บทที่ 39 ผู้ผดุงความยุติธรรม
ฉันกำลังยืนรอผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปในโรงเรียนอยู่ แต่เธอลีลามากจนฉันรู้สึกอยากจะบ้าตาย เดี๋ยวเดินเดี๋ยวหยุดนั่นแหละ
จนพระอาทิตย์เริ่มที่จะสาดแสงสีเหลืองอาบท้องฟ้าแสดงให้เห็นว่ามันกำลังจะลาลับ และคนก็เริ่มน้อยลง
ฉันกำลังขมวดคิ้วคิดนั้นเองจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องเดินเข้ามา ฉันถึงกับตกใจทันที ทำไมเด็กนั่นต้องเดินมาทางนี้
มีความเป็นไปได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง… สายตาฉันหันไปหาผู้หญิงผมสีทองที่หยุดเดินและหันมาทางนี้..
หรือว่านี่เป็นแผนของเธอ?!
แล้วฉันไม่กล้ามองตรงๆ กลัวว่าเธอจะรู้ตัวว่าฉันมองแผนเธอออก แต่ฉันใช้หางตาแอบมอง เธอก้มลงไปทำอะไรบางอย่างบนพื้น
และเป็นเวลาเดียวกันกับที่เด็กคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าฉัน.. นี่มันการส่งสัญญาณบางอย่างสินะ?!
ฉันควรทำยังไงดีในสถานการณ์นี้ ขณะที่กำลังวิตกกังวลนั้นฉันก็หันซ้ายหันขวา พบว่าใกล้ๆ ตัวเองไม่มีใครอยู่แล้ว
นี่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกว่าเดิม แต่ในตอนนี้เองชาร์ล็อตก็ปรากฏตัวขึ้นฉับพลัน
“ฉันกลับมาแล้ว เด็กหลงทางงั้นเหรอ?”
เธอถามฉันด้วยสีหน้าสงสัย ก็น่าจะเป็นแบบนั้นแต่เหมือนจะเป็นแผนของผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ!
แต่ก็ไม่ชัดเจนและฉันไม่ควรบอกความคิดของตนเองให้คนอื่นรู้ดังนั้นฉันจึงต้องทำตัวไหลตามกระแสไป แต่ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นเท่าตัว
“เหมือนจะเป็นแบบนั้น”
ชาร์ล็อตคิดอยู่พักหนึ่งหลังจากที่ฉันพูด ก่อนที่เธอจะเดินไปและย่อตัวไปหาเด็กคนนั้นพร้อมกับลูบหัวเด็ก
“โอ๋ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า พลัดหลงกับคุณแม่เหรอ?”
“พี่สาว…เป็นใคร?”
เด็กคนนั้นดูอายุหกเจ็ดขวบเองเท่านั้น แต่อายุไม่เกี่ยวหรอกอาจจะใช้วิธีบางอย่างควบคุมก็ได้นี่น่า
ชาร์ล็อตลุกขึ้นยืนและเดินมายืนอยู่ใกล้ๆ ฉัน พร้อมกับยกมือขึ้นใส่อกตัวเองแล้วตอบอย่างมั่นใจ
“พวกเราคือนักเรียนจอมเวทผู้ผดุงความยุติธรรมไงล่ะ!”
“ว้าว~~”
เหมือนชาร์ล็อตรู้สึกไม่สุดเลยใช้วิธีอะไรไม่รู้ทำให้มีเอฟเฟคแสงปรากฏด้านหลังพวกเราใช้เวทมนตร์เสียเปล่าชะมัดเลย (?)
ว่าแต่ผดุงความยุติธรรมอะไรล่ะ! เหมือนคนหลอกลวงมากกว่า! แต่น่าแปลกใจที่เด็กคนนั้นตาเป็นประกายเห็นชัดว่าชื่นชมมาก
เอ๋.. ถ้าเป็นฉัน ฉันวิ่งหนีไปแล้วนะ.. ก็แบบเห็นคนแปลกหน้ามาเก๊กท่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมในโลกอันโหดร้ายนี้อ่ะ!? (เธอไม่ปกติ)
ว่าแล้วเชียวเด็กนี่อาจจะโดนใครควบคุมหรือวางแผนอะไรอยู่กันแน่สินะ ถึงไม่สงสัยอะไรเลย (เธอไม่ปกติเอง!)
