บทที่ 53 – โลกใบนี้
สีหน้าของฉันตอนนี้ไม่รู้เลยว่ากำลังเป็นยังไงเพราะตัวฉันที่สั่นอยู่.. ไม่รู้จัก? ได้ยังไง? ไม่มีพี่.. ได้ยังไง?
“พะ.. พูดอะไรของเธอน่ะลูเซีย.. จำพี่ไม่ได้เหรอ? เรนไง.. แล้วก็ยังมีพี่เอลน่าด้วยนะ”
“เอ่อ.. ขอโทษนะคะ.. เผ่าอสูรไม่มีครอบครัวเหมือนมนุษย์นะคะ”
“…..”
ฉันพูดไม่ออกทันที เผ่าอสูร? เผ่าอสูรบ้าอะไรกันเธอเป็นคนธรรมดาในโลกธรรมดาไม่ใช่หรือไงกัน?!
แล้วจะมาเป็นเผ่าอสูรได้ยังไงกันล่ะ จะว่าคนหน้าคล้ายก็ไม่ใช่เพราะทั้งอายุ เพศ และท่าทางเหมือนกับลูเซียที่ฉันเจอครั้งล่าสุดทุกอย่างเลย
ไม่สิ.. ตั้งแต่ฉันตายมันก็ผ่านมาแล้วประมาณ 14 ปีที่แล้วนี่น่า มันหมายความว่าถ้าผ่านมาขนาดนั้นแล้วเธอก็ต้องโตบ้างสิ
เดี๋ยวก่อนนะ บางทีเวลาโลกนี้กับโลกอีกใบไหลไม่เท่ากันก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันนี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เธอจำวันเกิดของตัวเองได้หรือเปล่า?”
“เอ๋.. ทำไมงั้นเหรอคะ … ฉันไม่มีความทรงจำเรื่องวันเกิดหรอกค่ะ”
ก็คิดไว้แล้วล่ะนะ เพราะชาร์ล็อตเองก็จำไม่ได้ แต่เรื่องที่ว่าเธอคือน้องสาวฉันจริงๆ เนี่ย.. คงยังฟันธงไม่ได้
ไม่รู้ทำไมฉันดันเกิดความรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นึกสภาพว่าน้องสาวของฉันต้องมาอยู่ในโลกแบบนี้
ถึงโลกเดิมจะโหดร้ายและน่ากลัว แต่ในโลกนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าโลกเดิมเพราะมีพวกของเวทมนตร์
แต่คนที่เหมือนกับน้องสาวทุกอย่างงั้นเหรอ จะว่าไปเธอชื่ออะไรนะ ฉันยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลยนี่น่า เผลอทึกทักไปเองว่าเป็นลูเซียไปซะได้
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้วฉันก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะขอโทษออกไปแล้วก็ถามชื่อ ถึงจะไม่ค่อยอยากทำ
แต่ฉันรู้สึกว่าเธอคนนี้ไม่ได้อันตรายอะไร.. อาจจะเป็นเพราะหน้าตาที่เหมือนลูเซียทำให้ฉันรู้สึกมองเธอเหมือนน้องสาวก็ได้
“เรื่องเมื่อกี้ขอโทษนะ เธอหน้าตาเหมือนคนที่ฉันรู้จักเกินไปหน่อย ว่าแต่เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ?”
“เอ๋.. ฉันแนะนำตัวไปแล้วนี่น่า ไม่ใช่รู้เรื่องนั้นอยู่แล้วหรอกเหรอ..?”
“เมื่อกี้พูดอะไรนะ?”
เหมือนเธอจะพึมพำกับตัวเองแต่ฉันดันไม่ได้ยินเพราะเสียงเบาเกินไป พอถามออกไปแบบนั้นเธอก็ปฏิเสธทันที
“อ๊ะเปล่าค่ะ.. ฉันมีชื่อว่า ลูเซีย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ.. แล้วคุณล่ะ?”
