ความใจตรงกันที่เกิดขึ้นมาจากการร่วมเป็นร่วมตายของทั้งสองนั้น ทำให้พวกนางยิ้มออกมาคล้ายๆ กัน
เจียงหลีย่างเข้าประตูบานนั้นไป เมื่อนางเข้าไปแล้ว บนยอดเจดีย์ก็มีแสงสีทองสามเส้นพุ่งออกมา แล้วระเบิดบนฟ้า
มู่ชิงเกอมองขึ้นไปแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
นางไม่คิดว่าเจดีย์หินนี้ยังมีอุบายเหลืออยู่อีก หากเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จะดึงดูดความสนใจของคนที่เข้าสอบคนอื่นๆ สิ เกรงว่าอีกไม่นาน ก็จะมีคนมาถึงที่นี่
หากมีคนบุกเข้าไป ก็จะกระทบกับการทำความเข้าใจและฝึกฝนของเจียงหลีน่ะสิ
มู่ชิงเกอยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
ตลอดทางที่เจียงหลีเดินมา นางพบว่าภารกิจของพื้นที่การสอบวัดผลนี้ ระดับความยากยิ่งสูง ก็มักจะซ่อนไพ่เอาไว้ด้วย
แล้วอย่างไรเล่า
มีนางเฝ้าอยู่ตรงนี้ ใครก็อย่าคิดเข้าไปในเจดีย์รบกวนเจียงหลีได้เลย
เจียงหลี เจ้าเคยคุ้มกันทางให้ข้า อีกยังสละชีวิตให้ เวลานี้ ข้าจะคุ้มกันเจ้าเอง! มู่ชิงเกอมองไปที่แสงบนฟ้าที่ยังไม่หายไป แล้วพูดในใจ
เจียงหลีที่อยู่ในเจดีย์นั้น ไม่รู้เลยว่าเจดีย์หินขุดหลุมพรางให้นางเสียแล้ว เมื่อนางเข้ามา เจดีย์หินก็รีบส่งข่าวให้คนอื่นๆ ว่าทางนี้มีภารกิจ
นางในตอนนี้พบว่า เจดีย์หินที่มองจากด้านนอกแล้วเล็กมากๆ นั้น เหมือนว่าจะเป็นภาชนะใส่พื้นที่ชนิดหนึ่งเช่นกัน เมื่อเข้ามาแล้ว ก็จะพบว่าด้านในนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก!
ในชั้นที่หนึ่ง มีกระดาษลอยอยู่ไม่น้อย บนนั้นมีตัวหนังสือเต็มไปหมด หมุนรอบนางไม่หยุดโดยที่นางนั้นเป็นจุดศูนย์กลาง
ในนั้นล้วนเป็นทักษะการต่อสู้ทั้งสิ้น ทำให้ใจสั่นไหวนัก
ทว่า เจียงหลีสูดลมหายใจเข้า ห้ามปรามอารมณ์อยากนั้นไว้ “ทักษะการต่อสู้ของชั้นแรก จะต้องธรรมดาเป็นแน่ ในเมื่อจะได้รับคะแนนจากทักษะการต่อสู้ เช่นนั้นก็น่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ที่ยิ่งยาก คะแนนก็จะยิ่งสูง”
เจียงหลีวิเคราะห์อยู่คนเดียว เดินออกจากวงล้อมทักษะการต่อสู้เหล่านั้น แล้วหาบันไดที่ขึ้นไปสู่ชั้นที่สอง
เจดีย์หินนี้ ด้านนอกทำจากหิน ด้านในก็ทำจากหิน ขนาดบันได เสาไฟก็ล้วนทำมาจากหินสลักทั้งสิ้น
สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือ ด้านในนั้นใหม่เป็นอย่างมาก
เหมือนกับว่า เจดีย์หินนี้เพิ่งจะสร้างเสร็จอย่างไรอย่างนั้น
ในเจดีย์หิน ไม่มีฉากกั้นจำกัดไว้ เจียงหลีเดินไปยังชั้นที่สองได้อย่างง่ายดาย ชั้นที่สองก็เหมือนกับชั้นที่หนึ่ง มีกระดาษที่บันทึกทักษะการต่อสู้ลอยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ทว่า เจียงหลีมองขึ้นไปยังบันไดที่ยื่นต่อขึ้นไปแล้ว ก็เลือกที่จะเดินขึ้นไปต่อ ไม่ได้หยุดอยู่ที่ชั้นสอง
นางมีเวลาเพียงหนึ่งวัน จะเสียเวลาไม่ได้!
