บทที่ 34 ฝาแฝด..?
ฉันในตอนนี้กำลังนั่งสร้างชุดอยู่ นี่มันสร้างยากกว่าสร้างหลุมดำซะอีกนะ เพราะเป็นงานฝีมือโดยการสร้างเสื้อ
สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ จนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสร้างเสื้อผ้าง่ายๆ ในโลกเดิมแม้จะดูไม่เข้ากับยุคนี้แต่ก็ดีกว่าใส่ชุดชั้นในแหละ
ฉันสร้างชุดเสร็จก็กำลังจะมุ่งหน้าต่อ ฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของใครไม่รู้จากซ้ายมือ
ลังเลอยู่นิดหน่อยแต่ความไม่รู้คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตเช่นพวกเรา ดังนั้นฉันจึงกัดฟันเดินหน้าไปซุ่มในพุ่มไม้
มองออกไป ตรงหน้ามีใครสักคนกำลังถูกฝูงก็อปลินล้อมอยู่ แต่ทว่าในมือข้างหนึ่งของเธอถือกรรไกร ในมือข้างหนึ่งเธอถือมีดผ่าตัด
และเสียงหัวเราะที่ดูบ้าคลั่งนั่นทำเอาฉันขุนลุก และเริ่มที่จะใช้มันตัดลิ้น แทงตา ตัดหูของก็อปลินอย่างว่องไว
“ช..ชาร์ล็อต..”
ฉันเห็นหน้าเธอคนนั้นก็อุทานออกมาเบาๆ ในใจ ท่าทางที่เหมือนสาวซาดิสม์ นั่นมันคืออะไรกัน ฉันว่าแล้วผู้หญิงคนนี้ต้องอันตราย
แต่ทำเป็นไม่เห็นจะดีกว่า ว่าแล้วก็ถอยออกจากพุ่มไม้ แต่เหมือนเท่าจะไปเหยียบกิ่งไม้เข้า
“ใครนะ?!”
แม้เธอจะถามฉันด้วยความตกใจแต่ก็ปามีดออกมาแล้ว แต่ว่าในวินาทีที่ปาออกมานั้นเสียงของชาร์ล็อตก็ดังขึ้นอีก
“ไม่ได้นะ!?”
เธอเหมือนทะเลาะกับตัวเองใช้ความเร็วจากไหนไม่รู้วิ่งข้ามมีดที่ปามาหยุดตรงหน้าฉันและรับมีดไว้อย่างรวดเร็ว
“นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอชาร์ล! สัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“หยุดพูดเลยมารี เธอไม่เห็นหรือไงว่านี่คือเพื่อนของพวกเรา?”
“เพื่อนบ้าไรล่ะ พึ่งรู้จักกันไม่ถึงวัน”
ฉันมองอย่างโง่งมไปกับเหตุการณ์ตรงหน้า.. เอ่อ.. นี่มันเรื่องอะไรหว่า ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ
แต่เหมือนจะมีคนคนเดียวกำลังทำน้ำเสียงสองโทนทะเลาะกันอยู่ ฉันที่กำลังยืนงง ในที่สุดเหมือนชาร์ล็อตจะควบคุมร่างตัวเองได้แล้วก็
“ขอโทษนะคะ ท่านเลทิเซีย ขอโทษจริงๆ ค่ะ.. เมื่อกี้คือพี่สาวฝาแฝดของฉันเองค่ะ..”
ฝาแฝด เดี๋ยวนะ.. ในโบกนี้ตรรกะฝาแฝดเกิดจากไข่ใบเดียวกันหรือคนละใบก็ไม่รู้ นี่คือต้องมีร่างเดียวกันเหรอ?
