ตอนที่ 921: ชิ้นส่วนของผลึกศักดิ์สิทธิ์
บูม! บูม! บูม..
สัตว์อสูรที่ดุร้ายทั้งห้าตัวไม่หยุดหลังจากที่ฉีกคนด้านนอกออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว พวกมันโถมเข้าใส่ม่านพลังอย่างต่อเนื่อง และต้องการที่จะสังหารคนที่อยู่ด้านใน
สัตว์อสูรทั้งห้าเป็นชั้นสวรรค์ที่ 5 และชั้นสวรรค์ 6 ดังนั้นการโจมตีของพวกมันจึงทรงพลังมาก ทุกการโจมตีของมันทำให้ม่านพลังสั่นไหวอย่างรุนแรงแต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายมันได้
ทุกคนผ่อนคลายเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเห็นแบบนี้ และใจที่เต้นแรงของพวกเขาก็สงบลงในที่สุด หลังของพวกเขาทั้งหมดเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ถ้าพวกเขาชักช้ากว่านี้นิดหนึ่งละก็ พวกเขาก็คงจบชีวิตลงเหมือนคนด้านนอก
ในตอนนี้ หนึ่งในสามส่วนของจอมยุทธทั้งร้อยหกสิบคนได้ตายไป ผู้รอดชีวิตที่โชคดีก็ไม่ได้จากไป กลับกัน พวกเขานั่งอยู่ข้างในม่านพลังและรักษาตัวเอง ไม่มีใครแน่ใจเกี่ยวกับอันตรายที่กำลังจะเจอและพวกเขาไม่มีพลังที่จะจัดการกับอะไรที่จะเกิดขึ้นในสภาวะตอนนี้ได้แล้ว
เจี้ยนเฉิน นูบิส ซี่หวังและอีก 4 คนที่เหลือทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ และกำลังฟื้นฟูพลังไปในเวลาเดียวกัน ทุกทุกคนใช้กำลังไปมากในสามวันที่ผ่านมาในการสังหารสัตว์อสูรไป พวกเขารอดมาได้ในสามวันนี้โดยพึ่งพายาของพวกเขา
“เฮ้อ มันน่าเสียดายที่ของที่ยังไม่สมบูรณ์ที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดทิ้งยังเอาไว้ยังอยู่กับพวกเขาข้างนอกอยู่ ถ้าพวกเราไม่สามารถเอาแหวนมิติจากพวกนั้นมาได้ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จวิธีการฝึกฝนทักษะเซียนระดับเทียน และความเข้าใจในการฝึกฝนที่ทิ้งเอาไว้โดยจักรพรรดิได้” ชายชราจ้องมองศพซึ่งอยู่ไกลด้านนอกม่านพลังอย่างเศร้าสร้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย
เจี้ยนเฉินมองไปที่แหวนมิติด้านนอกม่านพลังเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาลังเลว่าจะใช้ให้เสี่ยวไป๋ผ่านออกม่านพลังไปเพื่อไปเอาแหวนมิติเหล่านั้นหรือเปล่า
“ม่านพลังนี้ถูกร่ายโดยเซียนจักรพรรดิตลอดปีที่ผ่านมานี้และมันยังมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่ ข้าอยากรู้ว่าเสี่ยวไป๋จะผ่านม่านพลังนี้ไปได้สำเร็จหรือไม่” เจี้ยนเฉินตัดสินใจไม่ได้ว่าในตอนนั้น แต่เขาก็เลิกล้มความคิดหลังจากที่ลังเลสักครู่
“ผู้อาวุโสฮงบอกกับข้าก่อนหน้านี้ว่านอกจากตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดแล้ว ยังมีโถงศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย การที่ไปให้ถึงใจกลางของมันได้เท่านั้นถึงจะควบคุมมันได้ ข้าต้องหาทางไปที่นั่นและจากนั้นก็ควบคุมที่นี่ทั้งหมด” แววตาของเจี้ยนเฉินแน่วแน่ในขณะที่เขาคิดแบบนั้น
หลายวันต่อมา บางคนก็ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว พวกเขาแข็งแรงและเข้าไปในโถงต่ออย่างกระปรี้กระเปร่า เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อและพานูบิสกับซี่หวังที่กำลังพักฟื้นอยู่ออกเดินทางไป
