัวเล็กจังนะ’
‘ทำไมล่ะ ตัวใหญ่ก็ดีออก แข็งแกร่งจะตาย’
มังกรตัวจ้อยตามที่ฉันอยากเท่านั้นพูดพร้อมมาเกาะตรงอก นั่นสินะ ได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์เฟโลกัสของเขาตัวเล็กแล้วก็อ่อนแอ มีแค่ขนที่แข็งแรงจนทนแรงบินอย่างเร็วของพวกเขา แต่นั่นก็เป็นเหตุผลให้โดนล่าจนเกือบสูญพันธุ์เช่นกัน แต่ก็นะ
‘ถ้าตัวเล็ก…ก็จะมีอิสระไง’
‘…ถึงจะตัวเล็กแบบนี้ก็ไม่เห็นจะมีอิสระเลย’
‘ก็จริงแฮะ’
พวกเรานอนนิ่งเหม่อลอยไปท้องฟ้าไกลด้วยกัน ฉันเคยคิดมาก่อนว่าพวกนกเนี่ยดีจังนะ ทั้งตัวเล็ก มีปีก แถมยังอิสระ แต่พอได้มาโลกนี้ ได้มาเป็นมังกรที่มีปีกและพูดคุยกับมังกรตัวอื่น ถึงได้รู้…โลกนี้ไม่มีคำว่าอิสระหรอก โดยเฉพาะโลกที่มีมนุษย์อยู่
หรืออาจจะแค่เพราะว่าเราอยากอยู่กับมนุษย์กันนะ แต่ก็ช่างเถอะ…ถึงจะไม่มีมนุษย์ พวกสัตว์ก็แบ่งอาณาเขตของตัวเองกันอยู่แล้ว ต่อให้มีปีกหรืออิสระแค่ไหน ก็มีโอกาสถูกล่าได้เสมอ ยิ่งได้เจอกับแฟลชก็ยิ่งรู้ดี การเป็นนกเนี่ยมันไม่ง่ายเลย ถึงเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นนกก็เถอะ
สุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็อยากเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็นล่ะนะ เป็นวังวนที่น่าปวดหัวจริง ๆ
‘อา!! เมื่อไหร่เคียร่าจะมาหานะ!!’
‘ติดมนุษย์คนนั้นจริง ๆ เลยนะ…เห็นว่าเธอพยายามกีดกันพวกมนุษย์ผู้ชายที่พยายามเข้าหาเด็กคนนั้นอยู่หนิ’
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นฉันก็หูผึ่งทันที ก่อนจะพลิกตัวกลับมาท่านอนคว่ำเช่นเดิม โดยที่เขารีบเด้งตัวบินขึ้นอย่างตื่นตกใจ เพราะถ้าลุกไม่ทันมีหวังโดนฉันทับเละแน่
‘ก็พวกนั้นพยายามจีบเคียร่ากันอยู่นี่!! แล้วนั่นอะไรเล่าไหงเคียร่าถึงไม่รู้ตัวสักนิด จนปล่อยให้เข้าหาตั้งขนาดนั้น! เคียร่าเป็นเด็กที่น่ารัก ฉลาด แถมยังเป็นมิตรกับทุกคน แล้วเจ้าพวกนั้นก็ใช้ประโยชน์จากส่วนนั้นของเธอเพื่อเข้าหา ไม่ว่าจะใครหน้าไหนก็ไม่ให้อยู่กับเคียร่าแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรอกเฟ้ย!!’
พูดแล้วก็หัวเสียขึ้นมา พอเข้าเรียนมาเคียร่าก็เจอเรื่องน่าปวดหัวหลายอย่าง ตั้งแต่โดนคนในโรงเรียนไม่ชอบขี้หน้า ถึงจะจัดการพวกนั้นไปแล้วแต่ก็ดันมีคนใหญ่คนโตจับตามอง โดยเฉพาะเจ้าชายที่เข้าหาเธอแบบโจ่งแจ้ง เจ้าผู้ชายไม่รู้กาลเทศะนั่น!!
