บทที่ 37 หนังสือหนึ่งเล่ม…?
ฉันใช้เวลาเดินไม่นาน อันที่จริงมันควรถึงเร็วกว่านี้แต่ฉันต้องระวังตัวดังนั้นจะเดินไปชนกับคนอื่นไม่ได้ เพราะนี่เป็นวันกอดเปิดเทอม
คนจึงพากันออกไปสะสางธุระที่ยังทำไม่เสร็จกัน และฉันเองก็เป็นหนึ่งใน โรงเรียนลิเบอร์นั้นแบ่งเรียนเป็นสามระดับ
แต่ละระดับมีสองปี.. แต่ไม่ได้หมายความว่าระดับหนึ่งแต่อยู่มาก่อนพวกฉันปีหนึ่งจะต้องอยู่ห้องเดียวกัน เพราะแต่ละปีแบ่งเป็นคนละระดับชั้นเรียนกันเลย
ว่าง่ายๆ คือเรียนหกปีนั่นแหละแต่ละปีคือเป็นแบ่งชั้นเรียน แต่ละระดับคือระดับความสามารถของนักเรียนในฐานะจอมเวทหรือนักรบนั่นแหละ
เอาง่ายๆ ถ้าอยู่ในฐานะจอมเวทระดับล่างเท่ากับผ่านเข้าระดับที่สามแล้วนั่นเอง แต่ถ้าไปไม่ถึงก็จะไม่สามารถเลื่อนชั้นได้
ซ้ำชั้นอยู่ปีเดิมระดับเดิม
แต่เอาจริงๆ ฉันกับเลวี่นั้นต้องย้ายโรงเรียน แต่มันเป็นเรื่องหลังจากนี้อีกนานจะขอไม่พูดถึงแล้วกัน
ในที่สุดฉันก็มาถึงเมืองมันเป็นเมืองที่ใหญ่เหมือนเดิม แต่น่าประหลาดคือคนเยอะกว่าตอนที่ฉันมาถึงครั้งแรกอีก
และส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่ผ่านเข้าโรงเรียนแล้ว แถมเมืองนี้ไม่มีแผงลอยแต่มีแค่ร้านค้าประจำที่ตั้งอยู่ตลอดทางเดิน
เป็นเมืองแห่งการค้าขายแทบจะโดยสิ้นเชิงเลย ฉันลังเลอยู่พักหนึ่งการเดินดุ่มๆ เข้าไปในที่ชุลมุนนี่เป็นเรื่องอันตรายเกินไป
ฉันครุ่นคิดหาวิธีที่ดีที่สุด แต่คิดยังไงก็ไม่กล้าเข้าไปอยู่ดี..
“เอ๋ เลทิเซีย?”
จู่ๆ ก็มีเสียงดัง ขึ้นสายตาฉันก็หันหลังกลับไปทันที พบกับผู้หญิงผมสีขาวคนหนึ่ง ฉันตกใจอย่างช่วยไม่ได้
เธอคนนี้คือชาร์ล็อต ชาร์ล็อตเห็นฉันยืนไม่กล้าเดินเข้าไปเธอเหมือนจะพูดขึ้น
“เธอกลัวที่คนเยอะๆ งั้นเหรอ?”
เหมือนเธอจะแสดงสีหน้าแปลกใจมาก ฉันไม่ได้กลัวที่คนเยอะหรืออะไรแบบนั้น ฉันแค่กลัวที่ที่อันตรายเท่านั้น
ถ้าหากคนเดินชุลมุนอยู่แถวนี้เป็นน้องสาวหรือพี่สาวฉันทั้งหมดคงสามารถเดินได้แบบปกติ (?)
(ชาร์ล็อตประหลาดใจที่คนอย่างเลทิเซียมีข้อด้อยอะไรแบบนี้อยู่ด้วย เลยอดที่จะทำให้ตกใจไม่ได้)
“ว่าแต่เลทิเซียมาทำอะไรเหรอ?”
เธอถามฉันขึ้น ก่อนที่ฉันจะคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบออกไปว่า
“ซื้อของช่วยป้องกันตัวน่ะ”
อันที่จริงฉันก็ปิดเธอไม่ได้อยู่แล้วเพราะเธอเป็นรูมเมจของฉัน ในโรงเรียนนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงหรือผู้มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ก็ตาม
ก็จะต้องแชร์ห้องกันอยู่กับคนอื่น มันไม่ใช่เพราะว่าไม่มีงบหรืออะไร แต่ดูเหมือนจะเป็นการสานสัมพันธ์ในโรงเรียนน่ะนะ
ซึ่งด้วยเหตุนี้ฉันต้องอยู่กับฆาตกรโรคจิตอย่าง มารีที่บางครั้งก็โผล่ออกมาตอนกลางดึก โชคดีที่ชาร์ล็อตช่วยควบคุมร่างกาย
แน่นอนฉันไม่มีทางจะฝากชีวิตไว้กับคนที่ไม่สนิทฉันจึงไม่ทำแค่ป้องกันตัวเองจากศัตรูต่างห้อง ยังป้องกันตัวเองจากเพื่อนร่วมห้องด้วย
แน่นอนฉันไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ แต่ฉันบอกแค่ว่าฉันจะทำเครื่องป้องกันตัวในห้องพอ เหมือนชาร์ล็อตจะเข้าใจเธอพยักหน้า
“งั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยเอง มาสิ!”