ไม่สิไม่ใช่ เพราะข้อมูลที่ได้รับมาจากเทพธิดามันก็ปกติที่จะมีอยู่ของใครของมัน แม้ในโลกนี้ลูกแฝดจะแทบไม่มีเลย
หรือจะพูดให้ถูกคือไไม่มีมาหลายร้อยนปีเลยก็ว่าได้เพราะลูกแฝดนั้นจะได้รับพลังจากเทพมหาศาล ดังนั้นจึงมีน้อยนิดมากๆ
แต่นี่คือใช้ร่างเดียวกันอีกด้วย.. จะว่าไปฉันรู้สึกแปลกๆ กับการทะเลาะกันของทั้งคู่เมื่อกี้นี้ด้วย.. จะว่าไงดีล่ะ.. มันเหมือนกับตัวเองทะเลาะกันเองงั้นแหละ
ก็นะ ใบหน้าเดียวกันนี่น่า.. ฉันส่ายหัวแต่ก็ต้องระวังผู้หญิงคนนี้มากขึ้น ถ้ามีคนอยู่ในหัวนั่นอีกหมายความว่าพวกเจาสามารถให้คนหนึ่งวางแผน
ขณะเดียวกันให้อีกคนตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง จนไม่สามารถแยกได้ว่าเธอใช้ความคิดอยู่หรือเปล่า
เหมือนเธอจะเห็นสีหน้าสงสัยของฉันเลยพูดขึ้น
“มารีเป็นพี่สาวฝาแฝดของฉัน เธอเป็นเหมือนแสงสว่างเวลาที่ฉันถูกรังแกเธอจะช่วยเหลือฉัน.. เพราะงั้นฉันจึงตกลงกับเธอว่า มารีจะออกมาแค่บางเวลาแต่เธอจะทำอะไรก็ได้กับร่างกายของฉัน… ไม่สิ ร่างกายของพวกเรา”
ว่าแล้วเธอก็ก้มหน้า.. เอ่อ.. มันดูน่าสงสารไงไม่รู้แฮะ เพราะฉันมีพี่สาวหรือน้องสาว เลยเข้าใจเธอมาก
แต่เพราะพี่สาวของเธอต้องใช้ร่างเดียวกันสลับไปมามันเลยทำให้เหมือนจะสนิทแต่กลับไม่สนิท.. ไม่เหมือนกับฉันและเลวี่ที่สามารถกอดกันได้
(พอเป็นเรื่องพี่น้องทีไร เลทิเซียก็จะอ่อนโยนลงอย่างยากที่จะเลี่ยง)
ฉันถอนหายใจออกมา ช่างเป็นชีวิตพี่น้องทำลำบากจริงๆ ฉันคิดแบบนั้น อันที่จริงคนที่ควรระวังก็เป็นคนพี่มากกว่า
“ท่านเลทิเซีย.. ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ เพราะว่า.. เพราะว่า…”
“เข้าใจแล้ว”
อืม ฉันเข้าใจความรู้สึกที่หวงพี่สาวตัวเองไม่อยากให้ใครเข้าใกล้นั่นน่ะ ฉันเข้าใจดีจึงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดอะไร
(อันที่จริง เพราะชาร์ล็อตไม่อยากให้คนรู้เยอะกลัวจะถูกจับไปทดลองนั่นนี่ และอาจจะมีเหตุผลลึกมากกว่านี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะบอกให้คนไม่สนิทฟัง)
ฉันพูดไปแบบนั้น ชาร์ล็อตก็ยิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและมีเพียงความสื่อตรงเท่านั้นว่า
“ขอบคุณนะ”
“…”
รอยยิ้มแบบนั้นเหมือนกับยัยซิลเวียไม่มีผิด ไม่รู้ทำไมมันทำให้ฉันอดที่จะใจเต้นไม่ได้..
รอยยิ้มแบบนั้นน่ะ.. ทำไมถึงเป็นพิษแบบนี้นะ เพราะในชาติก่อนนอกจากพี่สาวและน้องสาวแล้ว.. ฉันก็ไม่เคยได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนและขอบคุณนั่นจากใครเลย
แต่ทำไม.. ถึงได้รับบ่อยนักในชีวิตนี้ ฉันเอามือกุมหน้าอกตัวเองเบาๆ สงบจิตใจลงได้ เหมือนชาร์ล็อตพึ่งนึกอะไรขึ้นได้
“จริงสิ เพื่อเป็นการขอบคุณ ชั้นขอมอบสิ่งนี้ให้ท่านเลทิเซียแล้วกัน”
ว่าแล้วเธอก็ยื่นจี้สีแดงมาให้ฉัน เป็นจี้ที่ค่อนข้างประหลาดไม่มากก็น้อยเลยล่ะ แถมรู้สึกถึงพลังเวทที่อัดแน่นอยู่ภายในนั้นด้วย
อาจจะเป็นเครื่องรางเวทมนตร์ภายใน ด้วยความระมัดระวังตัวฉันจึงใช้เวทมนตร์ตรวจสอบลงบนจี้สีแดงก้อนนั้นพลางถามออกไป
“นี่คืออะไร?”
แต่จากการตรวจสอบก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เหมือนเครื่องรางที่มีคลื่นพลังเวทอยู่นิดหน่อยน่ะ
“มันคือ..จี้ที่ฉันได้รับมาจากคนคนหนึ่งตอนที่ฉันหลงทางในตอนเด็กน่ะ.. หลังจากนั้นเธอก็ส่งฉันกับบ้านแล้วบอกว่า จี้นี้คือสิ่งที่สำคัญต่อเธอมาก…”
เธอเหมือนจะมีคำพูดต่อแต่เลือกที่จะไม่พูด แต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นของของเธอ แถมยังดูเหมือนจะสำคัญของเธอมาก
“แต่นี่มันเป็นของสำคัญ.. เธอควรจะเก็บ…”
“ไม่หรอก.. ฉันรู้สึกว่านี่มันสำคัญกับท่านเลทิเซียมากกว่าที่ฉันจะเก็บไว้ มันอาจจะดูงดงามขึ้นถ้าคุณเลทิเซียถือมันนะ”
เหมือนเธอจะไม่ยอม ฉันลังเลแต่ก็เลือกที่จะพยักหน้าตอบ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ฉันก็รู้สึกถึงบางอย่างในจี้นี้
ขณะที่ฉันกำลังจะเก็บใส่ถุง.. ในตอนนั้นเองทุกอย่างก็มืดมัวหัวฉันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะที่ฉันกำลังจะเก็บใส่ถุง.. ในตอนนั้นเองทุกอย่างก็มืดมัวหัวฉันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่..ม ท่าน…จอ— อย-…ทำ..แ— นั้น”
“อ๊ากกก”
ฉันพยายามจะฟังแต่เสียงนั่นขาดๆ หายๆ จนฟังไม่รู้เรื่องแต่ฉันกลับจำสิ่งนั้นได้ชัดเจนรู้สึกตัวอีกทีก็กลับมายืนอยู่ตรงจุดเดิม
คิ้วของชาร์ล็อตย่นเข้าหากันมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเหมือนเลวี่ทำบ่อยๆ เวลาฉันเจอปัญหา
“เป็นอะไร.. หรือเปล่าคะ ท่านเลทิเซีย..?”