ป่านนี้อาจจะกำลังจีบเคียร่าอยู่ก็ได้ หมอนี่นานวันก็ยิ่งหนักเข้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ยังเข้าหาเคียร่า จนเธอเองก็ยังตัดใจเรื่องแกล้งว่าไม่ได้สนิทกันไปแล้ว ส่วนอีกคนที่เป็นเพื่อนของเจ้าชาย โอเรล อะไรนั่น หมอนั่นแรก ๆ ก็พยายามเข้าหาเคียร่าอยู่หรอก แต่ดูเหมือนพักหลังนี้เขาจะหายหน้าหายตาไปเลย
ได้ยินจากเจ้าชายมาว่าเพราะเขาเป็นลูกครึ่งกับฟัวกราที่พ่อแม่แต่งกันเพื่อเชื่องสัมพันธ์ทางการเมือง พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยมีอะไรยุ่งยากนิดหน่อย ถึงเคียร่าจะเป็นห่วงในฐานะเพื่อนก็เถอะนะ…รู้สึกไม่สบายใจเลยตอนอยู่กับเขา ถึงจะเข้าหาเคียร่าด้วยความรู้สึกชอบเหมือนเจ้าชายก็ตามที แต่พอเคียร่าไม่รู้ตัวนานเข้าเขาก็แปลกไป ดูเหมือนจะเว้นระยะห่างตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องอีก สังหรใจไม่ดีเลยนะ
‘นี่ริเกล…ไอ้ที่เธอขวางอยู่คือการหาคู่ของพวกมนุษย์สินะ ว่าจะไม่ให้คนที่ดูแลเคียร่ามาเป็นคู่ด้วย’
หาคู่เหรอ…ก็คงใช่ล่ะมั้ง ฉันจึงพยักหน้าให้กับเขาแล้วแฟลชก็หลบตาเล็กน้อยพร้อมทั้งพูดออกมา
‘แล้วถ้าสมมุติ…คนที่ว่าเป็นสหายที่ไว้ใจได้ของเคียร่าเธอเองก็รู้จักด้วย และเด็กคนนั้นเองก็ไม่รู้สึกแย่กับอีกฝ่ายด้วย…ความรู้สึกก็ออกไปทางเดียวกันด้วย เธอจะทำยังไงเหรอ’
‘แบบนั้นมัน…’
ถ้าเป็นคนที่ฉันรู้จักก็น่าจะหมายถึงไว้ใจรึเปล่านะ แถมเคียร่าก็ยังชอบด้วยงั้นเหรอ ก็…การมีคู่ชีวิตหรือแต่งงานก็ต้องมีกับคนที่ตัวเองรัก ตัวเลือกแบบนั้นก็คงสมเหตุสมผล ถึงยังงั้นก็เถอะ
‘ไม่!!’
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตวาดออกมาเสียงดังจนเป็นการคำราม คนดูแลสวนต่างพากันมาดูด้วยท่าทีหวาดหวั่นทั้งยังตื่นตระหนก ทำให้ซ่อนตัวแฟลชแทบไม่ทันจึงให้หลบอยู่ด้านหลังปีกของฉัน ‘แอบไว้ ๆ’ ฉันพึมพำแบบนั้นเบา ๆ กับแฟลช เขาก็พยักหน้าให้ก่อนที่พวกเราจะจดจ่อกับคนที่มาดูต่อ
“กะ- เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
ถึงแม้อีกฝ่ายจะหวาดกลัวฉันก็เถอะ แต่สีหน้าฉันตอนนี้คือทำแก้มป่องสองข้างแล้วหลบตาหนี มันเป็นท่าทางที่ฉันทำทุกครั้งที่ทำเรื่องวุ่นสักอย่างแล้วโดนเคียร่าเรียก แผ่นใสที่ติดอยู่กับหัวของฉันซึ่งปกติจะลู่ไปตามลงนั้นตกลง ไม่รู้หรอกว่ามันเรียกว่ายังไงแต่ก็ทำงานคล้ายกับหาง คงเหมือนขนที่ตั้งบนหัวของแฟลชล่ะมั้ง
“กรร…”
เปล่า ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย มันเป็นคำแก้ตัวที่มักจะพูดกับเคียร่าเวลาโดนเธอดุ แต่แน่นอนว่าเสียงที่ดังออกไปมีเพียงการคำรามเบา ๆ อยู่ในลำคอ ถ้าเป็นตามปกติคงมีคำตักเตือนไปแล้วแต่ว่าคนตรงหน้าไม่ทำแบบนั้น เขายังคงทำท่าทางงง ๆ แล้วรีบเดินออกไป
ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเข้าใจยังไงแต่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมกับแฟลช
‘เกือบไปแล้ว’
‘นั่นสินะ…เคียร่ากลับมาฉันต้องโดนดุแน่เลย’
พูดจบฉันก็ทิ้งตัวนอนคว่ำลงไปอีกรอบโดยให้หัวแนบลงกับพื้น คราวนี้แฟลชไม่ได้มาเกาะตรงจมูกแต่ว่าเดินจากหลังมาบนหัว และนอนแผ่ลงเช่นกัน จริงสิ เมื่อกี้ยังพูดไม่จบเลย
‘จริงสิ! เรื่องคนที่เคียร่าชอบน่ะ ถ้าเธอเป็นคนเลือกก็ไม่อะไรหรอกนะ แต่!! อย่างน้อยคนนั้นต้องสู้กับฉันชนะก่อน!!’
