เฮือก…!
เมื่อกฏออกมาเช่นนี้ ผู้คนต่างพากันตกใจ
เจียงหลีและมู่ชิงเกอสบตากันเงียบๆ ขณะเดียวกันก็คิดถึงตอนที่ฝึกรบในพื้นที่การสอบวัดผล
พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ปิดเช่นเดียวกัน
แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ ในครานี้ ต่อให้มีใครต้องการจะลอบทำร้ายเจียงหลี หากมีนางอยู่ ก็ไม่มีผู้ใดจะทำอะไรเจียงหลีได้
สบตาพลางยิ้ม ความรู้ใจที่ไม่เคยสูญหายไปไหน แผ่ขยายออกมาจากหัวใจ
“งะ…เงื่อนไขการสอบเช่นนี้ ช่างโหดเหี้ยมและวิปริตเกินไปแล้วกระมัง!” มีคนตื่นตระหนกจนต้องอุทานออกมา
ไม่รู้รายละเอียดภารกิจ ไม่รู้ขอบเขตของการสอบ ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง และหากผู้เข้าสอบถูกคัดออก คู่หูก็จะถูกคัดออกด้วยเช่นเดียวกัน ก็เท่ากับว่า นอกจากคู่หูจะต้องช่วยผู้เข้าสอบทำภารกิจให้สำเร็จแล้ว ยังต้องดูแลความปลอดภัยของผู้เข้าสอบด้วย
นี่ก็ทำให้ผู้คนได้เข้าใจถึงความสำคัญของการเลือกคู่หูเช่นกัน!
คู่หูที่แข็งแกร่งหมายความว่าผู้เข้าสอบจะมีสองชีวิต
อีกทั้ง การเสียชีวิตระหว่างการทดสอบถือเป็นโมฆะหมายถึงอะไร หมายถึงแม้จะฆ่าคนไประหว่างการสอบวัดผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตายจริงๆ อย่างนั้นหรือ แต่ทว่าหากตนเองถูกฆ่า จะสูญเสียคะแนนที่สะสมไว้ ก็เท่ากับว่าสูญเสียโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้นมิใช่หรือ
ในขณะนั้นเอง ผู้เข้าสอบที่ไม่มีภูมิหลัง และตระกูลก็มิได้แข็งแกร่งมากพอ นัยน์ตาฉายแววความผิดหวังขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้วการสอบครั้งนี้ยังคงต้องใช้เส้นสาย ใช้ภูมิหลังสินะ!
“พวกเจ้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมใช่หรือไม่ ไม่! นี่ต่างหากที่เป็นความจริง! ลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน ต่างไม่เคยอยู่อย่างสุขสบาย หรือเป็นพวกโง่เขลาที่ไม่รู้จักความเป็นจริง พวกข้าจะทำให้พวกเจ้ารู้ถึงความโหดร้ายในโลกของความเป็นจริง บนโลกแห่งนี้ มันก็ไม่ยุติธรรมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สถาบันไป๋หยวนให้พื้นที่ ทรัพยากรที่เท่าเทียมกับพวกเจ้าในการฝึกฝน แต่การทดสอบที่แท้จริงนั้นกลับเหี้ยมโหด หากพวกเจ้ารู้สึกกลัวและขี้ขลาดตาขาว จะถอนตัวไปตอนนี้ก็ได้” ผู้อำนวยการสอบเอ่ยเสียงดัง
เสียงวิจารณ์จอแจภายในวงของการสอบวัดผลค่อยๆ เงียบสงบลง
