“บาปที่ 8…เหรอ?”
ฉันคิดทวนถึงบทสนทนากับพระสันตะปาปาอีกครั้งในขณะที่อยู่บนรถม้า เพราะว่าหลังจากที่เขาพูดออกมาแบบนั้นก็เหมือนจะมีธุระเข้าพอดีจึงขอตัวก่อน โดยยังไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ
แต่ว่าคำทิ้งท้ายที่เจ้าตัวพูดไว้อีกอันก็รู้สึกว่าปล่อยผ่านไปไม่ได้เช่นกัน…
‘จงระลึกไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ต่างมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าท่านจะมาจากที่ใดก็คงไม่เหมือนกับที่นี่…พวกท่านทั้งคู่เลย’
ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนเหรอ…ระดับเขาคงรู้จักที่มาที่ไปของพวกเราดีอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดออกมาราวกับไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร
หรือว่าหมายถึงที่ฉันเป็นคนจากอีกโลก? ไม่สิ ถ้างั้นทำไมถึงใช้คำว่า ‘ทั้งคู่’ ล่ะ?
“…จะถึงแล้วนะ”
“อะ งั้นเหรอ…”
ในตอนนั้นฉันก็โดนดึงออกมาจากห้วงความคิดด้วยเสียงเรียกของแฟร์ ก่อนจะมองไปยังด้านนอกอีกครั้ง แทบจะไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ
ภายในเมืองนั้นเต็มไปด้วยไอน้ำที่ลอยคลุ้งโขมง เสียงที่ดังเซ็งแซ่สับสนวุ่นวายเต็มไปหมด ทั้งคนที่ตะโกนซื้อขายกันตามปกติ ไปจนถึงเสียงของโลหะกระทบกัน…ไม่ผิดแน่ เครื่องจักรไอน้ำ
ดังนั้นฉันจึงทำได้แค่คลี่ยิ้มออกมาอย่างลำบากใจ
“ถ้าเจรจาไม่สำเร็จ สิ่งที่ฉันทำได้ก็คงแค่ยื้อเวลาล่ะนะ”
“ฮะ ๆ พูดอะไรน่ากลัวจังนะ”
แฟร์หัวเราะร่าให้กับคำพูดของฉัน ซึ่งฉันเองก็หัวเราะในลำคอเบาตามเธอเช่นกัน แต่ว่าพวกเราต่างรู้กันดี
ว่านี่ไม่ใช่มุกตลกแม้แต่น้อย
“งั้นก็มีแต่ต้องทำให้สำเร็จล่ะนะ”
เธอพูดออกมาเช่นนั้นพร้อมทั้งกุมมือของฉัน ที่สั่นตามการขยับรถม้า แม้จะเป็นเพียงครู่เดียวแต่ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากจริง ๆ จึงได้ยิ้มกว้างออกมาและกุมมือเธอกลับไป
“นั่นสินะ”
ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ทำได้แน่ แม้ไม่ต้องพูดออกมาฉันก็รู้ได้เลยว่าแฟร์คงคิดเช่นนั้น เพราะในขณะที่ดวงตาของเจ้าตัวนั้น เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจอย่างไม่สั่นคลอน
นั่นสินะ ถ้ามีเด็กคนนี้อยู่ละก็…ฉันต้องทำได้แน่
“เหมือนว่าจะถึงแล้วนะ”
เมื่อรถม้าหยุดเคลื่อนไหวพวกเราก็พยักหน้าให้กัน แล้วสวมฮูดปิดตัวตนก่อนจะออกมายังนอกรถม้า ตรงหน้าพวกเราซึ่งเป็นสถานที่พบเจอกับทูตของเดเวีย แต่ว่า…
“กลิ่นไรเนี่ย!”
