ตอนที่ 936: ติดอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์
“หินปีศาจชั้นฟ้าอาจจะเป็นวัตถุปีศาจที่ค่อนข้างทรงพลัง แต่มันก็พิเศษอย่างมากและแตกต่างจากวัตถุอื่น เมื่อมันรับนายแล้ว มันก็จะหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของนายคนนั้น เหมือนกับที่เกิดกับจักรพรรดิเลือดปีศาจ”
“แต่เขาได้วิธีการฝึกฝนจากจักรพรรดิปีศาจชั้นฟ้าหลังจากที่เขาหลอมรวมเข้ากับหินแล้ว และเขาไม่สามารถที่จะใช้มันได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ต้องมาจบชีวิตแบบนี้” จือหยิงอธิบายกับเจี้ยนเฉิน
“ดูเหมือนว่าหินปีศาจชั้นฟ้าจะทรงพลังมากกว่าวัตถุเซียน” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมา ในตอนนี้วัตถุที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาคือวัตถุเซียน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับมัน
“นายท่าน พลังที่แท้จริงของหินปีศาจชั้นฟ้านั้นเหนือจินตนาการ ท่านไม่สามารถเปรียบเทียบมันกับวัตถุเซียนได้ ในอดีต แค่พลังสายเดียวของพลังกลืนกินวิญญาณจากหินก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนให้วัตถุเซียนกลายเป็นความว่างเปล่า” เสียงของฉิงโซวดังออกมา
ใจของเจี้ยนเฉินสั่นไหวเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาตกตะลึงในความแข็งแกร่งของหินนี้ วัตถุเซียนทรงพลังมากถึงขนาดที่เซียนจักรพรรดิยังยากที่จะทำลายมันได้ แต่แค่พลังกลืนกินวิญญาณเพียงสายเดียวจากหินปีศาจชั้นฟ้าก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนให้วัตถุเซียนให้ไม่เหลืออะไรได้เลย นี่ไม่ได้หมายความว่าพลังเพียงสายเดียวเพียงพอที่จะฆ่าเซียนจักรพรรดิได้เลยหรอกหรือ ?
“แต่โชคร้ายที่หินปีศาจชั้นฟ้านั้นอ่อนแอมากในตอนนี้ มันต้องได้รับความเสียหายอย่างมากจากการต่อสู้ในครั้งก่อนแน่” เสียงของจือหยิงดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความเสียดาย
ในตอนนี้เอง หินปีศาจชั้นฟ้าเริ่มที่จะเปล่งแสงออกมาเล็กน้อยและทะเลแห่งสติสัมปชัญญะของเจี้ยนเฉินก็สั่นไหวด้วยเล็กน้อยเช่นกัน ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเชื่อมต่อกันระหว่างวิญญาณของเขากับหินปีศาจชั้นฟ้า
“หินปีศาจชั้นฟ้าต้องการที่จะรับเอาท่านเป็นนาย หืม เจ้าประเมินค่าตัวเองสูงไปแล้ว” เสียงของจือหยิงเต็มไปด้วยโทสะและความเหยียดหยามที่ยากจะสะกดเอาไว้ได้ แสงสีม่วงปรากฏขึ้นมา เขาขัดขวางกระบวนการที่จะทำให้เจี้ยนเฉินเป็นนายของหิน
แสงสีแดงจากหินปีศาจชั้นฟ้าสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ มันดูเหมือนจะรู้สึกผิดเหมือนว่ามันเป็นเด็กหญิงที่ถูกรังแก มันกำลังร้องให้กับตัวเอง
“หินปีศาจชั้นฟ้าต้องการที่จะรับข้าเป็นนายอย่างนั้นหรือ ? นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะได้ทักษะปีศาจชั้นฟ้าที่ราชาปีศาจชั้นฟ้าเคยฝึกฝนหรอกหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความอยากรู้
