บทที่ 47 – มิโกะ…?
ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็เห็นชาร์ล็อตกำลังนอนจ้องหน้าฉันอยู่ ไม่รู้ว่าเธอตื่นแต่ตอนไหน แล้วเธอก็พูดขึ้น
“อรุณสวัสดิ์”
“อืม อรุณสวัสดิ์”
ฉันก็ทักทายกลับไปเพราะสะลึมสะลืออยู่ อืมจะว่าไปเมื่อคืนเธอมานานเตียงเดียวกับฉันนี่น่า คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะตื่นมาก็เห็นหน้าเธอทันที
แต่เธอทำไมไม่ลุกไปไหนสักทีละ หรือว่าพึ่งตื่นเหมือนกัน มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอในขณะที่ฉันกำลังงงอยู่นั้นเอง
เสียงระฆังที่อยู่บนหอนาฬิกาภายในโรงเรียนก็ดังขึ้นพอดี ระฆังนี้เป็นระฆังตอนหกโมงเช้าที่จะปลุกนักเรียนเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน
เพราะว่าโรงเรียนต้องการความเป็นระเบียบวินัยมากที่สุด ทุกคนต้องตื่นขึ้นมาและทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยและไปโรงเรียนตอนประมาณแปดโมงครึ่ง
หรือมีเวลาสองชั่วโมงครึ่งนั่นเอง แล้วชาร์ล็อตก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย แน่นอนว่าเรื่องอาหารมีโรงอาหารเช้า กลางวัน เย็น อย่างหรู
อันที่จริงจะทำเองก็ได้แต่คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนธรรมดา เลยไม่คิดจะทำอาหารกินเองกันอยู่แล้วล่ะ
“วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกสินะ”
อืม.. ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นฉันหันไปหาเธอที่พึ่งลุกขึ้นก็ผงะทันทีเพราะเธอไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเลย นึกสิ เมื่อคืนเธอสวมเสื้ออยู่นี่น่า
พอเห็นฉันตกใจเธอเหมือนจะงงก่อนจะพึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังเปลือย แล้วเจ้าหล่อนก็หน้าแดงขึ้นพร้อมกับ
“กรี๊ด!”
ดึงผ้าห่มฉันไปปิดร่างกาย เอาจริงเราเป็นผู้หญิงทั้งคู่จะอายทำไมหว่า ไม่สิ ถึงฉันจะเคยเป็นผู้ชายมาก่อน แต่เธอไม่รู้นี่
อย่างน้อยเธอก็มองฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันทำไมต้องอาย แต่ปัญหาไม่ใช่ตรงนั้นหรอก ปัญหาคือเธอถอดเสื้อทำไม
เหมือนเธอจะได้ยินความคิดฉันเธอก็พูดอายๆ
“เพราะว่าฉันชินกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติ พอมีเตียงนุ่มๆ ผ้าห่มดีๆ มันเลยรู้สึกรำคาญขึ้นมา ตอนดึกเลยอาจจะเผลอลุกขึ้นมาถอดชุดน่ะ.. ขอโทษด้วย..”
“ห้ะ..อะ.. อืม…”
ถึงจะงงๆ หน่อยฉันก็ตอบออกไป หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมตัว เพราะห้องน้ำมีถึงสองห้องให้อำนวยความสะดวก
ถึงมีสองห้องน้ำในห้องเดียวมันจะดูแปลก แต่ว่าเป็นปกติเพราะมีคนอาศัยสองคนต่อหนึ่งห้องนอนนั่นเอง
น่าเสียดายที่ฉันไม่ค่อยรู้วิธีการอาบน้ำของผู้หญิงเท่าไหร่ เพราะไม่มีตนสอนแล้วตอนอยู่วังก็มีคนรับใช้ช่วยตลอด
พอมาอยู่คนเดียวเลยยุ่งยากมาก โดยเฉพาะตอนสระฉันไม่คิดว่ามันจะลำบากขนาดนี้ หลังจากอาบน้ำเกือบสี่สิบกว่านาทีก็เสร็จเส้น
สวมชุดนักเรียนอย่างเสร็จศัพท์ ชาร์ล็อตทำธุระส่วนตัวเสร็จก่อนฉันเลยไปยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว พอฉันออกมาเธอก็ทักขึ้น
“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ เลทิเซีย?”