เมื่อเห็นว่าคนทั้งสามกำลังจะออกไป โมจื่อและคนอื่นอีก 3 คนลังเลเล็กน้อยในขณะที่พวกเขากำลังฟื้นตัวอยู่ สุดท้ายพวกเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะรักษาตัวต่อและตามเจี้ยนเฉินเข้าไป
ผู้คนที่อยู่ใกล้ม่านพลังลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อพวกเขาจากไป อย่างไรก็ตาม ยังมีจอมยุทธสิบกว่าคนที่กำลังฟื้นฟูร่างกายอยู่เงียบ ๆ ที่เดิม พวกเขาไม่ต้องการที่จะออกไปจนกว่าที่จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพราะว่าถ้าพวกเขาไปเจอสมบัติเข้า พวกเขาก็คงไม่มีพลังที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงมันมาได้
เจี้ยนเฉินไม่ทำตัวเด่นและเคลื่อนที่ไปโดยอยู่ตรงกลางของกลุ่ม ในขณะที่ไทนิชเดินอยู่ด้านหน้าสุด เขามีพลังของเซียนราชามากกว่าใครอื่น และเขายังใช้มันไม่หมดแม้ว่าจะผ่านการต่อสู้กับสัตว์อสูรมาสามวันแล้ว ในตอนนี้เขายังคงใส่เกราะหนามากที่ควบแน่นมาจากพลังงานเพื่อป้องกันการถูกซุ่มโจมตีในตอนที่เขากำลังเดินทางอยู่
บรรยากาศเงียบสงัดตลอดทางที่พวกเขาไป ทุกคนขึ้นบันใดและมาถึงที่ทางเข้าหลักของโถงใหญ่โตในที่สุด พวกเขาทั้งหมดหยุดพร้อมกัน
“ทุกคน พวกเรามาผลักให้ประตูของโถงเปิดพร้อม ๆ กัน” ไทนิชพูดกับผู้คนที่อยู่ด้านหลังเขา สายตาของเขาหยุดเล็กน้อยเมื่อเขามองไปที่เจี้ยนเฉินแต่เขาก็มองผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะรวบรวมม่านพลังรอบรอบตัวเอง พวกเขาผลักประตูให้เปิดออกพร้อมกัน
เสียงดังแอ้ด ประตูที่หนักอึ้งก็ถูกผลักให้เปิดออกอย่างช้า ๆ โดยทุกคน มันไม่เหมือนโถงที่ศูนย์กลางของที่นี่ซึ่งพวกเขาถูกโจมตีโดยพลังที่รุนแรงในตอนที่พวกเขาเปิดออก
มันค่อนข้างมืดด้านในแต่มันก็ตกแต่งไว้สวยงาม มันเต็มไปด้วยงานศิลปะที่มีค่าและมันดูหรูหรามาก จอมยุทธทุกคนสังเกตบริเวณรอบ ๆ ในโถงอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะก้าวผ่านประตูสูงไปในที่สุดหลังจากนั้นสักพัก พวกเขาเริ่มค้นหาอย่างรวดเร็ว
“นี่เป็นขนจากสัตว์อสูรระดับ 8 จากทวีปเทียนหยวน มันมีค่ามาก แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครเอามันมาใช้เป็นพรม” บางคนตะโกนออกมา ในตอนนี้เขากำลังจ้องไปที่พรมสีขาวผืนใหญ่ด้วยท่าทางยินดี และเขาก็เอาพรมทั้งผืนเก็บลงในแหวนมิติ
“นี่เป็นไม้วิญญาณที่พบได้ยาก มันสามารถเร่งความเร็วให้พลังธรรมชาติมารวมกันได้ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีคนเอามันมาทำเก้าอี้ ? ถ้าข้าฝึกฝนโดยนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ มันคงเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของข้าเป็นอย่างมาก” จอมยุทธอีกคนพูดออกมาในขณะที่เขาชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่สองข้างของโถง เขาเก็บเก้าอี้พวกนั้นเข้าไปในแหวนมิติ
หลายคนเริ่มที่จะต่อสู้เพื่อที่จะแย่งเก้าอี้ที่ทำมาจากไม้วิญญาณทั้งตัว คนมากกว่าสิบคนเริ่มที่จะจับไปที่ที่นั่งด้วยความกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ และทุกคนก็จับไปที่เก้าอี้ตัวหรือสองตัว
“ข้าจับเก้าอี้นี้ก่อน เจ้าพยายามจะแย่งข้างั้นหรือ ? “
“เจ้าหมายความว่ายังไงที่เจ้าจับมันก่อน ? เห็นเห็นอยู่ว่าข้าจับมันก่อนเจ้า”
