มู่หนานจือ – บทที่ 95 อยากรู้

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลี่เชียนเอ่ย “เวลานี้เฉาไทเฮาประทับที่ตำหนักอี๋อวิ๋นแล้ว ข้าเป็นองครักษ์ จึงไม่ค่อยสะดวกเดินไปมาในตำหนักอี๋อวิ๋น คืนนั้นข้าแอบพาแม่นมฟางไปส่งให้เฉิงเต๋อไห่ที่ภูเขาวั่นโซ่วแล้วก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้อีกเลย…”

เจียงเซี่ยนแปลกใจมาก และเอ่ยว่า “เฉิงเต๋อไห่ยังมีชีวิตอยู่?”

ชาติก่อนหลังจากเฉาไทเฮาตาย คนๆ นี้ก็ตายเช่นกัน

หลี่เชียนพยักหน้า และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอย่าดูถูกคนๆ นี้เชียว คนๆ นี้มีความสามารถมาก เขารอดตายมาได้อย่างไร ข้าก็กำลังสืบอยู่เหมือนกัน แต่พอเขาปรากฏตัวต่อหน้าพระพักตร์ เฉาไทเฮาก็ทรงกันแสงอย่างหนัก กระทบกระเทือนจิตใจของเฉาไทเฮาได้จริง เรื่องของตำหนักอี๋อวิ๋น เฉาไทเฮาก็มอบให้เขาหมดแล้ว”

เจียงเซี่ยนพึมพำว่า “เจ้าเคยเจอนางในที่ชื่อซ่งเสียนอี๋หรือไม่?”

“เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้สังเกตจริงๆ” หลี่เชียนเอ่ย “หากท่านอยากรู้ ข้าจะลองไปถามให้ท่าน”

“ไม่ต้องแล้ว” เจียงเซี่ยนก็เพียงแค่ถามไปเท่านั้นเช่นกัน

หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “แต่ท่านวางใจได้ ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จไปภูเขาวั่นโซ่ว ข้าจะคุยกับฝ่าบาทอย่างดี อย่างไรก็จะทำให้ฝ่าบาทอารมณ์ดี และจะไม่ให้ฝ่าบาทมีโอกาสจับจุดอ่อนของข้าได้”

คนๆ นี้พูดเองเออเองได้ตลอด

นางกังวลว่าเขาล่วงเกินจ้าวอี้เสียเมื่อไร

ทว่าเจียงเซี่ยนไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว จึงเอ่ยว่า “ข้าไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้ารีบกลับไปเถอะ! เดี๋ยวท่านลุงไม่เห็นเจ้าก็น่าจะร้อนใจแล้ว เขาอาจจะมีเรื่องอยากคุยกับเจ้าก็ได้!”

ในเมื่อหลี่เชียนรู้ว่าสุดท้ายเรื่องแต่งงานของไป๋ซู่กับเฉาเซวียนจะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะโน้มน้าวเฉาเซวียนได้หรือไม่

หลี่เชียนผิดหวังเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ท่านไม่อยากรู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักเต๋อฮุยหรือ?”

นางไม่อยากรู้แล้ว

“ท่านพี่บอกข้าแล้ว” เจียงเซี่ยนเอ่ย “เจ้ารีบกลับไปหาท่านลุงข้าเถอะ!”

หลี่เชียนยืนลังเลอยู่ตรงนั้นเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูดอยู่นานมาก และเอ่ยว่า “ข้ารอซื่อจื่อมาและไปพร้อมกันดีกว่า เขาจะได้ไม่หาตัวข้าไม่เจอและคิดว่าข้าไปเพ่นพ่านที่ไหน”

ตามใจเขา

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “อย่างนั้นเจ้าดื่มชาอยู่ที่นี่ ข้าจะกลับไปก่อน ที่นี่ค่อนข้างหนาว”

“ขอรับ” หลี่เชียนรีบส่งนางออกไปข้างนอก เหมือนไม่รู้สึกถึงความเย็นชาและความห่างเหินของนางสักนิด

ลมหอบหิมะมาโดนเสื้อคลุมทอลายคนโทและดอกเหมยสีม่วงกานพลูของเจียงเซี่ยน

หลี่เชียนก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งและบังข้างกายนางไว้

ลมและหิมะก็เหมือนหยุดไปทันทีเช่นกัน

หลี่เชียนเอ่ยว่า “ทำไมท่านถึงใส่เสื้อคลุมเชยแบบนี้ ข้ารู้สึกว่าท่านใส่สีน้ำเงินสดใสหรือสีบานเย็นสวยกว่า”

คิดว่าผิวนางยังซีดไม่พอหรือ?