“พี่สาวจะช่วยผมตามหาคุณแม่เหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ชาร์ล็อตตอบตกลงไม่ถามฉันสักคำ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ตามน้ำไปจะเป็นการดีกว่าสินะ หากผลีผลามทำอะไรไม่คิดมีหวังจบเห่แน่
ฉันที่คิดได้แบบนั้นก็ไม่ปฏิเสธ เพราะถ้าไม่ตามน้ำอีกฝ่ายอาจเปลี่ยนแผนที่รุนแรงกว่านี้ แต่ว่าถ้าตามน้ำอย่างน้อยก็พอรู้ว่า
ต้องเกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้เป็นแน่ ดังนั้นฉันจึงสามารถใช้ความรู้นี้ในการตั้งรับเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้นั่นเอง
“พี่มีชื่อว่าชาร์ล็อตส่วนคนนี้ชื่อว่าเลทิเซีย”
ว่าแล้วชาร์ล็อตก็แนะนำตัวให้ ทำไมเธอทำเหมือนอยากเปิดเผยข้อมูลฉันจังเลยล่ะ.. หรือว่าจะเป็นพวกเดียวกัน?!
ไม่สิ.. ทั้งสองไม่เคยเห็นหน้ากันนี่น่าไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกมั้ง แต่ถึงจะพูดแบบนั้นฉันก็ระวังชาร์ล็อตด้วย
(ชาร์ล็อตแค่คิดว่า เลทิเซียไม่น่าจะมีทักษะการคุยกับเด็ก เพราะตอนแรกแสดงท่าทางกระวนกระวาย)
“พี่สาวชาร์ล็อตกับพี่สาวเลทิเซีย ผมมีชื่อว่าชิเอล ยินดีที่ได้รู้จักนะพี่สาว”
“อ่าา เป็นเด็กดีจริงๆ”
ชาร์ล็อตลูบหัวเด็กคนนั้น เดี๋ยวสิ อย่าจับตัวเด็กคนนั้นโดยยังไม่รู้ว่ามีอะไรสิ ฉันรีบดึงมือชาร์ล็อตออก
“เอ๋? มีอะไรเหรอ เลทิเซีย?”
เธอถึงกับอึ้งมองมาที่ฉัน.. ชาร์ล็อตนี่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยจริงๆ นะ ฉันถอนหายใจออกมา (เลทิเซียต่างหากที่รู้ร้อนรู้หนาวเกินความจริง)
เด็กผู้ชายคนนั้นก็ประหลาดใจ อ๊ะ แย่แล้วลืมตัวไปเลยเด็กอาจจะรู้ว่าแผนแตกแล้ว ฉันหัวใจเต้นแรงต้องกลบเกลื่อนโดยไว
พอคิดแบบนั้นสายตาก็สังเกตไปเห็นหูบนหัวของเด็กนั่นซึ่งไม่ใช่หูของมนุษย์ แต่เป็นหูของสัตว์ แต่ก่อนที่ฉันจะได้กลบเกลื่อนเด็กนั่นก็ชิงพูดขึ้นก่อน
บัดซบแบบนี้แย่แน่ ฉันเตรียมตัวและเตรียมตอบโต้กลับทันที หากเริ่มทำอะไรผิดปกติละก็ ฉันเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้ว.. เคยทำให้คนที่ยังไม่ได้ทำอะไรฉันสลบไป
ฉันเรียนรู้จากตรงนั้นมาแล้ว คราวนี้ไม่พลาดแน่… แต่สิ่งต่อมามันกลับทำให้ฉันรู้สึกงงอย่างช่วยไม่ได้ ระบบความคิดของมนุษย์ในโลกใบนี้มันยังไงกันแน่?
“พี่สาวนี่เป็น.. คู่รักกันเหรอ?”
“….”