เฟิงสิงอวิ๋นและเจ้าสำนักที่ยืนอยู่ด้านข้างคุยกันเป็นการส่วนตัว “หวังเพียงเด็กๆ เหล่านี้จะเข้าใจถึงความตั้งใจของพวกเรา ที่ซีฮวง ดินแดนทางตะวันตกมิใช่สวรรค์บนโลกมนุษย์ ความกดดันของที่นั่นโหดร้ายกว่าหนานฮวง ดินแดนทางใต้นัก หากพวกเขาไม่คุ้นชินกับความโหดร้ายนี้ ลบล้างความคิดที่จะไปซีฮวงเสียแต่แรกจะดีกว่า”
ผู้เฒ่าผมขาวถอนหายใจพยักหน้า “เจ้าพูดถูกแล้ว! การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก สัจธรรมนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาแต่ไหนแต่ไร ผู้ที่เหมาะสมที่สุดถึงจะอยู่รอดได้! ”
พูดไปพูดมา เขาก็ถามขึ้นอีกอย่างสงสัย “ท่านและหนานอู๋เฮิ่นดูเหมือนจะเชื่อมั่นในตัวแม่นางคนที่ชื่อเจียงหลีนัก”
เฟิงสิงอวิ๋นตะลึงก่อนหัวเราะ แล้วเอ่ย “หลักๆ ก็เป็นเพราะพี่ใหญ่ของข้าถูกใจนาง ส่วนข้าน่ะ…ก็อยากจะดูว่าคนที่พี่ใหญ่ผู้มีสายตาเฉียบคมในการดูคนเลือกไว้ จะเดินไปถึงตรงนั้นหรือไม่”
ตรงนั้นคือตรงไหน
เฟิงสิงอวิ๋นยังไม่ทันได้อธิบาย เจ้าสำนักกลับเข้าใจ
อย่างไรเสีย คงไม่เป็นสถานที่ทดสอบแห่งนี้แน่ น่าจะเป็นซีฮววง สถานที่ลึกลับที่พวกเขาพูดถึงกระมัง
“ในเมื่อไม่มีคนยอมถอย พวกเจ้าก็เตรียมตัวไว้ให้ดี ใกล้จะเริ่มการสอบแล้ว! จำไว้ คนที่ถูกคัดออกจะถูกส่งกลับมาทันที ส่วนคนที่อยู่ต่อ เจ็ดวันให้หลัง จะถูกเด้งออกมาอัตโนมัติเช่นกัน” ผู้อำนวยการสอบวเอ่ยเตือนขึ้นอีกครั้ง
คนที่ยืนอยู่ในวงแห่งการสอบวัดผลทั้งหมด ยกเว้นมู่ชิงเกอกับเจียงหลี ทุกคนต่างพากันกลั้นลมหายใจ รออย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นเอง วงล้อมสีทองขนาดมหึมารอบตัวพวกเขา ก็ส่องแสงสีทองอร่ามตา
แสงสีทองลอยขึ้นจากพื้นและพุ่งเข้าสู่ก้อนเมฆ บังทุกคนในวงล้อม ครั้งนี้ผู้เข้าสอบและคู่หูมีจำนวนถึงพันคน ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง ปิดบังสีหน้าตกใจของผู้คนไปไม่น้อย
“นี่คือพลังแห่งค่ายกล” มู่ชิงเกอหรี่ตาและกล่าวราวกับกำลังครุ่นคิด
“ค่ายกลหรือ งานถนัดของเจ้านี่!” เจียงหลีมองนางพลางหัวเราะชอบใจ
สายตาที่ติดตามมู่ชิงเกอต่อสู้กับมารทำให้ผู้ที่เด็กกว่าเอือมระอาและเตือนว่า “อย่าลืมว่านี่คือการสอบของเจ้า หากไม่จำเป็น ข้าจะไม่ลงมือทำอะไรเลย”
“…” รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหลีชะงัก ใบหน้าค่อยๆ ฉายแววดุร้าย นางกัดฟันและพูดว่า “มู่ชิงเกอ เจ้าอย่าเย็นชาเช่นนี้ได้หรือไม่!”