“อืม”
“งั้นไปกันเถอะ”
พวกเราเดินไปด้วยกันไม่รู้ว่าบังเอิญหรือยังไง เพราะเลวี่ที่อยู่ห้องถัดจากพวกเราก็ออกมาเจอกับพวกเราพอดี
“อ๊ะ ท่านพี่ อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านพี่แล้วก็ชาร์ล็อตก็ด้วย กำลังจะไปทานอาหารงั้นเหรอคะ ไปด้วยกันพอดีเลย”
“อรุณสวัสดิ์เลวี่”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเลวิเนีย”
ฉันกับชาร์ล็อตทักทายเลวี่ ก่อนที่เพื่อนร่วมห้องเลวี่จะออกมาเธอสวมแว่น ผมสีดำยาวจนถึงเอว ปลายผมพันด้วยผ้าสีขาวรวบๆ ไม่ให้กระจายออก คล้ายๆ ผมทรงฮิเมะคัตละมั้ง
(ว่าง่ายๆ ทรงฉันทรงมิโกะนั่นแหละ)
ฉันถึงกับขมวดคิ้วทันที ฉันไม่คิดว่าคนที่อยู่ร่วมห้องกับเลวี่จะเป็นคนไม่รู้จัก ไม่ใช่ว่าอยู่ห้องเดียวกันกับโคลเอ้หรอกเหรอ
“เลวี่นั่นเป็นใคร ไม่ใช่ว่าเธอมีรูมเมจเป็นโคลเอ้เหรอ”
ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าถ้าอยู่กับโคลเอ้ พอฉันพูดแบบนั้นไม่รู้ทำไมจู่ๆ เลวี่ก็ยิ้มหน้าบานขึ้นมา
(เลวี่เข้าใจว่าพี่สาวตัวเองกำลังหึงอย่างแรงกับการที่มีคนอื่นนอนห้องเดียวกันกับน้องสาวสุดที่รักอย่างเลวี่ เธอจึงยิ้มหน้าบาน)
“ดูเหมือนว่าตอนท่านพี่หลับอยู่จะมีปรับตารางห้องนิดหน่อยเพราะมีเด็กนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่น่ะ”
ฉันพยักหน้า… แต่สายตามองไปยังเด็กผู้หญิงคนนั้นยิ่งทำให้เลวี่ดีใจกว่าเดิม ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
“เอ่อ.. ฉัน..ฉันชื่อว่าโอโฮวริ ทสึรุค่ะ”
“ท่านพี่คะ เธอเป็นอัจฉริยะด้วยวัยเพียงแค่แปดขวบเธอก็เข้าชั้นเรียนเดียวกับพวกเราได้แล้วเลยล่ะ เธอเป็นเด็กดีมากๆ ด้วย”
แปดขวบ? แปดขวบตัวใหญ่กว่าฉันอีกนะเนี่ย ฉันรู้สึกไม่อยากจะเชื่อแต่เลวี่ก็เริ่มเล่าเรื่องราวของเธอคนนี้ให้ฟัง
เธออ้างตัวเองว่าจะเป็นมิโกะหรืออะไรสักอย่าง ที่มีพลังในการรับรู้? ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่เหมือนเลวี่จะคุยกับเธอคนนี้จนดึก
เธอเป็นเผ่าอสูรเหมือนกับชาร์ล็อต เธอตื่นมาในโรงเรียนแห่งนี้เติบโตและเรียนรู้ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธระยะประชิดและเวทมนตร์
เรียกได้ว่าเก่งทุกด้านเลยแหละ พอพูดถึงเธอ เธอก็เหมือนจะรู้สึกอาย.. ก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอกนะ แต่ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ฉันระวังตัวจากเธอไม่น้อย
“ฉันชื่อ เลทิเซีย”
หลังจากเลวี่คะยั้นคะยอให้ฉันแนะนำตัวกับเธอ ฉันเลยจำต้องแนะนำตัวไปเธอเองก็เหมือนเป็นสาวขี้อายไม่ค่อยกล้าพูด (ปกติะไม่แนะนำตัวเรอะ ?)
วิ่งไปหลบหลังเลวี่ซะงั้น ถึงจะดูเหมือนสาวไม่กล้าสู้คนแต่บางทีเธออาจจะเป็นคนที่มีแผนมากมายในหัวก็ได้ การแสดงออกด้านนอกไม่สามารถบอกได้หรอก!
คนแบบนี้น่ากลัวยิ่งนัก!
ในขณะเดินไปคิดไปนั้นเอง ก็ไปเจอโคลเอ้ที่ออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องที่มีหูเป็นจิ้งจอกกำลังเดินไปโรงอาหารเหมือนกัน
“อ่าว ท่านเลทิเซียอรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์โคลเอ้”
“ท่านเลวิเนียแล้วก็คุณชาร์ล็อตเองก็อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์/ค่ะ”
แล้วสายตาโคลเอ้ก็หันไปเจอกับทสึรุที่ยืนอยู่ข้างๆ เลวี่ เธอก็ปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนฉันเปะเลย
แล้วก็แนะนำตัวกันอีกครั้งโคลเอ้เองก็มิตรสัมพันธ์ดีไม่น้อยแต่เห็นชัดว่าเธอเว้นระยะห่างอยู่เหมือนกัน แต่ในตอนนั้นเองผู้หญิงที่มีหูจิ้งจอกก็พุ่งเข้ามาจับมือฉันไว้
“ท่านคือท่านเลทิเซียใช่ไหม ขอบคุณที่ช่วยน้องชายฉันกับพ่อด้วยนะ ต้องขอบคุณจริงๆ!”
เธอขอบคุณฉันยกใหญ่ ฉันก็งงอยู่พักหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่จะลืมอะไรไปฉันเจอเด็กที่เป็นจิ้งจอกนั่นนี่น่า
ไม่คิดว่าพี่สาวที่ว่าสามารถสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ จะเป็นรูมเมจของโคลเอ้ โลกนี่มันกลมจริงๆ .. กำลังคิดว่าฉันจะคิดแบบนั้นอยู่เหรอ
ไม่มีทาง! มันบังเอิญเกินไป! อาจจะมีใครชักจูงอยู่เบื้องหลัง
เห็นทีนอกจากเจ็ดเรื่องลึกลับ ยังมีศัตรูที่แสนอันตรายจ้องเล่นงานอยู่อีก แถมยังน่าจะเป็นคนมีฐานะในโรงเรียนนี้
ไม่งั้นคงไม่สามารถจัดการที่พักของนักเรียนได้แน่ๆ ใครงั้นเหรอ.. คนที่ฉันนึกออกมีแค่คนเดียวนั่นคือผู้หญิงที่ชื่อชิสุ อะไรนั่น
แต่เพื่ออะไรกันล่ะ?
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามโลกอันโหดร้ายนี้ก็จะยังคงมีอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง!
………