คนสองคนเริ่มเถียงกันในขณะที่พวกเขาจับที่วางแขนของเก้าอี้คนละข้าง ไม่มีใครยอมใคร ดังนั้นพวกเขาจึงสู้กันหลังจากนั้น
ไม่มีใครสนใจพวกเขา คนอื่นยังคงค้นหาต่อไป ทันใดนั้นเอง ตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่เล็กลงในขณะที่เขาทอดสายตาไปที่บัลลังก์ใหญ่สูง 10 เมตรที่อยู่ข้างหน้าเขา มันเป็นสีฟ้าทั้งหมดและเปล่งแสงเลือนรางออกมา เขาบอกได้เลยเพียงมองปราดเดียวว่ามันต้องสุดยอดมากแน่
เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ทรงพลังมากที่ซ่อนอยู่ในบัลลัง มันบริสุทธิ์มาก แม่ว่ามันจะมีพลังงานธาตุน้ำเหมือนกับในเหรียญผลึกชั้นยอด แต่มันก็บริสุทธิ์มาก ความแตกต่างของมันเหมือนความแตกต่างของแกนอสูรระดับ 5 กับระดับ 7
“โอ้ เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ข้าเห็นอะไรเข้านี้ ? สวรรค์ มันน่าเหลือเชื่อจริงจริง ข้าได้มาเห็นผลึกศักดิ์สิทธิ์เข้าจริง ๆ “
“มีผลึกศักดิ์สิทธิ์ มีผลึกศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ด้วย”
“พวกเจ้า มันเป็นผลึกศักดิ์สิทธิ์จริงด้วย ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีชิ้นใหญ่ขนาดนี้”
..
คนมากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตเห็นบังลังก์ที่ส่องแสงเลือนรางออกมาในขณะที่พวกเขาร้องตะโกน เสียงพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ ซึ่งตามมาด้วยความอยากได้
“มันเป็นผลึกศักดิ์สิทธิ์ทั้งชิ้นจริง ๆ ด้วย บัลลังก์นี้ถูกสร้างขึ้นมาจากผลึกศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดนี้ช่างฟุ่มเฟือยเสียจริง” ตาของไทนิชก็เต็มไปด้วยความโลภด้วย ผลึกศักดิ์สิทธิ์นั้นใช้แทนผลึกชั้นยอดได้ พลังงานธาตุน้ำที่อยู่ในนั้นบริสุทธิ์มาก พวกมันหาเจอได้ด้วยโชคเท่านั้นและมันมีอยู่เพียงแค่ในตำนาน หลายคนอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตแต่ก็ไม่เคยเห็นมันเลย ชิ้นที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นใหญ่มากและไม่สามารถประเมินค่าได้
ทุกคนยากที่จะต้านการยั่วยุจากผลึกได้ ทุกคนพุ่งเข้าไปและต้องการที่จะเอามันไปเป็นของตัวเอง
คนที่อยู่ใกล้บัลลังก์ที่สุดได้ไปถึงก่อนทุกคน ในตอนที่เขากำลังจะยื่นมือออกไปเพื่อที่จะจับมัน หอกสามง่ามก็พุ่งมาที่ข้างข้างเขา ทำให้เขาต้องชักมือกลับไป
ในพริบตาเดียว การต่อสู้วุ่นวายก็เกิดขึ้นในโถง เพื่อผลึกศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ การต่อสู้ใหญ่ระหว่างผู้คนเองก็เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก พลังงานที่รุนแรงระเบิดไปทั่วโถงแต่มันก็ทำลายอะไรไม่ได้
ไทนิชก็เข้าร่วมต่อสู้ด้วย เขาทรงพลังมากและกระแทกคนออกไปทีละคนด้วยดาบคู่ของเขา ก่อนที่จะไปถึงที่ผลึกอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขากำลังจะยื่นมือไปไปที่บัลลังก์เพื่อที่จะเอาบัลลังก์ไปไว้ในแหวนมิติ เจี้ยนเฉินที่มองดูอยู่ไกล ๆ ก็โจมตีออกมาในที่สุด
ยุทธภัณฑ์ราชาที่อยู่ในมือของเขาเปล่งประกายไปด้วยปราณกระบี่ที่สูงตระหง่าน เหมือนว่าเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ เขากลายเป็นกระบี่ และกระบี่กลายเป็นเขา
วู้บ !