“……”
เอ่อ.. ก่อนอื่นเลยฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับชาร์ล็อตนะ ไม่สิ.. ถึงข้างในจะเป็นชายก็เถอะนะ แต่ตอนนี้ก็ควรถูกมองว่าเป็นหญิงสิ
แล้วผู้หญิงกับผู้หญิงมันรักกันได้ที่ไหนกัน ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีทำไมต้องตั้งคำถามนี้ขึ้นมา ทำให้ไขว้เขวงั้นเหรอ!?
น.. นี่มันร้ายกาจเกินไปแล้ว
(ชิเอลผู้เข้าใจว่า การกระทำเมื่อกี้ของเลทิเซียคือการแสดงความรู้สึกหึงหวง เหมือนที่พ่อเคยไปแตะตัวผู้หญิงอื่นและคุณแม่ก็หวงกระชากมือพ่อกลับอย่างรุนแรง.. ซึ่งสถานการณ์เมื่อครู่มันเหมือนกันเป๊ะ)
“เอ่อ.. ไม่..ใช่ แบบนั้นหรอกนะ.. ว่าแต่ทำไมชิเอลถึงมาอยู่ที่นี่”
ไม่รู้ทำไมชาร์ล็อตที่อยู่ข้างๆ ถึงร้อนรนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือว่าเธอจะมองออกไปแล้วว่าเด็กคนนี้ถูกส่งมา?!
เพราะงั้นถึงได้ร้อนรน .. ให้ตายสิ ควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าได้ไม่ได้เลยนะเธอเนี่ย (เธอแค่เขินอาย)
“อ้อ.. ผมเป็นเผ่าจิ้งจอกน่ะ พาท่านพี่มาเข้าเรียนโรงเรียนนี้ และเหมือนท่านพี่จะสอบติดด้วย พวกเราเลยมาฉลองกันในร้านอาหารเล็กๆ แต่จู่ๆ ก็มีพวกคนประหลาดเข้ามาทำร้ายท่านพี่ แต่ท่านพ่อช่วยเอาไว้ แล้วให้แม่พาผมกับพี่ออกมาก่อน.. แต่ผมก็พลัดหลงกับคุณแม่และพี่น่ะ.. จะว่าไปพวกพี่สาวก็เป็นนักเรียนจอมเวทเหมือนพี่ผมเลยนี่น่า..”
“แบบนี้นี่เอง”
ฉันที่ฟังอยู่ก็เข้าใจทันที แบบนี้นี่เองบางทีเด็กคนนี้อาจจะโดนควบคุมอยู่สินะ ก็แบบมีเบื้องลึกเบื้องหลังให้มาเจอกับฉันแบบบังเอิญอะไรแบบนี้
แถมเด็กคนนี้ยังร้องไห้ออกมาเมื่อเริ่มเล่า.. ชาร์ล็อตพยักหน้าทันทีเธอก้มตัวลงไปถามเด็กคนนั้น
“แล้วร้านอาหารที่ว่ามันร้านไหนงั้นเหรอ?”
“ผมจำได้.. ว่าร้านนั้นอยู่ที่ไหน..”
ว่าแล้วเด็กคนนั้นก็เช็ดน้ำตาและเดินนำพวกเรา ดูเหมือนจะเข้มแข็งจริงๆ ชาร์ล็อตกับฉันก็เดินตามน้ำไป
ถึงฉันจะไม่ชอบเลยก็เถอะนะ แถมกลิ่นปัญหาที่โชยมาแตะจมูกขนาดนี้แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากตามน้ำไปเท่านั้น
เฮ้อ ทำไมฉันต้องมาเจออะไรเลวร้ายแบบนี้อยู่ทุกวันเลยน้า (เอ็งคิดมากไปไง?!)
แต่จู่ๆ ชาร์ล็อตก็ลดฝีเท้าลงเดินช้าลงมาเดินอยู่พร้อมกับฉันแล้วเธอก็กระซิบข้างหูของฉันเบาๆ
“ขอโทษนะ… ที่ลากเธอมาด้วยแบบนี้”
“อืม.. ไม่เป็นไรหรอก”
ฉันตอบออกไป ก็แหมใครจะไปโวยว่าทำไมถึงพาฉันไปด้วยอะไรแบบนี้ก็คงไม่ได้สิ ดังนั้นจึงได้แต่ตอบว่าไม่เป็นไรเท่านั้นแหละ
……………