เธอยื่นมือมาหาฉันพร้อมกับยิ้ม.. เอ่อ.. ฉันลังเลนี่ไม่ใช่ว่าฉันกลัวคนแต่ฉันกลัวคนลอบสังหารนี่น่า!
ชาร์ล็อตเหมือนเห็นท่าทางลังเลของฉันเธอเลยยื่นมือมาจับมือฉันทันที นี่เธอคิดจะให้ฉันถูกฆ่าหรือไงกัน
(อันที่จริง ชาร์ล็อตคิดว่าเลทิเซียกลัวคน ดังนั้นเธอเลยจับมือเลทิเซียเดินเพื่อที่จะช่วยให้หายกลัว)
ฉันถูกลากเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้นเองคอเสื้อของฉันก็เหมือนไปถูกบางอย่างจับเอาไว้
ฉันตอบสนองด้วยความไวสูงตัดสิ่งนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว เพราะก่อนที่มันจะมีคนรัดคอฉัน ฉันต้องป้องกันตัวไว้ก่อน(?)
(คอเสื้อไปเกาะกับกระดุมใครสักคนเท่านั้น)
แต่เพราะเหตุทำให้ชุดฉันขาดออก ฉันตกใจเอามือข้างหนึ่งกุมเสื้อไว้อีกข้างหนึ่งดึงชุดไม่ให้มันเปิดออกกลางที่สาธารณะ
ทำให้ฉันไร้ทางต่อต้านนอกจากถูกลากไปกับชาร์ล็อต ขณะพยายามฟื้นฟูเสื้อผ้าด้วยเวทมนตร์ซึ่งแน่นอนว่ามันยากพอๆ กับการสร้างชุดหรูแบบนี้ใหม่
ฉันจึงได้แต่เดินตาม แต่เห็นหน้าสะใจ (มีความสุข) ของชาร์ล็อตดูท่าเธอจะวางแผนให้เป็นแบบนี้สินะ
บ้าเอ๊ย ประมาทผู้หญิงคนนี้เกินไป ฉันลืมไปเลยว่ายังไงซะชาร์ล็อตกับมารีก็คือพี่น้องกันนี่น่า ยังไงซะถึงจะต่างกันก็คงต่างไม่มากนักสินะ
แต่ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็พาฉันมาถึงร้านค้าในที่สุด
“งั้นฉันจะไปรอข้างนอกนะ”
“อืม”
ฉันตอบออกไปดีหน่อยที่เธอจะได้ไม่มาเห็นของที่ฉันซื้อ ฉันเลยเลือกซื้อของอยู่นานสองนาน
ถึงเห็นแบบนี้ก็เป็นองค์หญิงฉันเลยมีเงินไม่น้อยเลยแหละ ด้วยเหตุนี้เลยเลือกซื้อของได้ ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ‘อาร์ติแฟ็ค’ อยู่
อาร์ติแฟ็คเป็นของที่สร้างขึ้นมายากมาก ในปัจจุบันไม่มีวิธีสร้างมันแล้วแหละ แต่ว่ามีสิ่งที่ง่ายกว่าคือ ‘อุปกรณ์เวท’
ว่าง่ายๆ คือ อาร์ติแฟ็คเกรดต่ำนั่นแหละนะ แต่ว่ากันตามตรงเลยคือถึงจะว่าเกรดต่ำแต่อุปกรณ์เวทบางอัน ฆ่าได้ยันไวเวิร์นเก่งๆ เลยนะเออ
พิจารณาได้เลยว่าอาร์ติแฟ็คของจริงจะแข็งแกร่งขนาดระเบิดภูเขาเผากระท่อมแน่ๆ ส่วนฉันก็สร้างอุปกรณ์เวทขึ้นโดยใช้พื้นฐานความรู้จากโลกเดิม
สิ่งที่จำเป็นในการใช้สร้างอุปกรณ์เวทนี้คือวัตถุเวท วัตถุเวทคือแร่หายากที่จะมีพลังเวทไหลเวียนอยู่ด้านใน ดูเหมือนจะถูกเรียกว่า ‘วงจรเวท’ หรืออะไรนี่แหละ
และการจะสร้างอุปกรณ์เวทคือเชื่อมต่อวงจรเวทด้านในและต่อโครงสร้างด้านนอก ฟังมาแล้วมันไม่ง่ายเลยแหละ