เจี้ยนเฉินเหลือเพียงภาพติดตาและพุ่งผ่านทุกคนไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อและไปถึงที่ข้างหน้าผลึก ยุทธภัณฑ์ราชาที่ส่องแสงสีดำแทงไปที่แขนของไทนิชที่กำลังเข้าใกล้บัลลังก์ด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
ไทนิชเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเจี้ยนเฉินอยู่ลับ ๆ ตลอดเวลาอยู่แล้ว สำหรับเขาแล้ว มีเพียงผู้คุมกฎของเผ่าเต่าเท่านั้นที่สามารถจะกดดันเขาได้อย่างมาก ในตอนนี้เขาเห็นเจี้ยนเฉินเคลื่อนไหวแล้ว สายตาของเขาเย็นชาเป็นประกาย เขาดึงมือกลับมา ก่อนที่จะฟันอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปที่เจี้ยนเฉินด้วยดาบทั้งคู่ของเขา
ยุทธภัณฑ์ราชาปะทะเข้ากับดาบของไทนิชและคลื่นพลังงานที่รุนแรงก็พุ่งพวยออกมาทันที อาวุธของพวกเขาดูเหมือนถูกกาวติดอยู่ด้วยกัน ติดอยู่และไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงคลื่นพลังรุนแรงเท่านั้นที่ถูกส่งออกมาจากจุดที่อาวุธทั้งสองปะทะกัน
พวกเขาจ้องมองกันและกันด้วยตาหรี่เล็ก เจี้ยนเฉินยังไร้อารมณ์และเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าเขายังสงบอยู่ อีกทางหนึ่ง ไทนิชนั้นเคร่งเครียดและหน้าของเขาก็หม่นลงมาก พร้อมกันกับสีหน้าตกใจจาง ๆ
“อ้าก ! “
การปะทะอยู่แบบนั้นไม่นาน ไทนิชคำรามออกมาอย่างรุนแรงและพลังงานที่น่ากลัวมากกว่าเดิมก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา พลังผ่านมือของเขาเข้าไปที่ดาบ มันถล่มอย่างรุนแรงไปที่ยุทธภัณฑ์ราชาของเจี้ยนเฉิน
บู้ม !
พวกเขาแยกออกจากกันในที่สุดพร้อมกับเสียงดังสนั่น และทั้งคู่ก็กระเด็นออกไปด้วยพลังงานที่รุนแรง
เจี้ยนเฉินทรงตัวได้หลังจากที่ถอยไปหลายเมตรและวาดกระบี่ขึ้นมา เขาจ้องอย่างเย็นชาไปที่ไทนิช
ไทนิชจ้องกลับไปที่เจี้ยนเฉินในลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ลมหายใจของเขานั้นปั่นป่วนเล็กน้อย ในขณะที่ท่าทางของเขาเริ่มกลัว
“ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือความคาดหมายของข้าจริง ๆ ” ไทนิชคำรามออกมา จากการปะทะกันครั้งเดียว เขาก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของเจี้ยนเฉิน
ด้วยยุทธภัณฑ์ราชา เจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งเท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 แม้ว่าไทนิชจะทรงพลังมาก แต่เขาก็ไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ดังนั้นเขาจึงพ่ายแพ้ไปเมื่อเขาปะทะกับเจี้ยนเฉิน
ในตอนนี้เอง ผลึกใหญ่ก็ได้หายไปแล้ว ตอนที่เจี้ยนเฉินและไทนิสสู้กันอยู่ บางคนได้ใช้บัลลังก์เพื่อบังตัวเอง และเข้าใกล้มันจากอีกด้าน คนนั้นขโมยบัลลังก์เก็บไว้ในแหวนมิติและหนีไปไกลทันทีด้วยความตื่นเต้น