ทันทีที่ออกมาด้านนอกแฟร์ก็บ่นออกมาเสียงดังพร้อมทั้งใช้มือปิดจมูก…ฉันเองก็ไม่ต่างกัน ตรงหน้าของพวกเราตอนนี้คือโกดังขนาดใหญ่ ที่ด้านนอกเต็มไปด้วยเศษเหล็กกองปะปนกันไป
และกลิ่นที่ฉุนจนต้องปิดจมูกหนีตอนนี้ ไม่ผิดแน่…
“น้ำมันเครื่อง…”
ทั้งที่ปืนเพิ่งถูกทดลองผลิตแท้ ๆ แต่ที่ตัวประเทศมีถึงขั้นน้ำมันเครื่องแล้วเหรอ ไม่สิ ก็ตั้งแต่เครื่องจักรไอน้ำแล้ว ลำดับการผลิตมันสลับกันไปหมดเลยไม่ใช่รึไง
นี่อาจจะเป็นความหมายที่พร1สันตะปาปาพยายามบอกฉันล่ะมั้ง
“เชิญเข้ามาก่อนได้เลยครับ”
คนนำทางพูดออกมาเช่นนั้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูโกดัง ที่เก่าจนมีสนิมเขรอะทำให้ต้องใช้แรงอย่างมากในการเปิดออก ในระหว่างนั้นทั้งฉันและแฟร์ก็เหลือบไปมองรอบข้าง
ทั้งที่ระหว่างทาง ในเมืองนั้นดูวุ่นวายและเต็มไปด้วยผู้คนแท้ ๆ แต่ว่าแถวนี้กลับเงียบสงัดจนน่าประหลาดใจ ถ้าลองสังเกตดูดี ๆ จะไม่มีคนเดินเข้ามายังซอกหลืบนี้เลย ตอนนี้รถม้าของพวกเราจึงค่อนข้างเด่น และเป็นจุดสายตาของคนที่แต่งตัวโทรมนอนบนพื้นถนน ให้อารมณ์แบบเดียวกับคนไร้บ้านเลยแฮะ
เมื่อแฟร์สังเกตเห็นคนเหล่านั้น ก็ใช้มือดึงปลายฮูดของตนเองพร้อมทั้งก้มหน้า
“นี่เป็นที่อยู่ทูตของเดเวียไม่ผิดแน่…คนพวกนั้น สายลับของฟัวกรา”
“งั้นเหรอ”
“อา แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันฝากลูกน้องจับตาดูไว้แล้วล่ะ”
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของแฟร์ สมกับเป็นเธอ ตั้งแต่สร้างกลุ่มทหารรับจ้างแม้ว่าจะเป็นคนยืดหยุ่นและไม่เคร่งครัดมากนัก แต่ว่าทุกการกระทำนั้นมีระบบแผนการทั้งหมด ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“? มีอะไรเหรอ?”
“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ”
ว่าแล้วฉันก็ก้าวเท้าเข้าไปในโกดังที่ถูกเปิดออก โดยมีแฟร์ซึ่งยังสงสัยไม่หายตามมาแบบเงียบ ๆ เมื่อร่างของเราทั้งคู่เข้ามาอยู่ภายในโกดังเก่ากึกแล้ว ประตูก็ถูกปิดจนเกิดเสียงดังสนั่น
สถานที่ที่พวกเราอยู่มีเพียงช่องระบายอากาศด้านบนอาคารเท่านั้น ที่มีแสงลอดผ่านเข้ามาได้จนทำให้ทิวทัศน์ค่อนข้างมืดสนิท
อาจจะเพราะบรรยากาศที่น่าวังเวงจนน่าสงสัย แฟร์ที่ทำหน้าที่คุ้มกันก็เอามือเตรียมไว้ที่อาวุธของตัวเอง โดยที่กวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างสงบ
‘แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก’
ในตอนนั้นเอง ก็เกิดเสียงของไม้กระทบเข้ากับพื้นดังมาจากด้านใน ฉันจึงเพ่งตามองหาต้นเสียงในทันที แล้วก็ได้พบกับร่างของชายผอมบาง เดินมาทางนี้โดยที่ใช้ไม้เท้าพยุงร่างของตัวเอง ทำให้การเคลื่อนไหวดูแปลกไปอย่างชัดเจน นั่นก็เพราะว่า
มีขาที่ทำจากเหล็กมีข้อต่อจนขยับได้เหมือนกับขาจริง แต่ยังฝืดนิดหน่อยอยู่แทนที่ขาซ้ายของชายคนนั้นนั่นเอง
“อะ อา อืมม ยินดีต้อนรับ ทูตจากฟาเรเรียใช่ไหม?”
ชายขาเป๋ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับอาจารย์ดาริก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วเดินเข้ามาใกล้เพื่อให้มองเห็นพวกเราให้ชัดยิ่งขึ้น
โดยไร้ซึ่งการระวังตัวโดยสิ้นเชิง
“ค่ะ ฉันอัศวินมังกรจากฟาเรเรีย ได้รับมอบหมายให้เป็นทูตติดต่อกับเดเวีย เคียร่า ค่ะแล้วท่านล่ะ?”