“นายท่าน ทักษะปีศาจชั้นฟ้าของราชาปีศาจชั้นฟ้านั้นเป็นวิธีการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมแต่มันเทียบกันไม่กับพลังบรรพกาล นี่เป็นเพราะร่างบรรพกาลนั้นเป็นวิธีการฝึกฝนที่สุดยอดซึ่งก้าวผ่านวิธีนั้นไปอย่างสมบูรณ์ นายท่านไม่จำเป็นที่จะต้องไปข้องแวะกับมัน เพราะมันจะมีผลกระทบกับความสำเร็จในอนาคตของท่าน” จือหยิงอธิบาย อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้บอกเรื่องหนึ่งกับเจี้ยนเฉิน เรื่องที่ว่าไม่มีใครเคยไปถึงจุดสูงสุดของร่างบรรพกาลมาก่อนเลย
“นายท่าน จือหยิงพูดถูก แม้ว่าท่านจะฝึกฝนทักษะปีศาจชั้นฟ้าจนถึงระดับสูง ท่านก็จะฝึกได้ถึงระดับการฝึกฝนที่ราชาปีศาจชั้นฟ้าทำไว้ก่อนหน้านี้เท่านั้น ซึ่งเขายังยากที่จะเหนือกว่าจักรพรรดิปีศาจเลย ถ้านายท่านฝึกฝนร่างบรรพกาลจนถึงขีดสูงสุด นายท่านอาจจะถึงระดับสูงสุด ท่านจะสามารถบดขยี้จอมยุทธแบบราชาปีศาจชั้นฟ้าได้เพียงแค่นิ้วของท่าน” เสียงที่น่าพอใจของฉิงโซวดังออกมา มันเหมือนเสียงเพลงที่บรรเลงโดยผู้อมตะ
เจี้ยนเฉินเข้าใจแล้วในตอนนี้ ทักษะปีศาจชั้นฟ้าถูกสร้างขึ้นมาโดยราชาปีศาจชั้นฟ้านั้นเป็นวิธีการฝึกฝนในระดับสูง แต่ไม่ได้ใกล้เคียงกับพลังบรรพกาลเลยในด้านคุณภาพ มันไม่สามารถเทียบกับร่างบรรพกาลได้ ถ้าเขาใช้วิธีการฝึกฝนนี้ มันคงจะทำให้พัฒนากรในอนาคตของเขาถึงขีดจำกัดและเขาก็จะไม่สามารถยืนอยู่ที่จุดสูงสุดได้ในตอนท้าย
“ถ้างั้นข้าจะไม่ฝึกฝนทักษะปีศาจชั้นฟ้าถ้ามันเป็นแบบนั้น และข้าจะมุ่งความสนใจไปที่ร่างบรรพกาล” เจี้ยนเฉินเลิกล้มความคิดที่จะฝึกฝนทักษะปีศาจชั้นฟ้า
“หินปีศาจชั้นฟ้า นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะอยู่ได้ เจ้าควรจะไปซะ” หลังจากนั้น จือหยิงก็บอกให้หินปีศาจชั้นฟ้าออกไป ก่อนที่จะขับไล่มันออกไปจากทะเลแห่งสติสัมปชัญญะของเจี้ยนเฉิน
หินปีศาจชั้นฟ้าดูเหมือนจะสะเทือนใจอย่างมาก มันส่องแสงกระพริบสีแดงอยางต่อเนื่องในขณะที่มันออกไป มันดูเหมือนจะร้องให้อยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะว่ามันถูกบังคับให้ออกไปจากทะเลแห่งสติสัมปชัญญะของเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าหินปีศาจชั้นฟ้าจะเป็นวัตถุที่ทรงพลังมาก แต่มันก็อ่อนแอมากเหมือนจิตวิญญาณกระบี่เช่นกัน เฉพาะคนที่ฝึกฝนทักษะปีศาจชั้นฟ้าเท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์กับเจี้ยนเฉินที่ไม่ได้ฝึกฝนทักษะนั้น
สติของเจี้ยนเฉินกลับคืนมาที่ร่างของเขา ตอนที่เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ เขาก็เห็นหินที่เปล่งประกายไปด้วยแสงปีศาจลอยอยู่ตรงหน้าเขา
“เจ้าคือเจี้ยนเฉินหรือจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด ? ” เสียงดังขึ้นมาจากใกล้ใกล้ นูบิสยืนอยู่ห่าง 20 เมตรอย่างระมัดระวังและจ้องไปที่เจี้ยนเฉินเขม็ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง
ในตอนนี้ นูบิสไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเจี้ยนเฉินได้ถูกครอบงำไปโดยจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดหรือไม่
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเขาเห็นนูบิสทำท่าทางแบบนั้น เขาพูด “นูบิส ข้าก็ยังเป็นข้า ไม่เพียงแต่จักรพรรดิเลือดปีศาจจะเอาร่างกายของข้าไปไม่ได้แล้ว ข้ายังจบชีวิตของเขาอีกด้วย”