“แม้แต่ชื่อเองก็…”
ฉันพูดไม่ออก ฉันถอนหายใจออกมาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ไม่ใช่ลูเซีย ฉันนึกภาพไม่ออกเลยถ้าพี่ที่เสียไปแล้วรู้ว่า
ฉันไม่ดูแลลูเซียไม่พอ ยังปล่อยให้ลูเซียมาในโลกที่ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญแบบนี้ คงถูกพี่สาวทุบหัวแตกแน่ๆ
หลังจากฉันสงบอารมณ์ลงได้ ฉันก็ออกมาจากหอนาฬิกาและกลับไปยังห้องเรียนพร้อมกับเดินไปรับประทานอาหารเที่ยง
ก่อนจะกลับมาเรียนต่อด้วย หลังจากหมดปัญหาคิดมากทำให้ฉันตามการเรียนการสอนเริ่มจะทันขึ้นมาบ้าง
วิชาวิทยาเวท คือหนึ่งในวิชาที่ฉันสนใจมากที่สุด แต่เมื่อเช้านี้ฉันดันไม่ได้ฟัง จึงไปขอร้องให้ชาร์ล็อตช่วยว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ก่อนจะตามคนอื่นทัน แต่วันนี้เองก็ไม่มีอะไรพิเศษจนกระทั่งเรียนจนจบและกลับไปยังหอพัก… วันธรรมดาก็ผ่านไป
ฉันใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียน รู้สึกพริบตาเดียวก็แทบผ่านไปสองเดือนแล้ว ตั้งแต่มาเรียนที่นี่
ฉันได้รู้จักเวทมนตร์มากขึ้น ทำให้ฉันสามารถควบคุมเวทมนตร์ปีศาจได้ดีขึ้น แน่นอนรวมถึงเวทมนตร์มนุษย์ด้วย
และสองเดือนที่ผ่านมาทุกคนในห้องแทบสนิทกัน ถึงช่วงนี้จะไม่ค่อยได้คุยกับเลวี่ก็เถอะ จริงสิ แล้วก็ยกเว้นคนที่ชื่อโรสกับอเล็กเซียน่ะนะ คนที่ชื่ออเล็กเซียก็ว่าไปอย่าง
แต่คนชื่อโรสนี่แทบไม่เข้าห้องเรียน ไปซุกตัวอยู่ในห้องสมุดทั้งวี่ทั้งวันเลย แต่ไม่มีคนห้าม สมกับเป็นมาเฟียแห่งต่างโลกจริงๆ
และฉันก็ได้รู้ข่าวหนึ่งมาซึ่งจะมีการจัดเทศกาลล่าสมบัติในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า ผู้ที่ติดอันดับท็อปยี่สิบจะทำให้ห้องมีโอกาสสู้ในกิจกรรมโรงเรียนอีกครึ่งปีข้างหน้า
ทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมายเลยทีเดียว อย่างเรื่องสามารถออกไปล่ามอนสเตอร์และหารายได้ได้อีกต่างหาก
แต่คนในโรงเรียนนี้ไม่จำเป็นต้องหาเงิน แต่พวกเขาแสวงหาโลกภายนอกในฐานะนักสู้อะไรทำนองนั้น
ซึ่งสำหรับฉันนั้น… ไม่สนใจเลยสักนิด ใครจะอยากเอาตัวไปเสี่ยงสู้กับปีศาจบ้างล่ะ? ไม่มีทาง
แถมถ้าไปแย่งชิงกับคนอื่นละก็มีโอกาสที่เขาจะไม่ชอบขี้หน้าสูง จนเกิดความแค้นในใจและหาทางเอาคืนทุกอย่างก็ได้
ฉันไม่ต้องการแบบนั้นสักนิด แต่ที่ฉันสนใจคือการที่บอกว่า การล่าสมบัติเนี่ยจะส่งไปยัง ‘ชิ้นส่วนเวหา’
เป็นพื้นที่ที่เป็นมิติที่ตัดขาดจากโลกนี้ สามารถหาสมบัติที่เรียกว่า ‘อาร์ติแฟ็ค’ ในตำนานได้เนี่ยสิ