เจียงเซี่ยนโกรธมาก และเอ่ยว่า “นี่เป็นของที่ไทฮองไทเฮาพระราชทานให้”

“อ้อ!” หลี่เชียนแลดูจนใจเล็กน้อย และเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ต้องใส่แล้ว” เขาพูดอยู่ก็ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมา และเอ่ยว่า “ครั้งหน้าข้าเอาเสื้อคลุมมาให้ท่านดีกว่า! ข้าได้ยินพวกผู้ช่วยของท่านพ่อบอกว่า เมืองหลวงมีร้านผ้าไหมร้านหนึ่งชื่อ ‘บุปผาดั่งหญิงงาม’ เป็นร้านที่ตระกูลเจิงซึ่งเคยเป็นพ่อค้าที่ส่งแพรพรรณจากเจียงหนานให้กับราชสำนักเปิด ข้างในมีแบบใหม่มาจากเจียงหนานมากมาย ถึงเวลานั้นข้าไปเลือกแบบใหม่ให้ท่านสักสองสามชิ้น…เดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้ว ก็เป็นเวลาที่ตัดเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูใบไม้ผลิพอดี”

เจียงเซี่ยนตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจหลี่เชียน ทว่าได้ยินเขาเอ่ยแบบนี้ ก็อดที่จะโกรธไม่ได้ จึงเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

หลี่เชียนรู้ทันทีว่าตนเองพูดผิดแล้ว จึงรีบเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าของในวังไม่ดี แค่ลายและสีนั้นเป็นผู้ใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับท่าน…”

เจียงเซี่ยนหยุดฝีเท้าในทันใด

หลี่เชียนตั้งตัวไม่ทัน จนเกือบจะชนเจียงเซี่ยน

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องสตรีมากทีเดียว?” เจียงเซี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “ผู้ช่วยของพ่อเจ้าหรือจะสนใจด้วยว่าร้านผ้าไหมของตระกูลไหนในเมืองหลวงขายของแปลกใหม่…ข้าว่าสาวใช้ของเจ้าเป็นคนบอกกระมัง?”

ชาติก่อนนางมอบไป่เจี๋ยให้เขา

เจียงเซี่ยนรู้สึกตาแห้งผาก

ทว่าหลี่เชียนกลับยังยิ้มอย่างสดใสอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มนั้นเห็นแล้วก็ทำให้อารมณ์เสีย

“ท่านคงไม่รู้” เขาเอ่ย “ตระกูลของเราส่งของขวัญให้คนตลอดทั้งปี อย่าว่าแต่ผ้าที่เป็นที่นิยมเลย แม้แต่แบบเสื้อผ้าสตรีที่เป็นนิยมก็ต้องรู้…ถึงเวลานั้นข้าจะให้เขาเลือกอย่างดี รับรองว่าจะมอบให้ท่านเป็นชิ้นแรก จะไม่ทำให้ท่านเสียหน้าอย่างเด็ดขาด”

เจียงเซี่ยนจำได้แล้ว

แม่แท้ๆ ของหลี่เชียนป่วยตายไปตอนเขาอายุสี่ขวบ

ชาติก่อนเขาเคยขอให้แต่งตั้งตำแหน่งให้แม่แท้ๆ ของเขา

เจียงเซี่ยนอดที่จะมองหลี่เชียนครั้งหนึ่งไม่ได้

ท่าทางเขาดูไม่ออกว่าสูญเสียมารดาไปตั้งแต่เล็กแม้แต่นิดเดียว

จะเห็นได้ว่าทุกคนต่างมีเรื่องที่รู้สึกเสียดาย

นางเอ่ยว่า “เจ้ามีพี่น้องกี่คน?”

ชาติก่อนตระกูลหลี่เก็บเนื้อเก็บตัวมาก นอกจากชื่อของหลี่ฉางชิงที่ทุกคนรู้ดีเพราะเคยเป็นแม่ทัพฝูเจี้ยนและเป็นบิดาของหลี่เชียนแล้ว หลี่เชียนยังมีลูกพี่ลูกน้องที่มีศักดิ์พี่ชายชื่อหลี่หลิน ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารส่านซี หลี่เชียนเคยขอให้แต่งตั้งเขาเป็นแม่ทัพหลงหู่ระดับสอง ไม่ค่อยนำทัพทำสงคราม รับผิดชอบดูแลยุทธปัจจัยอย่างพวกเสบียง หญ้า และม้าของกองทัพตะวันตกเฉียงเหนือของหลี่เชียนโดยเฉพาะ คนอื่นในตระกูลหลี่ก็เหมือนไม่มีใครรู้เลย ทั้งไม่มีลูกหลานตระกูลที่มั่งคั่งเป็นพิเศษคนไหนเล่นจนเกิดเรื่อง แล้วก็ไม่มีใครสร้างผลงานจนชื่อเสียงขจรขจายไปไกลเช่นกัน เมื่อก่อนเจียงเซี่ยนยังมีกะจิตกะใจถามหลี่เชียน ตอนหลังหลังจากหลี่เชียนแตกหักกับนางแล้ว อย่าว่าแต่ถามเรื่องของตระกูลหลี่เลย ทั้งสองคนเจอกัน นอกจากคำพูดในโอกาสจำเป็นเท่านั้นแล้ว เจียงเซี่ยนก็ไม่คุยกับหลี่เชียนอีกแม้แต่คำเดียว