‘เฮ้อ…ทำไมฉันต้องมาอยู่ท่ามกลางเรื่องยุ่งยากพวกนี้ด้วยนะ ตั้งแต่ความรู้สึกของแฟร์กับเคียร่าแล้ว…’
แฟลชถอนหายใจออกมาแล้วบ่นงึมงำจนจับใจความแทบไม่ได้ ถึงจะมองไม่เห็นแต่สีหน้าของเขาคงกำลังเอือมระอาอยู่แน่ เจ้าตัวจะชอบทำหน้าแบบนั้นแล้วก็บ่นเวลาเห็นเคียร่าอ่านและเขียนจดหมายถึงแฟร์ แผ่นเยื่อตรงจมูกก็ตั้งขึ้นพร้อมทั้งกระดิก ได้ยินมาว่านั่นทำให้แฟลชรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ผ่านฟีโรโมน จมูกดีสุด ๆ เลยนะ ขนาดฉันที่ว่ามังกรจมูกดีแล้วยังไม่เท่าเขาเลย เป็นความสามารถพิเศษของแต่ละสายพันธุ์ล่ะมั้ง
หลังจากไม่นานคนดูแลสวนก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมทั้งผลไม้จำนวนมากที่เอามาให้ ทำฉันเปิดตากว้างแล้วกะพริบตาปริบ ๆ เอ๋ เอามาให้ทำไมน่ะ? หรือคิดว่าเมื่อกี้ฉันหิวเลยไม่พอใจเหรอ ก็เลยเป็นผลไม้? โธ่ พอโตขึ้นคนอื่นก็ดูสีหน้าฉันไม่ออกกันเลย ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย! แง๊ อยากอยู่กับเคียร่าอ่า!
ช่วงนี้เคียร่าก็ดูเครียดเรื่องสงคราม ถึงจะทำท่าบอกไปแล้วว่าไม่ต้องห่วง แต่ก็เอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อน แย่ที่สุดเลย! แถมสถานการณ์ประเทศของแฟร์ยังทำให้เธอกังวลหนักกว่าเดิมเลยทำอะไรบางอย่าง พอมีเวลาว่างทีไรก็จะเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาถักพร้อมกับร่ายคาถาภาษาโบราณอีก
‘ช่วงนี้ไม่ได้เล่นกับเคียร่าเลยนะ…’
‘นั่นสินะ แฟร์เองก็ทำงานหัวหมุนตลอดเลย แถมยังอยู่แต่ในบ้านอีก ฉันยังมีมาส่งจดหมายบ้าง แต่อิกนิสคงอึดอัดจะแย่แล้ว’
จริงด้วย จากนิสัยของอิกนิสแล้วไม่ชอบการอยู่นิ่ง แต่เท่าที่ได้ยินมาตอนนี้แฟร์ก็หัวหมุนแต่งานเอกสาร ไม่ได้ออกไปยืดเส้นยืดสาย เวลาที่มีให้กับเขาก็ลดน้อยลง ถ้าฉันพูดได้สักหน่อยก็คงอยากจะด่าแฟร์สักที ว่าให้ใส่ใจคู่หูตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย! อะไรทำนองนั้น แต่ก็ได้แต่คิดล่ะนะ
สุดท้ายก็แค่ฝากทักทายและปลอบใจอิกนิสที่นอนเปื่อยไม่ต่างกันไป แล้วใช้เวลาที่มีกับเคียร่าให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันเบื่อโรงเรียน!!
——————————- ———————————
วันเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เตรียมการเสร็จ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตากันนะ วันสำคัญสำหรับฉันจึงเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงตลอดเลย ก่อนจะกลายเป็นหน้าหนาวที่เย็นเฉียบก็มีนัดประชุมกับศาสนจักร เพื่อขอให้เขาช่วยสนับสนุน
พวกเราต้องไปนำเสนอแนวทางเกี่ยวกับประเทศพวกเราให้ฟัง ด้วยความที่เป็นแค่กลุ่มเล็กทั้งยังอ่อนแออยู่ในตอนนี้ การให้ศาสนจักรช่วยสนับสนุนในช่วงแรกก็เป็นเรื่องดีกว่า แค่ให้รับรองว่าเป็นประเทศมีเอกราชแต่ถ้ามาอยู่เป็นพวกเดียวกันด้วยยิ่งดี
“เฮ้อ! จะหลุดกรอบคำว่าทหารรับจ้างที่รู้จักตอนแรกไปอีกไกลแค่ไหนกันนะ”
ฉันบ่นออกมาแบบนั้นพร้อมทั้งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แล้วในตอนนั้นก็มีจดหมายจากแฟลชมาส่ง มาแล้วเหรอ!! เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นไปหานาลที่เอาจดหมายมาให้ พร้อมทั้งแกะอ่านทันที
“ถึงจะบอกว่ามีแผนก็เถอะ…แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี…พกสิ่งนี้ไว้นะ ฉันให้”
เมื่อได้จดหมายมาฉันก็อ่านออกเสียงบ้างเป็นบางคำเพราะความตื่นเต้น แต่ว่าสิ่งนี้เหรอ? หมายถึงอะไรน่ะ
“นี่ครับหัวหน้า ของที่แนบมากับจดหมาย”
ในตอนที่สงสัยนั่นเอง นาลก็ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ด้วยสีหน้ายิ้มเจื่อน อะ ถือมาด้วยกันสินะ ไม่ทันได้สังเกตเลย…แต่อะไรน่ะ ผ้าเช็ดหน้าเหรอ?