อีกอย่างไอ้ชิ้นส่วนนี้ ปกติมันมีประมาณร้อยปีครั้งเลย พวกเราที่มาทันพอดีถือว่าโชคดีสุดๆ เลย
แล้วถ้าถามว่าปีก่อน ใช้อะไรเป็นคัดเลือกในการสู้ในกิจกรรม ในเมื่อเทศกาลล่าสมบัติในชิ้นส่วนเวหานี้ ร้อยปีมีครั้ง
นั่นก็มีเทศกาลล่าสมบัติเหมือนกัน แต่เป็นการล่าสมบัตินอกทวีปแห่งนี้..หลังจากที่ฉันมาเรียนในที่แห่งนี้
ฉันก็ได้ทราบว่าแม้โลกนี้จะถูกเรียกว่า ‘โลก’ แต่มันไม่ใช่ดาวเคราะห์ เพราะมันคือโลกที่ไม่ใช่ทรงกลม แต่แบนราบทั้งหมด
แถมขนาดของมันก็ยังหาจุดสิ้นสุดยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้ทวีปนี้จะยิ่งใหญ่แต่ก็ยังมีทวีปอื่นอีกมากมาย ซึ่งทางโรงเรียนจะสุ่มพาไปล่าสมบัติในทวีปต่างๆ นั่นแหละ
นั่นแหละ เอาเป็นว่าฉันจะเข้าร่วมเทศกาลล่าสมบัติครั้งนี้ให้ได้ ฉันจึงเตรียมตัวไว้เยอะๆ
เริ่มจากยา.. ตั้งแต่มาเรียนโรงเรียนนี้ฉันรู้วิธีปรุงยาจากคนที่ชื่ออเล็กเซีย ถึงจะไปแอบดูเอาก็เถอะ ยาของเธอคนนี้ค่อนข้างแปลก
เพราะใช้พลังเวทในการผสมของต่างๆ ทำให้ผลของยามันสามารถรักษาแม้แต่แผลฉกรรจ์ ถามว่าต้องการเหรอ ทั้งๆ ที่มีพลังฟื้นฟู แต่พลังก็มีหมดนี่น่า
ฉันพกเอาไว้เยอะๆ แล้วยังมีชุดเกราะป้องกันชุดเกราะเตรียมรับสภาพอากาศ..และอื่นๆ อีกมากมาย
ด้วยเหตุนี้การเตรียมพร้อมสำหรับครึ่งเดือนข้างหน้าก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ฉันนั่งเตรียมของในห้อง จู่ๆ ชาร์ล็อตก็ทักขึ้นมา
“เลทิเซียเองก็จะเข้าร่วมเทศกาลล่าสมบัติเหรอ?”
“อืม..”
“รู้สึกว่านอกจากพวกเราแล้วยังมีคนจากห้าโรงเรียนด้วยนะ.. อีกอย่างทุกการกระทำของเราพวกคนที่อยู่ด้านนอกมองเห็นได้ด้วย ไม่กลัวหรือรู้สึกอึดอัดบ้างเหรอ?”
อืม..ถามว่ากลัวไหมก็กลัวแหละไม่มีเหตุผลที่จะวิ่งไปตายนี่จริงไหม? แต่เรื่องอาร์ติแฟ็คนี่คือสิ่งที่จะช่วยทำให้ชีวิตฉันนั้นปลอดภัยมากขึ้นนี่
มีคำพูดที่ว่า หากไม่ยอมเสี่ยง จะไม่ได้อะไรเลย ถึงปกติจะไม่ชอบเสี่ยงก็เถอะนะ แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วรู้สึกว่าไปจะคุ้มกว่าล่ะนะ
“นั่นสินะ.. แต่เธอน่ะไม่ต้องไปหรอก”
ฉันตอบไม่ค่อยตรงคำถามก่อนจะบอกแบบนั้น แน่นอนว่าไม่ต้องการคู่แข่งมาแย่งเอาอาร์ติแฟ็คหรอกนะ
เพราะงั้นถึงไล่ให้เธอไม่ลงไงล่ะ ไม่รู้ทำไมพอพูดออกไปแบบนั้นชาร์ล็อตก็เหมือนจะหน้าแดงซะอย่างงั้น ไข้ขึ้นกะทันหัน?
(สิ่งที่อยู่ในหัวชาร์ล็อตคือ “นี่เลทิเซียเป็นห่วงความปลอดภัยของฉันด้วยงั้นสินะ” พอคิดได้แบบนั้นก็อดที่จะเขินไม่ได้)
………..