“โอะ โอ้ จริงด้วย แนะนำตัว ฉัน…โทมัส เป็นคนคอยติดต่อกับคนจากข้างนอก ยินดีที่ได้รู้จัก อ้า จริงด้วย จับมือเนอะ”
เขาพูดเช่นนั้นพร้อมทั้งหัวเราะร่วนในลำคอก่อนจะยื่นมือขวาออกมา เมื่อเห็นแบบนั้นฉันก็จับมือกับเข้าเป็นการทักทายเช่นกัน เจ้าตัวคว้ามือของฉันไว้แล้วเขย่าแรงจนร่างของตัวเองโซซัดโซเซ
ถึงจะบอกว่าเป็นคนคอยติดต่อกับข้างนอกก็เถอะ จากที่สังเกตเหมือนคนที่ไม่ได้พูดคุยกับใครมานานแล้วมากกว่า
แต่แน่นอนว่าถึงจะสงสัยก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หลังจากจับมือเสร็จแล้วโทมัสก็นำทางพวกเราเข้าไปหาที่นั่ง…
“อา…โทษทีนะ พอดีไม่ค่อยมีใครได้เข้ามาเท่าไหร่น่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพวกเราเองก็มาแบบกะทันหัน อะ แฟร์ระวังนะ”
ฉันพูดขึ้นมาแบบนั้น เมื่อเห็นว่าแฟร์กำลังจะใช้มือเปล่าปัดเศษเหล็กที่กองกันอยู่บนเก้าอี้ออก ซึ่งเธอหยุดชะงักตามคำเตือนของฉันในทันที จุดที่พวกเราถูกนำทางมานั้นมีที่นั่งพูดคุยกันได้อยู่ แต่ว่าในขณะนี้นั้นมีเศษเหล็กชิ้นน้อยใหญ่กองผสมปนกันไปหมด
มองแล้วก็รู้ได้เลยว่าถ้าใช้มือปัดออก คงมีหวังได้โดนวัสดุปริศนาทิ่มมือเอาแน่ โทมัสเห็นเช่นนั้นจึงพึ่งนึกได้ และใช้ไม้เท้าของตนเองปัดเศษเหล็กพวกนั้นออกนั่นเอง
แต่ก็มีแค่เก้าอี้ตัวเดี่ยวที่นั่งได้ ฉันจึงยกให้เขาเพราะเห็นแก่ขาที่เป๋
“ขอบใจนะช่วยได้มากเลย”
“เล็กน้อยค่ะ…ว่าแต่ขานั่น ต่างจากขาเทียมทั่วไปสินะคะ?”
เมื่อฉันเปิดประเด็นที่นอกเหนือจากที่วางแผนไว้ แฟร์ก็หันมามองด้วยความตกใจทันที ซึ่งโทมัสที่ถูกชวนคุยก็เช่นกัน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าสดใสต่างจากที่กังวลในตอนแรกทันที
“สังเกตด้วยเหรอ? อา ขานี่ ฉันอยู่ที่โกดังนี่ แล้วค้นคว้าไปเรื่อยน่ะ ขานี่ก็คือหนึ่งในนั้น”
ขาเทียมส่วนใหญ่ที่ฉันเคยเห็นในโลกนี้นั้น ยังเป็นเพียงแค่ท่อนไม้มาดามแทนขาเดิม แต่ว่าที่เขาคนนี้ใช้อยู่นั้นต่างออกไป ถึงจะดูบอบบางกว่าแต่ก็ประณีตกว่ามาก
“ฉันพยายามสร้างมันเลียนแบบ ขามนุษย์น่ะ เห็นไหม ประมาณนี้น่ะ”
“อ้า ข้อต่อสินะ”
“ใช่ ใช่”
โทมัสยกขาเทียมซึ่งเชื่อมกับต้นขาที่ด้วนไปของตนเองให้ดู ก่อนจะจับให้มันขยับพับไปมาอย่างลื่นไหล ราวกับว่าเป็นขาคนจริง ๆ
ไม่สิ เผลอ ๆ อาจจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าขาคนซะอีก
“แต่ว่ามันยังขยับได้ไม่สมบูรณ์หรอก…ถ้ามีหินเวท อาจจะทำได้ก็ได้ แต่คง ไม่ไหวหรอกมั้ง”
เขาหัวเราะร่วนออกมาอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะทิ้งท้ายอีกครั้งว่า ‘มันแพง’ ซึ่งนั่นทำให้แฟร์ได้แต่เงียบกริบ เพราะเธอเข้าใจแล้วถึงจุดประสงค์ที่ฉันชวนคุย
“แล้ว…ฟาเรเรียมีธุระอะไรนะ?”