ถึงจะยังคงสงสัยอยู่แต่ก็รับมาเงียบ ๆ พร้อมทั้งก้มลงไปอ่านเนื้อหาต่อ เพราะว่ามันมีอธิบายเกี่ยวกับสิ่งนี้นั่นเอง
‘รอบก่อนเธอให้ผ้าเช็ดหน้าที่ปักลายเองให้ใช่ไหมล่ะ ก็เลยให้บ้างเป็นการตอบแทนน่ะ อีกอย่าง…ฉันร่ายคาถาลงไปด้วยนิดหน่อยน่ะ ถ้าถึงเวลาที่คับขันแล้วก็อันตรายมาก ๆ ล่ะก็ ใส่พลังเวทลงไปที่ผ้านั่นแล้วเรียกชื่อของฉันนะ…ได้โปรด’
คำพูดในจดหมายของเคียร่านั้นสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันหนักอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แล้วได้แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาดูให้ดีอีกรอบ…
“ฮะ ๆ คงไม่ใช่การร่ายคาถานิดหน่อยแล้วมั้ง”
ฉันหัวเราะร่วนออกมาถึงความสุดติ่งของฝีมือเคียร่า เพราะลายที่ถูกปักอยู่บนผ้านั้นเป็นวงเวทซึ่งมีรายละเอียดเยอะมาก ทั้งรูปร่าง การเล่นสี ทั้งยังมีสลักภาษาโบราณเอาไว้อีกด้วย
(เครดิตผู้ออกแบบ : ++Aco)
แต่รายละเอียดเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ว่าก็มีไม่มาก ข้อสงสัยมีไปก็เท่านั้นเพราะดูแค่นี้ก็รู้แล้ว ว่ามันคงเป็นเกี่ยวกับเวทโบราณ คงจะเป็นคัมภีร์เวทที่เคยอ่านเจอล่ะมั้ง มันคือการเขียนและย่อคาถาลงไปในสิ่งของ วิธีการทำก็ยุ่งยากและใช้เวลานานไม่คุ้มกับจำนวนที่ใช้ได้ เลยไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่
ที่เคียร่าทำมาแถมกับข้อความในจดหมายก็เดาได้ไม่ยาก ว่ามันคงใช้ได้แค่ครั้งเดียว เพราะงั้นเธอถึงได้ย้ำมาก…ว่าให้ใช้แค่ตอนที่อันตรายมากจริง ๆ
แต่ว่าเรื่องนั้นจะยังไงก็ค่อยว่ากัน สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือมันเป็นของขวัญจากเคียร่า ดังนั้นมันก็เป็นของสำคัญสำหรับฉันอย่างแน่นอน ว่าแล้วก็จับผ้านั้นแน่นและยกขึ้นมาปิดจมูกไว้ ก่อนจะค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าเต็มอก ความอบอุ่นยังคงหลงเหลืออยู่แม้จะถูกส่งมาจากที่ห่างไกล
พร้อมทั้งกลิ่นหอมหวานของผลไม้นานาชนิด เห็นว่าพวกผู้หญิงชอบเอาผลไม้มาทำเป็นน้ำหอมกัน นี่คือกลิ่นของเคียร่ารึเปล่านะ? เอาเถอะ…ไม่รู้ทำไมแค่ถือสิ่งนี้เอาไว้ในมือก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา คำร่ายอะไรนั่น…อาจจะไม่ต้องเลยก็ได้ล่ะมั้ง
————————————- —————————-
(มุมนักเขียน)
มีเพื่อนบอกว่าให้ทดลองอดกลั้นไม่ลงนิยายเตรียมตัวไว้ก่อนค่ะ แต่ว่า อดใจไม่ไหวแล้ววว–
ตอนนี้ก็ยังคงเปิดให้เข้าไปโหวดเรื่องการลงนิยายอยู่นะคะ ปิดในวันที่ 18 หรือก็คือวันเสาร์ที่จะถึงนี้ค่ะ ไปตามลิ๊งนี้ได้เลย~
https://forms.gle/xAnzoCc6fzcdKvRh6