มู่ชิงเกอยักคิ้ว “นี่เป็นการดีต่อตัวเจ้านะ”
เจียงหลีกำลังจะตอบโต้ แต่รู้สึกถึงแสงสีทองสว่างวาบตรงหน้า ร่างของมู่ชิงเกอหายไปต่อหน้านาง และนางเองก็รู้สึกถึงการถูกดึงตัวราวกับว่าร่างของนางถูกดึงออกไปพื้นตรงนี้ และถูกส่งไปยังสถานที่อื่น
เจียงหลีไม่รู้ว่าคนรอบข้างรู้สึกเช่นเดียวกับนางหรือไม่
นางก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่า หลังจากแสงสีทองที่ทะยานจากพื้นดินสู่ฟ้าหายไป วงกลมบนพื้นก็หายไปด้วย พาคนมากกว่าพันคนหายไปพร้อมกัน
ท่ามกลางฝูงชนที่เข้าชม ลู่เจี้ยผู้ซึ่งยับยั้งลมปราณ ไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น ได้เดินออกไปหลังจากเห็นพื้นที่โล่ง
…
เมื่อการมองเห็นของเจียงหลีเริ่มฟื้นตัว นางก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังร่วงหล่นอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นก็มีคนคว้าข้อมือของนางและพานางขึ้นไปยังพื้นดิน
หลังจากเหยียบลงพื้น มู่ชิงเกอก็ปล่อยข้อมือนาง
“ที่นี่มันที่ไหนกัน” เจียงหลีกะพริบตาและมองไปรอบ ๆ
แสงค่อนข้างสลัว ไม่มีต้นไม้ มีเพียงป่าหินที่มีก้อนหินกองพะเนิน แลดูแปลกตาและลึกลับมาก
“น่าจะเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่สร้างขึ้น การจัดวางภายในคงถูกสร้างขึ้นจากเงื้อมือใครบางคนเช่นกัน” มู่ชิงเกอกวาดสายและเอ่ยจากการอนุมานของตน
คำพูดของนาง ทำให้เจียงหลีนึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังสถาบันไป๋หยวน
“อาหลี…! ”
เพียงแต่ว่า เจียงพลียังไม่ทันคิดไปไกล เสียงของเจียงเฮ่าก็ลอยออกมา
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย จับมือมู่ชิงเกอและพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ! ”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วและปล่อยให้นางดึงตัวเองไปข้างหน้า
“ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าเยอะมาก จะให้คนอื่นมารบกวนความเป็นส่วนตัวของพวกเราไม่ได้” เจียงหลีพึมพำ ทำให้มู่ชิงเกอเกือบหัวเราะออกมา
ก็ได้ นางยอมรับว่านางไม่ต้องการให้ใครมาปรากฏตัว ทำลายความเป็นส่วนตัวของนางกับเจียงหลี
เจียงเฮ่าและลู่เสวียน วิ่งจากระยะไกลไปยังจุดที่เจียงหลีและมู่ชิงเหอยืนอยู่ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้กลับว่างเปล่าไร้ซึ่งร่องรอยของผู้คน
“อาหลีเล่า” เจียงเฮ่ายืนอยู่ที่เดิมและหันกลับไปมองหาร่างของเจียงหลีโดยรอบ
ลู่เสวียนก็เดินตามไปรอบๆ แต่ไม่พบอะไรเช่นกัน “พี่เฮ่า บางทีท่านอาจจะมองผิดคน”
“ไม่มีทาง!” เจียงเฮ่าส่ายหัวยืนยัน “ข้าไม่มีทางมองผิดคนแน่!” เขาแน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่ที่นี่เมื่อครู่คืออาหลีและคนแปลกหน้าคนนั้น แต่ทำไมถึงหายไปหลังจากที่เขาไล่ตามมาเล่า
อาหลีน่าจะได้ยินเสียงเรียกของเขาในเมื่อกี้
เว้นเสียแต่……
ใบหน้าของเจียงเฮ่าดูกล้ำกลืนเล็กน้อย เว้นเสียแต่อาหลีจงใจหลบพวกเรา
เจียงเฮ่าผู้ถูกรังเกียจและถูกทอดทิ้งรู้สึกเศร้าโศกในใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ออกว่าเหตุใดน้องสาวถึงหนีตามผู้ชายคนอื่นไปเช่นนี้
“พี่เฮ่า พวกเราลองตามไป เพื่อค้นหากันอีกทีเถอะ” ลู่เสวียนไม่ยอมแพ้
เขาเองก็ต้องการถามเจียงหลีแทนพี่ชายให้แน่ใจว่า ‘มู่ชิงเกอ’ คือใครกันแน่!
Related