บทที่ 58 – ความจริงของ….?
ถามว่ารู้จักหรือเปล่างั้นเหรอ แน่นอนว่าฉันรู้แต่ก็แค่สองเรื่องน่ะนะ เพราะเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องโกหก อีกเรื่องหนึ่งฟังจากปากซิลเวียมา
ถึงจะไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่แต่ก็ไม่ประมาทเลยตีไปว่าเป็นอีกเรื่องที่ควรระวัง ส่วนเรื่องที่มั่นใจว่ามีจริงที่สุดคือเรื่องที่ฉันเจอมากับตัว
“ไม่รู้จักเหรอ เอาเถอะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้ เพราะว่าไม่ใช่ใครก็สามารถรับรู้ถึงมันได้”
ไม่ๆ .. ฉันรู้จักอยู่นะไม่รู้จักบ้าอะไรล่ะ แต่ก็นะ มันก็เป็นการยืนยันได้ว่าเธอคนนี้อ่านใจไม่ได้ อาจจะดูจากการแสดงออกที่เลือนรางเอาก็ได้
พอคิดแบบนั้นฉันก็นั่งตั้งใจฟังอีกฝ่าย เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นในเด็กใหม่ไม่กี่คนที่รู้จักเจ็ดเรื่องลึกลับในโรงเรียนแห่งนี้
สายตาของเธอคนนั้นเงยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงจันทร์สาดส่องลงมาในความมืดมิดยามราตรี ทำให้แสงทั้งหมดเหมือนสาดส่องลงมายังผู้หญิงคนนั้น
ฉันไม่ได้คิดไปเองจริงๆ นะ เห็นแบบนั้นจริงๆ เหมือนแสงจันทร์จะตั้งใจสาดลงมายังไงยังงั้น ฉันต้องรีบถอยออกห่างจากระยะแสง
เพราะเวทมนตร์ล่องหนคือการแทรกแซงการหักเหของแสงทำให้ฉันเหมือนล่องหน ว่าง่ายๆ คือถูกมองทะลุ แต่หากจุดสมดุลในการหักเหแสงพังก็จะมองเห็นได้ทันที
ทำให้ฉันต้องรีบตั้งหลักทันที ในขณะที่เจ้าตัวเหมือนจะเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองดวงจันทร์
“ใช่ เรากำลังจะพูดถึงดวงจันทร์.. หนึ่งในเจ็ดเรื่องลึกลับ!”
ห้ะ.. เดี๋ยวก่อนดวงจันทร์นี่น่าจะโคจรอยู่รอบโลกเลยนะ ทำไมกลายเป็นเรื่องลึกลับของโรงเรียนลิเบอร์ได้ล่ะ
“ไม่ต้องแปลกใจ เพราะว่าในตอนนี้ที่ตัว เรากำลังจะพูดถึงไม่ได้พูดถึงเจ็ดเรื่องลึกลับแห่งโรงเรียนลิเบอร์ แต่พูดถึงเจ็ดเรื่องลึกลับแห่งโลก!”
เอ๋.. หมายความว่าไง
“จริงๆ แล้ว เรื่องลึกลับทั้งสองนั้นมีจุดเชื่อมต่อกัน แต่เจ็ดเรื่องลึกลับของโลกนั้นลึกล้ำยิ่งกว่า อันที่จริงถ้าจะฟังเรื่องลึกลับของโรงเรียนลิเบอร์ก็ได้นะ แต่ว่าโอกาสแบบนี้ เรื่องลึกลับของโลกน่ะ หาได้ไม่ง่ายนะ…”
อืมม… แบบนี้นี่เองพยายามยกตัวอย่างเรื่องลึกลับก่อนขยายความเรื่องลึกลับระดับโลกให้ฉันรู้สึกว่าควรระวังสินะ
เพราะเหมือนกับมีสองระดับอะไรแบบนี้ แต่เอาเถอะไม่ว่าจะอย่างไหนฉันก็ระวังสุดขีดอยู่แล้วล่ะนะ
แต่โอกาสจะฟังเรื่องลึกลับระดับโลกนี่หายากสินะ อีกอย่างเรื่องลึกลับระดับโลกฉันก็ไม่เคยรู้จัก อย่างน้อยก็ควรรู้จักก่อน
ขณะที่กำลังคิดจะตอบแต่ก็เกือบลืมไปว่าตัวเองล่องหนอยู่ แต่ในตอนนั้นเองเธอคนนั้นก็พูดขึ้น
“ก็ได้ๆ ถ้าไม่ยอมพูดงั้นตัวเรานั้นจะเล่าเจ็ดเรื่องลึกลับของโลกเลยแล้วกัน.. เรื่องลึกลับ ดวงจันทร์นั้นเกิดได้อย่างไร?”