แต่ฉันพอมีความรู้เกี่ยวกับแผงวงจรอยู่คงไม่น่าจะเป็นปัญหาละมั้ง.. ฉันเลือกของซื้อของดีๆ แต่ในตอนที่กำลังเลือกซื้อของเพลินๆ
ฉันก็ยื่นมือไปหยิบแท่งเหล็กแท่งหนึ่งเหมือนจะมีพลังเวทเยอะมาก เป็นของวิเศษหายากกว่าชิ้นอื่นแน่นอน ด้วยพลังเวทปีศาจของฉันสามารถตรวจสอบพบ
แต่ในจังหวะที่ฉันจับก็มีมือมาจับพร้อมกัน ฉันจึงหันขวับไปดูทันที เพราะสถานการณ์ที่ใช้ลอบโจมตีได้นี่
“ฉันจับก่อน มันเป็นของฉัน”
เธอคนนั้นพูดออกมาเธอจับแน่นเหมือนไม่ยอมปล่อยเลย.. ผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในคนที่ทำลายมิตินั่นนี่น่า
ผู้หญิงผมสีทอง.. แต่ว่ากันตามตรงพวกเราจับพร้อมกันนี่น่า เพราะงั้นมันก็ควรจะแบ่งกันไม่ใช่เหรอ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเข้าข้างตัวเองแถมจ้องเขม็งด้วย
“ฉันจับมันก่อน”
ฉันเองไม่ยอมแพ้หากยอมถอยเธอต้องคิดว่าฉันรังแกง่ายแน่ๆ ดังนั้นถึงจะกลัวแต่ก็ต้องสู้เพื่อที่จะไม่ถูกมองเป็นหมูในกำมือนะ
เธอถลึงตามาที่ฉัน แบบนี้มันข่มขู่นี่น่า! ข่มขู่กันโต้งๆ เลย ห…หรือว่าเธอเองก็เป็นมาเฟียในต่างโลกเหมือนกัน
แต่เธอสวมชุดนักเรียนนี่น่า… ไม่สิขนาดผู้หญิงที่ชื่ออเล็กเซียยังเป็นได้เลย! ลืมคิดไปเลย ถ้าเธอเป็นมาเฟียจริงฉันควรเลือกที่จะถอยมากกว่า
เพราะหากเป็นนักเรียนธรรมดาต้องทำตัวให้ไม่ถูกรังแก แต่ถ้าเป็นมาเฟียพวกมันสามารถลอบสังหารพวกเราได้
ถึงจะอยากได้ของชิ้นนี้แต่คงต้องยอมเท่านั้น.. ฉันถอนหายใจขณะที่กำลังจะปล่อยมือ ผู้หญิงผมสีทองก็ลังเลสักพักหนึ่งก่อนจะยื่นมือมาทางฉัน
“ห๊า?”
“ฉันให้เพราะงั้นฉันขอของชิ้นนี้ แลกกัน..”
“…?”
ฉันที่กำลังไม่เข้าใจ ในมือของเธอก็มีหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น.. ห้ะ.. ฉันกะพริบตามอง เอ๋.. นี่เธอพยายามจะฝ่ายให้ฉันเลิกราที่จะแย่งวัตถุเวทเหรอ..?
แต่ฉันมองลงไปในหนังสือ ฉันก็เห็นแค่ตัวอักษร ‘อาวุธพิชิตสวรรค์’ .. ก็คือหนังสือธรรมดา.. แบบธรรมดาที่แท้จริงเลยล่ะ
ไม่ใช่แม้กระทั่งหนังสือเวทมนตร์.. เอ่อ.. คงไม่ใช่แค่เล่มเดียวละมั้งฉันคิดแบบนั้น แต่หนังสือเล่มที่สองก็ไม่ยอมโผล่ออกมา
เดี๋ยวนะนี่จะใช้หนังสือเล่มแลกวัตถุเวทชิ้นนี้จริงเรอะ?! แต่ฉันก็ไม่คิดจะแย่งอยู่แล้วในเมื่อเป็นมาเฟียได้แต่ยอมถอยละนะ
“ก็ได้”
ฉันแสร้งรับมา อย่างน้อยก็ไม่ถูกเกลียดจนอาจจะโดนลอบสังหารละนะ ว่าแล้วฉันก็รีบเดินออกมาทันที
ผู้หญิงคนนั้นมันอะไรกันนะ? เหมือนจะไม่ปกติซะเลย (ถึงเจ้าตัวจะว่าคนอื่นเขาไม่ได้ก็เถอะนะ)
…………