“อืม.. ไม่เป็นไร.. ยังไงก็เถอะเลิกเรียกฉันว่า ท่าน ได้แล้ว.. เรียกว่าเลทิเซียเฉยๆ ก็ได้ ถือว่าแลกกัน”
“เอ๋.. แต.. แต่ว่า…..”
ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดแบบนี้ ทั้งๆ ที่รู้จักกับเธอมาไม่นานแท้ๆ แต่ก็รู้สึกรำคาญจริงๆ ถูกเรียกท่านก่อนชื่อเนี่ย
เพราะยังไงซะก็ไม่มีคนเรียกแบบนั้น เลวี่เรียกท่านพี่ก็จริงแต่เป็นคำแทนของน้องสาวในโลกนี้เรียกพี่สาวพี่ชายทุกคน ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกๆ อะไร
ส่วนซิลเวียก็เรียกฉันห้วนๆ ในขณะที่โคลเอ้กับลาน่าเรียกฉันว่าองค์หญิง.. มีแค่ชาร์ล็อตเท่านั้นที่เรียกฉันแบบนั้น พอเห็นสีหน้าจริงจังของฉันเธอจึงตอบ
“ก็ได้ค่ะ.. เล..ทิเซีย..”
“…”
แค่เรียกชื่อจะอายทำไมเนี่ย ฉันไม่เข้าใจท่าทางพิลึกกึกกือของเธอ แต่ในตอนนั้นเองพลันมีกระแสลมปริศนาหมุนเคว้งมาจากทุกทิศทาง
แรงผลักลึกลับซัดเอาฉันกับชาร์ล็อตจนกระเด็น
“อย่า—”
เสียงที่ดูคุ้นๆ ดังขึ้นหากแต่ทว่าในชั่วพริบตานั้นเองก็มีคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามวลลมนั่นเป็นผู้หญิงลึกลับที่ชื่ออเล็กเซีย
และในแทบจะทันทีก็มีร่างของผู้หญิงอีกสองคนปรากฏขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้หญิงผมสีขาวฉันเคยเห็นเธอมาก่อน เธอคือคนที่ชื่อริว
ส่วนอีกคนมีผมสีเหลืองทอง เป็นคนที่มีสีหน้าหงุดหงิดที่สุดจากทั้งสาม
“นี่คือโลกของฉัน คงไม่อาจปล่อยให้เธอทำมันปั่นป่วนหรอกนะ”
“ถอย.. ไป!”
เสียงลึกลับจากมวลลมดังขึ้นพร้อมกับขาข้างหนึ่งที่ก้าวออกมาแต่ผู้หญิงที่ชื่อริวก็พูดออกมา แต่ผู้หญิงผมสีเหลืองก็พูดขึ้น
“นี่ถือเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ที่เธอทำให้ฉันรู้สึกรำคาญห้ะ?”
“แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนพึ่งเป็นครั้งแรกนิ”
ผู้หญิงที่ชื่ออเล็กเซียแย้งขึ้น แต่มีคนเดียวที่ไม่พูดโต้แย้งนั่นคือคนที่ชื่อริว เธอดีดนิ้วและคลื่นพลังก็ผลักใส่มวลลมจนแตกสลายไป
ผู้หญิงผมสีเหลืองทองก็ พ่นลมหายใจเบาๆ จนพลังลึกลับถูกถีบส่งกลับคืนและกลายเป็นอุโมงค์กาลอวกาศ รอยร้าวปรากฏขึ้นทั่วทั้งมิติ
ในขณะที่.. ผู้หญิงที่ชื่ออเล็กเซียก็ปาเม็ดยาสีดำใส่ “ปัง!” ทุกอย่างพังทลายและโลกแห่งนี้แตกทลายจนพวกเราถูกผลักออกมา ฉันกระอักเลือดทันที
“อั้ก… เมื่อกี้.. มันบ้าอะไรกัน?”
ภัยพิบัติระดับไหนที่ดีดนิ้ว พ่นลมหายใจและเม็ดยาทำลายมิติกว้างสองร้อยกิโลเมตรได้ในพริบตาเดียว?
ที่นี่มันจะอันตรายเกินไปแล้ว!
……….