เกิดได้อย่างไรงั้นเหรอ ในโลกเดิมของฉันมีสี่ทฤษฎีหลักๆ ในการกำเนิดดวงจันทร์ ซึ่งทฤษฎีที่ใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด
คือทฤษฎีการชนกันด้วยวัตถุขนาดใหญ่ โดยให้หลักการว่าดาวขนาดใหญ่เท่าดาวอังคารชนโลกหลังเกิดระบบสุริยจักรวาล
และปล่อยวัตถุความร้อนออกจากพื้นผิวของดาวเคราะห์ดังกล่าวและโลก ซึ่งปัจจุบันวัตถุดังกล่าวกลายเป็นดวงจันทร์
ส่วนโลกนี้ก็คงเหมือนๆ กันแหละมั้ง? เรื่องหัวข้อเรียนก็ยังเรียนไม่ถึง แถมเหมือนนี่จะไม่มีมาในหัวด้วย.. เพราะยัยเทพธิดาไม่ยอมใส่ทั้งๆ ที่น่าจะสำคัญ
“จริงๆ แล้วดวงจันทร์นั้นเกิดจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า จอมมาร…”
เอ๊ะ.. หมายความว่าไง?
“นี่เป็นความจริงที่ตัวเราได้ไปพบเข้าในชั้นใต้ดินของที่แห่งหนึ่ง… มันเป็นเรื่องเล่าที่แสนยาวนาน…”
…..
เมื่อหลายหมื่นปีก่อน..
ทวีปแห่งนี้เมื่อตกราตรีนั้นกลับมืดสนิทโดยสิ้นเชิง เพราะมันไร้ดวงตะวันในการสาดแสง แต่ภายใต้ความมืดมิดนี้ก็ไร้ซึ่งสิ่งที่อันตรายอย่างจอมมารผู้อาฆาตเช่นกัน
แต่โลกในยามนั้น ดวงอาทิตย์อาจจะโผล่มาจากไหน อาจจะลาลับตอนไหนก็เป็นไปได้.. ราวกับว่ามันไร้ทิศทาง มันไร้ทางเดิน
แต่ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นไปทั่วโลกว่า
“ไม่ว่ากี่ครั้ง… ต่อกี่ครั้ง.. แม้จะเริ่มนับหนึ่งใหม่กี่ครั้ง.. ต่อกี่ครั้ง..”
ราวกับว่านั่นเป็นเสียงของผู้สร้างความชั่วร้ายทั้งปวง
ในตอนนั้นเองกลุ่มดาวลึกลับได้ปรากฏขึ้น พวกมันถูกเรียกว่า แอรีส (Aries) ในภายหลัง.. กลุ่มดาวนั้นได้มุ่งหน้าเข้าใกล้ฟากฟ้าของทวีปใบนี้วันแล้ววันเล่า
ทุกๆ วัน มันพุ่งเข้าใกล้.. จนถึงจุดจุดหนึ่งมันก็หลอมรวมกันและกลายเป็นดวงดาวดวงหนึ่งที่พุ่งเข้าชนกับชั้นพลังงานบางอย่างที่ปกคลุมโลกใบนี้…
และเกิดการปะทะครั้งยิ่งใหญ่ทำให้แผ่นดินแตกเป็นหนึ่งสองส่วนน้ำทะเลไหลพาดผ่านทุกสรรพสิ่งบิดเบือน… แม้แต่สวรรค์ยังสั่นคลอนต่อการปรากฏตัวของสิ่งนี้
การปะทะครั้งใหญ่ทำให้กลุ่มดาวกลายเป็นดวงจันทร์.. และนั่นก็เป็นจุดกำเนิดของจอมมาร…
จอมมารนำพาความวิบัติมาสู่ดวงดาว แต่ในขณะเดียวก็พาความอุดมสมบูรณ์มา เช่นการไหลของเวลาที่เป็นระเบียบมากขึ้น
และจากนั้นทุกๆ พันปีจะมีการกำเนิดดวงจันทร์ใหม่และจุดสิ้นสุดดวงจันทร์เก่า.. และจอมมารเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่กลุ่มดาวประทานให้
และจอมมารทั้งนำพาความชั่วร้ายและเลวทราม แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เวลาบนโลกก็มีเช้า เที่ยง บ่าย… ราวกับว่าแม้จะนำพาความสิ้นหวัง
แต่ก็มีความหวังเช่นกัน…
บันทึกหมื่นกว่าปีที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นเรื่องเล่าอันน่าเจ็บปวด จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดของสงครามทั้งปวง
โลกกลับคืนสู่สงบเมื่อหลายร้อยปีก่อน อีกทั้งบันทึกดังกล่าวก็ไม่มีจารึกอดีตเมื่อประมาณหลายร้อยปีที่ผ่านมาด้วย
แต่อาจจะเพราะความสงบสุขการบันทึกถึงต้องหยุดลงก็เป็นได้แม้จะผ่านมานานนับพันปีดวงจันทร์ก็ยังคงใหม่เอี่ยมไม่มีทีท่าว่าจำเป็นจะต้องเปลี่ยน
………
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม้แต่จอมมารเองก็ยังไม่ทราบด้วยซ้ำ เพราะที่เห็นกันเป็นจอมมารที่สืบทอดมายังรุ่นสู่รุ่น…”
“และคิดว่ามันคงเหมือนการแยกส่วนพลังเป็นทอดๆ ออกไป…”
หืม.. หมายความว่าไง.. แต่ว่าได้รู้เรื่องเหลือเชื่อเข้าแล้วแฮะ.. หมายความว่าดวงจันทร์ในโลกนี้ค่อนข้างมีประวัตินะเนี่ย
ไม่คิดว่าจะลึกลับขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยแฮะที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่จับต้องได้ ไม่เหมือนพวกผีที่อยู่นอกตรรกะบ้านั่น
(หล่อนจะบอกว่า หล่อนสามารถแตะดวงจันทร์ได้เพราะใกล้ตัวกว่าการที่แตะผีไม่ได้ …. ใช่ ถ้าหากกำลังตีความสิ่งที่อยู่ในหัวเลทิเซียแบบนี้ ถือว่าเข้าใจถูกแล้ว)
อีกอย่างหากเป็นตามที่หมอนี่ว่าจริงๆ ละก็…. นั่นมันก็หมายถึง….