“เจี้ยนเฉิน นั่นเจ้าจริงหรือ ? ” นูบิสตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขารู้จักเจี้ยนเฉินมาสักพักแล้ว ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับเจี้ยนเฉินดี เขาสามารถบอกได้เลยว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้ถูกยึดร่างไปจากวิธีการที่เจี้ยนเฉินพูดและกระทำ
แต่ไม่นานหลังจากนั้น นูบิสก็นิ่งอึ้ง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? วิญญาณที่ต้องการจะยึดร่างของเจ้าเป็นของจักรพรรดิเลือดปีศาจอย่างนั้นหรือ ? ไม่ใช่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด ? “
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าเบา ๆ และอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับจักรพรรดิเลือดปีศาจให้นูบิสฟัง นูบิสอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่และถอนหายใจออกมาอย่างเหลือเชื่อเมื่อเขาได้ยินว่า จักรพรรดิซามิคและจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดทั้งคู่ถูกกลืนกินโดยจักรพรรดิเลือดปีศาจ
ทันใดนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างออก เขามองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “ไทนิชอยู่ไหน ? เขาไปไหนแล้วล่ะ ? “
นูบิสเครียดทันที “เจี้ยนเฉิน ไทนิสได้เข้าไปที่ศูนย์ควบคุมของโถงแล้ว เขากำลังควบคุมมันอยู่ ดังนั้น ข้าเชื่อว่าเขาจะได้กลายเป็นเจ้าของของโถงในอีกไม่ช้านี้แหละ พวกเราต้องหยุดเขาให้ได้”
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ก่อนที่จะมองไปที่เพดานทันที หน้าของเขาหม่นลงทันที
เขาได้รู้มาเล็กน้อยเกี่ยวกับโถงศักดิ์สิทธิ์จากชิ้นส่วนความทรงจำของจักรพรรดิเลือดปีศาจเช่นกัน ข้อมูลชิ้นที่สำคัญที่สุดคือที่ซึ่งศูนย์ควบคุมตั้งอยู่นั้นบังเอิญอยู่ด้านบนเพดานนี้พอดี
“ศูนย์ควบคุมถูกผนึกเอาไว้” เจี้ยนเฉินพูดเสียงทุ้ม
“เจี้ยนเฉิน เจ้าได้รู้วิธีที่จะเปิดศูนย์ควบคุมจากความทรงจำของจักรพรรดิเลือดปีศาจหรือเปล่า ? ” นูบิสถามอย่างมีหวัง เขาได้รู้มาจากเจี้ยนเฉินว่า มันไม่มีทางออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ ทางเดียวที่จะออกไปได้ก็คือการควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์ให้ได้และส่งคนอกไปด้วยพลังของมันเท่านั้น
เจี้ยนเฉินส่ายหัว ทั้งหมดที่เขารู้มีเพียงว่าศูนย์ควบคุมตั้งอยู่ที่ไหน เขาไม่รู้ว่าจะเปิดมันได้ยังไง
“ถ้างั้นพวกเรามาทำลายทางเข้ากัน” จิตต่อสู้พวยพุ่งขึ้นในตาของนูบิสและกลิ่นอายที่น่ากลัวก็เปล่งประกายออกมาจากเขา เขาปลดปล่อยพลังของสัตว์อสูรที่อยู่ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 8 ออกมา
“พวกเรามาลองกัน” สายตาของเจี้ยนเฉินปรากฏแววแน่วแน่ เขาไม่มีทางเลือกอื่นในสถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าเขาจะดูดกลืนส่วนหนึ่งของวิญญาณของจักรพรรดิเลือดปีศาจมา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสามารถควบคุมโถงได้ เขาจำเป็นที่จะต้องควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้แล้ว
ศูนย์กลางเป็นส่วนสำคัญที่จะใช้ในการควบคุมโถง
ยุทธภัณฑ์ราชาปรากฏขึ้นในมือของเจี้ยนเฉิน เขาใส่พลังบรรพกาลลงไปในนั้นซึ่งทำให้มันเปล่งประกายไปด้วยแสงสีดำ ออร่านั้นน่ากลัวมาก