ชั้นที่สาม ชั้นที่สี่ ชั้นที่ห้า ล้วนถูกนางเพิกเฉยไป
เมื่อมาถึงชั้นที่หก นางมองดูกระดาษมากมายนับไม่ถ้วนเหล่านั้น แล้วพูดกับตัวเองว่า “ที่นี่แล้วกัน”
แต่ว่า เมื่อนางเพิ่งจะมาถึงชั้นที่หก สายตาก็อดไม่ได้ที่จะมองทางเข้าที่มุ่งสู่ชั้นที่เจ็ด ตรงนั้นเหมือนว่ามีอะไรเย้ายวนนางอยู่…
เจียงหลีหยุดเดินแล้วขมวดคิ้วพิจารณา
เวลาในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ มีเพียงหนึ่งวัน ตามหลักแล้ว ทักษะการต่อสู้ในชั้นที่หกนั้นน้อยยิ่งนัก หมายความว่าระดับความยากก็สูงมากแล้ว
เพื่อความปลอดภัย นางควรหยุดความเย้ายวนของชั้นที่เจ็ด แล้วหาทักษะการต่อสู้สักหนึ่งอย่างในชั้นที่หกมาฝึกฝนก่อน
ทว่า ชั้นที่เจ็ดก็ให้ความรู้สึกว่า ‘หากไม่ไปจะต้องเสียใจ’ กับนาง
ทำให้เจียงหลีลังเลเล็กน้อย ไป หรือไม่ไปดี
“ไป!” เจียงหลีกัดฟัน แล้วตัดสินใจ
“หากไม่ไปดู เมื่อออกจากที่นี่ไป ก็จะรู้สึกติดใจ พยายามหน่อยดีกว่า มากสุดก็แค่ฝึกทักษะการต่อสู้ไม่สำเร็จ ไม่ได้คะแนนก็เท่านั้น” เจียงหลีโน้มน้าวตนเอง หันหลังจากชั้นหกไป แล้วก้าวเท้าไปยังชั้นที่เจ็ด
บันไดของชั้นที่เจ็ดแคบลงกว่าเดิม เมื่อเจียงหลีเข้ามาถึงชั้นที่เจ็ดชั้นบนสุดของเจดีย์แล้วนั้น ก็พบว่าบนนี้ มีกระดาษลอยอยู่เพียงหนึ่งใบ
“นี่ก็หมายความว่าไม่มีทางเลือกแล้วน่ะสิ!” เจียงหลียิ้มอมทุกข์
เจียงหลีไม่ใช่คนลังเล ในเมื่อเลือกไม่ได้ นางก็ไม่คิดจะถอยกลับไปที่ชั้นหก แต่กลับเดินไปยังกลางชั้นเจ็ด ด้านล่างของกระดาษที่ลอยอยู่นั้น แล้วยื่นมือไปหยิบกระดาษใบนั้นมาไว้ในมือ
“ทักษะอวี้ซาน…ระดับหายาก!”
ตู้ม!
เมื่อเจียงหลีเห็นระดับขั้นของทักษะการต่อสู้แล้ว ในหัวนางก็ระเบิดออกมา ดวงตาก็ส่องประกายอันน่ากลัว
นี่มันระดับที่พบหาได้ยาก!
ไม่คิดว่าจะเป็นระดับหายาก!
เจียงหลีใจเต้นเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ความปิติที่ยากจะบรรยายพลุ่งพล่านอยู่ในใจของนาง
ลู่เจี้ยเคยบอกว่า ทักษะมานะสร้างของที่นี่แบ่งเป็นสี่ระดับขั้น ที่คนปกติฝึกฝนกันส่วนมากจะเป็นระดับสามัญ ส่วนคนสูงศักดิ์หรือเฉกเช่นพลังอำนาจอย่างสถาบันไป๋หยวนนั้น จะมีทักษะของระดับเยี่ยมยอด ทักษะทั้งสองระดับขั้นนี้ สามารถแบ่งย่อยได้อีกหกระดับ ระดับขั้นยิ่งสูง ทักษะก็จะยิ่งดี
ที่เหนือกว่าระดับสามัญและระดับเยี่ยมยอดนั้น ยังมีทักษะที่หายากอีกสองอย่าง นั่นก็คือระดับหายากและระดับตำนาน สองอย่างหลังนี้ไม่มีระดับขั้นย่อย และไม่ใช่ทักษะประเภทจู่โจม ป้องกัน ช่วยเหลือ หรือท่าร่าง แต่เป็นทักษะประเภทเวทย์มนตร์ที่หายากยิ่งนัก
เวทย์มนตร์ อะไรคือเวทย์มนตร์
ก็คือใช้พลังแห่งฟ้าดิน เรียกเมฆฝน ขี่เมฆหมอก ย้ายภูเขา พลิกทะเล…
ส่วนทักษะระดับหายากในมือเจียงหลีนี้ ชื่อว่า ‘ทักษะอวี้ซาน’! ดังนั้น จึงเป็นวิชาที่สามารถยกย้ายภูผาได้!
“ครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่เอาคะแนน ข้าก็จะเอาเจ้าไปกับข้าให้ได้! ” เจียงหลีอดกลั้นความยินดีไว้ในใจ ยัดกระดาษที่ประทับคำว่าทักษะอวี้ซานเข้าอกของตนไป
ทักษะระดับแดนหายาก จะเรียนได้ภายในวันเดียวได้อย่างไร
เจียงหลีปฏิเสธอยู่ในใจ คิดแต่อยากจะนำทักษะนี้ไปด้วย ออกไปจากที่นี่แล้วค่อยๆ ฝึกฝน
ทว่า เมื่อนางยัดกระดาษเข้าในอกแล้ว กระดาษในมือของนางก็กลายเป็นแสงสีทองหายไปจากมือ
เจียงหลีตกตะลึง เมื่อมองขึ้นไป กลับเห็นทักษะที่หายไป ลอยอยู่ตรงตำแหน่งเมื่อครู่อีกครั้ง
น่าชังนัก!
เจียงหลีกัดฟัน “เอาไปไม่ได้เสียด้วย!”
นางสูดหายใจเข้าแล้วสายตาก็มีความมุ่งมั่นขึ้นมา “ได้! ในเมื่อเอาไปไม่ได้ ข้าก็จะท่องเจ้าให้ได้! ” เวลานี้ นางก็ยังไม่คิดว่า เวลาเพียงหนึ่งวันจะสามารถเรียนทักษะอวี้ซานได้
เจียงหลีจับกระดาษมาไว้ในมืออีกครั้ง พยายามประทับตัวหนังสือแต่ละตัวไว้ในสมองตนเอง
ทว่า ทุกครั้งที่นางคิดว่าตนจำได้แล้ว ตัวหนังสือที่สลักไว้ในสมองของนางนั้นก็สลายหายไป “ความสามารถด้านความจำของนายคนเก่าก็ไม่สามารถจดจำได้หรือ” เจียงหลีหมดหวัง
เวลา ค่อยๆ ผ่านไป
เวลาหนึ่งวัน ตอนนี้เหลือไม่ถึงหนึ่งวันแล้ว
ทักษะระดับหายาก หากเรียนรู้ได้ภายในวันเดียว ก็ไม่เรียกว่าหายากแล้ว นางในตอนนี้ รู้สึกว่า การวางทักษะระดับหายากไว้ที่นี่ เป็นการเย้าหยอกผู้เข้าสอบอย่างหนึ่ง!
ตอนนี้ หากไม่ นางต้องไม่สนใจอย่างอื่น ทำความเข้าใจกับทักษะอวี้ซานต่อไป เรียนได้แค่ไหนแค่นั้น ไม่ก็ละทิ้งทักษะอวี้ซานนี้ไป แล้วไปชั้นอื่นเลือกทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ภายในหนึ่งวัน
แต่ว่า คนที่ได้เห็นทักษะอวี้ซานแล้ว จะยอมปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ
เจียงหลีแทบจะกัดฟันจนแตก มองดูทักษะอวี้ซานด้วยสายตาอันโกรธเคือง ราวกับว่ากระดาษแผ่นนี้ เหมือนดั่งภูติน้อยที่ทรมานคน ทำให้นางอยากได้แต่กลับไม่ได้เสียที
นอกเจดีย์นั้น มู่ชิงเกอที่พิทักษ์เจียงหลีอยู่นั้น ในเวลานี้ดวงตาอันสดใสก็ยกตาขึ้นมองกะทันหัน ยิ้มเล็กน้อยแล้วมองไปด้านหน้านั้น…
Related