“ค่ะ อย่างที่ท่านน่าจะทราบดี ว่าตอนนี้พวกเรากำลังมีศึกหนักกับฟัวกราอยู่”
“อ้า เรื่องนั้นเหรอ…ก็พอจะเดาสิ่งที่ต้องการได้แล้วล่ะ แต่โทษทีนะ”
หลับตอบออกมาเขาก็เขย่าเท้าของตนเอง พร้อมทั้งหันซ้ายหันขวาไปมาราวกับอยู่ไม่สุข นั่นทำให้ฉันเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไป
“ทำไมถึงกระวนกระวายขนาดนั้นล่ะ?”
“อ๊ะ เปล่า แค่…ปกติจะมีคนของฟัวกราคุมตลอด เลยเคยชินน่ะ อย่าใส่ใจเลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็เปิดตากว้างแล้วหันไปหาแฟร์ ซึ่งเธอก็ส่ายหน้าเบา ๆ เป็นการบอกว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฉันจึงหันกลับไปหาโทมัสอีกครั้ง
ซึ่งฉันแทบจะเดาได้ทันทีว่าทำไม…
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ขอให้เดเวียโจมตีฟัวกราหรอก…แค่ไม่สนับสนุนต่อก็พอ”
“บะ แบบนั้นไม่ได้หรอก!!”
‘ปัง!’
เขาตะคอกออกมาเสียงดังพร้อมทั้งใช้ไม้เท้าเคาะพื้นอย่างแรง แต่ว่าทั้งฉันและแฟร์ต่างยืนมองอย่างสงบนิ่ง นั่นก็เพราะเจ้าตัวเพียงทำเพื่อกลบความรู้สึกตนเองเท่านั้น
โทมัสเปิดตากว้างและกำไม้เท้าตนเองแน่นด้วยมือที่สั่นเทา ตอนนี้เขากำลังกลัวอยู่
“พวกเธอไม่รู้หรอก! ว่าฟัวกรามันน่ากลัวขนาดไหน”
“รู้สิ”
ชายที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวนั้นสะดุ้งโหยงทันที เมื่อฉันตอบกลับไปอย่างหนักแน่นและสงบนิ่ง ความน่ากลัวของฟัวกราเหรอ…
“รู้สิ…อาจจะรู้มากพอ ๆ กับท่านนั่นแหละ ว่าพวกฟัวกราน่ากลัวขนาดไหน”
ในตอนแรก เคยคิดว่าเป็นแค่ประเทศที่เหลิงขึ้นมา จนหวังท้าทายการยึดครองโลก แต่พอได้เจอเรื่องของโอเรล…ได้รู้เรื่องของมังกรพิภพ ก็ได้รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น
พอเป็นการที่พวกเขาโลภจนขาดการยับยั้งชั่งใจ มันเหมือนกับเปรียบเทียบกันระหว่าง โจรฝีมือดีกับคนที่เมาจนอาละวาดนั่นแหละ ยังไงซะคนที่ทำไปทั้งที่ไม่มีสติมันก็น่ากลัวกว่าคนที่มีฝีมืออยู่แล้ว
เพราะงั้นในตอนนี้จึงจ้องกลับเข้าไปในดวงตาของโทมัส โดยหวังว่าเขาจะเข้าใจ…
“ใช่…พวกนั้นมันบ้า บ้ากันไปหมดแล้ว เพราะงั้น—”
“เพราะงั้นแหละ เราเลยต้องโต้กลับไม่ใช่รึไง”
“…”
“คิดว่าประเทศตัวเองอ่อนแอจริง ๆ เหรอ?”
ชายผู้เป็นตัวแทนของประเทศเดเวียไม่ตอบ ทำเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำแล้วหลบตา นั่นคือคำตอบที่เขามอบให้ฉัน…ทำเอาฉันเป็นคนโง่เลยแฮะ ที่กลัวพวกเขาด้วยเหมือนกันในตอนแรก
แต่ว่าเอาเข้าจริงก็คงไม่แปลกอะไร กับการที่โดนกดหัวมาตลอด คงจะเชื่อได้ยากว่าตัวเองมีคุณค่ามากขนาดไหน ดังนั้นฉันจึงสูดลมหายใจเข้าลึกเป็นการทำใจให้สงบ
ค่อย ๆ ตะล่อมไปคงดีกว่า…
“พวกท่านเป็นนักวิจัยใช่ไหม? ถ้างั้นลองสมมุติดูสิ ถ้าหากว่าไม่มีฟัวกราเข้ามายุ่งเกี่ยว พวกท่านจะไปได้ถึงขั้นไหน?”