แม้ว่าพลังบรรพกาลของเขาจะไม่ใช่พลังบรรพกาลที่แท้จริง แต่มันก็มีพฤติกรรมไม่ต่างกัน
เสียงคำรามที่เฉียบคมดังขึ้นที่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน นูบิสได้หายไปแล้วและมีงูที่ยาว 30 เมตรขึ้นมาแทนที่ มันน่าเกรงขามและดูสง่างาม
นูบิสกลับไปอยู่ในร่างจริงและกำลังสะสมพลังเพื่อใช้วิชาลับที่ทรงพลังที่สุด แสงสีทองและเงินแสบตาเปล่งออกมาจากเขาและในขณะที่เขาอ้าปากออกมา ลูกบอลของเหลวพิษขนาดใหญ่ก็พ่นออกมาและโจมตีไปที่เพดานของโถงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
พิษของอสรพิษทองริ้วเงินสุดยอดมาก มันเป็นอันดับที่สามบนทวีปเทียนหยวน พิษที่พ่นออกมาจากปากของเขาเป็นหนึ่งในวิชาลับ ศักยภาพของมันอยู่ในระดับที่ตกใจเป็นอย่างมาก
พิษของนูบิสดูเหมือนจะกัดกินทุกอย่างได้ ทันทีที่มันสัมผัสกับเพดาน อาการกัดกรอนก็เริ่มเกิดขึ้นทันทีที่เพดานซึ่งที่แม้แต่เซียนราชายังยากที่จะทำลายมันได้ มันกัดกร่อนเข้าไปอย่างสังเกตได้ อย่างไรก็ตาม มันก็กัดกร่อนไปได้เพียงชั้นนอกเท่านั้น ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่โครงสร้างที่เต็มไปด้วยพลังของโถงศักดิ์สิทธิ์
ลำแสงหนาขนาดเท่ามือสองลำ ลำแสงหนึ่งสีทองอีกหนึ่งสีเงิน พุ่งออกมาจากปากของเขาและโจมตีไปที่เพดานอย่างรุนแรง มันทำให้เกิดเสียงดังสนั่นออกมา
การโจมตีนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 เลย
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็โจมตีออกไปอย่างสุดกำลัง เขายกมือขึ้นและยุทธภัณฑ์ราชาก็แทงเข้าไปอย่างดุร้ายไปที่บริเวณเดียวกันกับที่นูบิสโจมตี
บู้ม !
คลื่นพลังงานมหาศาลกระแทกเจี้ยนเฉินกลับไปกองอยู่ที่พื้น อย่างไรก็ตาม ทางเข้าของศูนย์ควบคุมของโถงนั้นก็ยังอยู่ดี นอกเหนือจากชั้นนอกที่ถูกกัดกินไปโดยพิษของนูบิสแล้ว มันก็ไม่มีรอยอะไรเลยนอกจากนั้น
“ทางเข้านี้แข็งแกร่งเหมือนกับโถงศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่สามารถทำลายมันได้ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรา” เจี้ยนเฉินพูดออกมาด้วยใบหน้าที่หมองหม่น ท่าทีของเขาเริ่มกลัว เมื่อไทนิชควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถสู้กับไทนิชได้ ทั้งหมดที่พวกเขาจะทำได้คงมีเพียงแค่การซ่อนในวัตถุเซียนเท่านั้น
เจี้ยนเฉินรู้มากจากความทรงจำของจักรพรรดิเลือดปีศาจว่าการที่ควบคุมโถงได้หมายถึงการควบคุมพลังของมันได้ พลังของโถงไม่สามารถที่จะให้เพื่อทำให้คนด้านนอกบาดเจ็บได้ แต่อย่างไรก็ตามมันสามารถใช้กับคนด้านในตามที่ปรารถนา
ไทนิชได้พลังที่จะใช้ต่อต้านพวกเขาไป
พลังที่สุดยอดของโถงเทียบเท่ากับพลังของเซียนระดับจักรพรรดิที่อยู่ในตัวของไทนิช
“เฉพาะเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถจะทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ ไม่ได้หมายความว่า มีเฉพาะพลังของเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่จะทำลายทางเข้านี้ได้เช่นเดียวกันหรอกหรือ ? ถ้าเป็นแบบนั้น ทั้งหมดที่พวกเราทำได้ก็คือทำได้แค่มองดูไทนิชควบคุมโถงไปอย่างทำอะไรไม่ได้” ใบหน้าของนูบิสเต็มไปด้วยความเสียดาย