ไม่หรอกน่า.. มันไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกน่า ฉันคิดแบบนั้น อีกอย่างถ้ามันง่ายแบบนั้นฉันคงสบายไปแล้วแหละ..
ฉันได้ฟังเรื่องดีๆ แล้ว เห็นชัดว่าจอมมารคือพวกมนุษย์ต่างดาว แต่เห็นว่าสืบทอดพลังด้วยนี่น่า.. บางทีคนที่มีพลังจอมมารตอนนี้อาจจะเป็นปีศาจธรรมดา
ที่ได้พลังจอมมาร พลังมนุษย์ต่างดาวมาเฉยๆ … อืมแต่ก็ถือว่าเป็นความรู้เผื่อสามารถใช้เอาตัวรอดได้ในบางสถานการณ์
ว่าแล้วฉันก็จากไปทันที เพราะถึงขีดจำกัดแล้วเนื่องจากการล่องหนต้องใช้การควบคุมตลอดเวลา และประณีต ปรับความสมดุลตลอดเวลา
จึงต้องรีบหนี…
ฉันจากไปโดยไม่ฟังอะไรอีก….
…………
“ว่าไปนั่น.. การพูดคุยเล่นๆ อะไรคนเดียวนี่มันสนุกจังนะ”
ฉันมีชื่อว่า จูนี่ อย่างที่เห็นฉันเป็นจูนิเบียวที่ยอมรับและรู้ว่าตัวเองเป็นจูนิเบียว และไม่คิดจะเลิก เพราะฉันสนุกไปกับการจินตนาการ
ว่าแต่เห็นเมื่อกี้นี้หรือเปล่าที่ฉันโยนเหรียญน่ะ ไอ้นั่นมันสุดยอดไปเลยดันมีลมพัดมาพอดีเนี่ย บังเอิญจริงๆ
เหตุผลที่ฉันมาละเมอเพ้อพบอยู่คนเดียว เพราะมโนในห้องไม่ได้เดี๋ยวรูมเมจตื่นเข้า เพราะฉันโดนคนเกลียดขี้หน้าเพราะทำตัวจูนิเบียวเยอะพอสมควร
ก็แบบพูดอะไรไปพวกนั้นก็เชื่อ.. ถึงจะเป็นความจริงในมุมมองของฉัน แค่ในมุมมองคนอื่นมันไร้สาระ และเมื่อเชื่อเรื่องไร้สาระเลยเกลียดฉันอะไรทำนองนั้นแหละ
ส่วนเจ็ดเรื่องลึกลับของโรงเรียนหรือโลกนี่พูดให้ดูเท่เฉยๆ .. ไอ้เรื่องจอมมารไรนั่น ก็แค่ไปได้มาจากการจับฉลากโง่ๆ อยู่ในเมืองของเขตไร้อาณา
แถมดูเหมือนตาแก่หลังงอสุดขีดไม่รู้เดินได้ไงที่เป็นเจ้าของร้านนั่นจะโกงเงินฉันด้วยนะ.. แต่ว่าปกมันเท่ดีเป็นรูปดวงตา.. ทำจากวัสดุ… อืมแค่ของธรรมดา… ช่างมันเถอะมันเท่ดี
แต่การสร้างเพื่อนในจินตนาการนี่.. สนุกจริงแฮะ โยนเหรียญลมพัดแล้วบอกตำแหน่ง..ฮ่าๆ สนุกชะมัด…
อ๋อ.. แล้วก็ดวงจันทร์กำเนิดขึ้นยังไงในคาบเรียนก็มีบอกนะว่าเกิดจากการทฤษฎีการแยกตัวน่ะ …
…ใช่.. มันก็เป็นแบบนี้แหละ