“นั่นก็…”
เขาเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตาไปมองขอเทียมของตนเอง พร้อมทั้งลูบมันอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับตนเอง
ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ ว่าหากไม่มีสงครามนี้หินเวทคงไม่ราคาสูงขนาดนั้น แล้วอย่างน้อยเขาคงสามารถซื้อมันเพื่อสานฝันต่อได้ แต่ต่อให้ไม่มีสงครามหากว่ายังมีฟัวกราอยู่ คงจะไม่มีทางหาซื้อได้ในราคาที่เป็นธรรมแน่นอน
ดังนั้นหากทบทวนดูดี ๆ เขาคงรู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าหากไม่มีฟัวกราจะเป็นประโยชน์ขนาดไหน
“ถ้าท่านฟังคำขอของพวกเรา ขอแค่ไม่ส่งอาวุธและวิทยาการต่าง ๆ ให้กับฟัวกราก็พอ ฉันสัญญาว่าจะทำให้ประเทศของพวกเราเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน และจะให้สิทธิ์การซื้อขายหินเวทกับเดเวียเป็นประเทศแรก ตลอดระยะเวลา 5 ปี”
“!? ฉันไม่ได้โง่นะ จะทำได้เหรอ? ถึงจะบอกว่าเป็นทูต แต่ก็ยังเป็นอัศวิน ใช่ว่าจะทำได้ขนาดนั้นเสียหน่อย”
โทมัสเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอ คงเป็นการตกลงที่หอมหวานเลยล่ะ สำหรับพวกเขาที่ต้องการหินเวทเพื่อค้นคว้าจำนวนมาก
แต่ถึงกระนั้นก็น่ากังวลว่าจะเป็นแค่การยื่นข้อเสนอโดยพลการของฉันรึเปล่า ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
แต่ก็นะ
“ฉันทำให้ได้แน่…ถ้าหากว่าพวกเราชนะฟัวกรา”
ใช่ ถึงจะฟังดูมั่นใจเกินไปหน่อย แต่ถ้าหากว่าตัดขาของฟัวกราให้ไม่มีการสนับสนุนจากเดเวียแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นการต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้า แถมรวมเข้ากับการมีพวกแฟร์คอยหนุน โอกาสในการชนะสงครามก็จะมีเยอะกว่ามาก
แล้วในตอนที่โทมัสกำลังคิดหนักอยู่นั้น ฉันก็ชิงยื่นมือไปหาเพื่อเตรียมจับมือ ก่อนจะพูดประโยคทิ้งท้าย…พระสันตะปาปาพูดถูก มนุษย์ไม่มีทางอยู่ใต้การปกครองของใครสักคนไปตลอดกาลหรอก
เพราะสุดท้ายแล้ว
“มาเถอะ มาเป็นอิสระกัน”
ทุกคนก็ล้วนโหยหาอิสระกันทั้งนั้น
———————- ————————
(มุมคนเขียน)
ตื่นเต้น ไม่รู้คนอ่านเป็นด้วยไหม แต่เราเขียนไปตื่นเต้นไป(ฮา) เนื้อเรื่องค่อยๆเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเลย รึเปล่านะ? แต่ที่แน่ๆคือพอคิดว่าหลายๆอย่างใกล้จะปะติดปะต่อแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก ฮา
ช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะ นี่เลย!!
หมายเลขบูธในงาน Comic Squar มาแล้วนั่นเอง~ ถ้าใครมีโอกาสก็แวะเวียนไปหากันได้ ในวันที่ 13 มีนาคม 2022 เวลา 11.00-17.00 น. ณ ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์นะคะ!!
ส่วนจะมีอะไรออกบูธบ้างนั้น…กำลังปั่นอยู่ค่ะ!! //ไฟเริ่มลนก้น(ฮา)
อย่างน้อยๆตอนนี้รูปประกอบในเล่มก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ~ แอบกระซิบว่าในเล่มจะมีรูปกว่า 21 ภาพ หรืออาจจะมีเพิ่– แค่กๆ ยังไงก็ตามฟีบกันเลยทีเดียว UwU