ตอนนี้หลี่เชียนทำให้นางอยากรู้อีกแล้ว

หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “พวกเรามีพี่น้องผู้ชายสามคน และน้องสาวอีกคน ข้าเป็นลูกชายคนโต แม่แท้ๆ ป่วยตาย แล้วก็มีน้องชายคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าข้าห้าปี ชื่อหลี่จี้ เป็นลูกของอนุภรรยาที่ติดตามท่านพ่อมาหลายปีมากแล้ว น้องสามชื่อหลี่จวี ปีนี้สิบขวบ น้องสาวชื่อเล่นว่าตงจื้อ ปีนี้แปดขวบ พวกเขาสองคนเป็นลูกของแม่เลี้ยงข้า”

เขาไม่ได้เอ่ยถึงหลี่หลิน

ที่แท้เขาก็ตัวคนเดียวเหมือนกับนาง

คนอื่นต่างไม่ใช่น้องชายและน้องสาวแท้ๆ มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

เพราะแบบนี้หรือเปล่า คนเหล่านี้ถึงไม่ปรากฏตัวในชาติก่อน?

เจียงเซี่ยนกำลังแอบคาดเดา พลางพยักหน้าเล็กน้อย อยากถามมากว่าเขาสนิทกับน้องชายที่เกิดจากอนุหรือไม่ คำพูดมาถึงปากแล้วก็รู้สึกว่าการถามเรื่องนี้จะสนิทสนมกันมากเกินไป จึงกลืนลงไป

เจียงลวี่เดินเข้ามาในเรือนอย่างรวดเร็ว และตะโกนเรียกหลี่เชียนมาแต่ไกล “ใต้เท้าหลี่ ท่านได้เจอน้องสาวข้าแล้ว!”

ความนัยที่แฝงอยู่ในนั้นคือ เขาควรทำอะไรก็ไปทำได้แล้ว

หลี่เชียนรู้สึกไม่พอใจ แต่คนอื่นเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจริงๆ เขาจะเทียบได้อย่างไร แม้จะไม่พอใจก็ทำได้เพียงอดทนเช่นกัน

“ใช่แล้ว!” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านหญิงเป็นคนดีมาก ปฏิบัติกับคนอื่นอย่างสนิทสนมมาก ข้าได้ขอบคุณนางแล้ว”

เจ้าคนสารเลวนี่พูดโกหกอย่างไร้ความกลัวจนเป็นนิสัย เขาเคยขอบคุณนางตอนไหน?

เจียงเซี่ยนเบิกตาโต

หลี่เชียนยิ้มตาหยี พลางส่งสายตาให้นางว่า ‘ท่านก็ถือว่าข้าขอบคุณท่านไปแล้ว และช่วยขวางพี่ชายท่านให้ข้าหน่อยเร็ว’ และเอ่ยว่า “ท่านหญิง ที่นี่ลมแรงและหิมะตกหนักเกินไป ระวังจะเป็นหวัด ท่านรีบกลับห้องไปดีกว่ากระมัง?”

เจียงลวี่ได้ยินก็ไม่มีเวลาคิดเล็กคิดน้อยกับหลี่เชียนแล้วเช่นกัน และรีบเอ่ยตามว่า “เป่าหนิง ใต้เท้าหลี่พูดจามีเหตุผล เจ้ารีบเข้าห้องไป อย่าให้เป็นหวัด เดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้ว เจ้าคงไม่อยากนอนอยู่บนเตียงตอนปีใหม่กระมัง? หากปีนี้เจ้าสบายดี ข้าจะพาเจ้าไปดูการละเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือช่า”

—————–

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ
Status: Ongoing
แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไป เมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญ แต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่! เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก ‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้ แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน นางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้า ชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง… หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset