ตอนที่191 อู่เลอแย่แล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหวานเจียงรีบวิ่งเข้าโรงพยาบาลและตรงเข้าไปในห้องพักของจ้าวเฉียนทันที
“นี่นายเป็นยังไงบ้าง? ไหนว่าไม่เป็นอะไรมากไม่ใช่เหรอ? ทำไทถึงขั้นนอนแอดมิดเลยล่ะ?”
หวานเจียงเอ่ยถามน้ำเสียงเจือกังวล
จ้าวเฉียนหัวเราะเอ่ยตอบกลับไปว่า
“ใจเย็นน่า ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้สบายดีแล้ว ท้าให้เอาผู้หญิงร้อยคนมาขึ้นเตียง ผมยังรับมือได้สบาย”
หวานเจียงกลอกตามองบนใส่ สบถด่าสวนกลับไปทันทีว่า
“ไอ้หื่น! นายนี่มันจริงๆ เลย! หัดจริงจังหน่อยได้ไหมห้ะ? สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จ้องพินิจเห็นท่าทีของหวานเจียงดูจริงจัง จ้าวเฉียนถอนหายใจเล็กน้อยและแกะผ้าก็อชออกให้ดู อธิบายไปตามจริงว่า
“หมอบอกว่า ศีรษะของผมได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย จำเป็นต้องนอนดูอาการสองถึงสามวัน แต่เบื้องต้นที่ตรวจสอบก็ไม่มีปัญหาอะไร เหลือแค่อาการหลังจากนี้ที่ต้องเฝ้าระวังจนกว่าจะแน่ใจ ถ้าจะมาเยี่ยมใหม่ค่อยมาพรุ่งนี้เช้านะ”
“จริงนะ? นายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”
หวานเจียงเอ่ยถามราวกับไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
จ้าวเฉียนที่เห็นแบบนั้นก็ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ แสร้งล้มตัวลงนอนโดดดิ้นราวกับกำลังทุกข์ทรมานบนเตียง ทันทีที่เห็นแบบนั้นหวานเจียงพลันใจเสียขึ้นมาทันที รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า
“นาย…นายเป็นอะไร? เดี๋ยวฉันไปเรียกพยาบาลมาดูนะ!!”
“โอ้ยยย เจ็บปวดเหลือเกิน! นี่ผมล้มเหลวในฐานะมนุษย์คนนึงเหรอเนี่ย? ขนาดเคยมีสัมพันธ์สวาทบนรถในคืนนั้น คุณยังไม่เชื่อคำพูดของผมอีกเหรอ? ไหนล่ะความไว้วางใจ!”
หวานเจียงพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถในคืนนั้นทันที ใบหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ใจเต้นระรัวผิดจังหวะ เธอตรงเข้าไปกระซิบข้างหูจ้าวเฉียนว่า
“ฉันไม่เชื่อคำพู฿ดนายหรอก ขนาดนายยังชอบแกล้งฉันเลย แล้วจะเอาความไว้วางใจที่ไหนไปเชื่อคนอย่างนาย?”
“ถ้าอย่างนั้น…ให้ฉันทำอะไรถึงจะยอมยกโทษให้ล่ะ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้น
หวานเจียงดึงเก้าอี้ข้างตัวมานั่งและตอบกลับไปว่า
“ฉันขอถามจริงๆ เถอะนะ นายอยากจะสร้างหนังรถแข่งจริงๆ ใช่ไหม? อันที่จริงฮวาหยินกรุ๊ปเองก็วางแผนที่จะสร้างจริงๆ แล้ว ถ้านายต้องการจะสู้กับเฟิงเต๋อด้วยหนัง ฉันเองก็วางตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ”
พูดตามตรงคือ จ้าวเฉียนไม่เคยคิดจะสร้างหนังแนวรถแข่งอยู่แล้ว เหตุผลที่เขาพูดแบบนั้นออกไปก่อนหน้า เป็นเพราะต้องการเผชิญหน้ากับเฟิงเต๋อ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หวานเจียงถือว่ากำลังตกอยู่ภายใต้สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน กล่าวได้ว่าในฐานะตัวกลาง เธอค่อนข้างลำบากใจ
“แน่นอน แต่ถ้าเธอลำบากใจขนาดนั้นจริงๆ พวกเรายังพอร่วมมือกันได้นะ นี่หมายถึงรวมมือกับฮวาหยินกรุ๊ปนะ ฉันจะให้เธอจัดสรรส่วนแบ่งได้ตามสะดวกเลย นอกเหนือจากนั้นฉันจะให้ทีมของอู่เลอเข้ามาช่วยเหลือทุกอย่างที่ต้องการ”
หวานเจียงมีความสุขอย่างมากเมื่อได้ยิน เธอลุกขึ้นพรวดทันทีด้วยความตื่นเต้น
แต่ในไม่ช้าเธอก็พลันนึกขึ้นได้ แล้วแบบนี้ใครจะมานั่งแท่นผู้กำกับล่ะ?
“เธอสนใจผู้อำนวยการชางไหมล่ะ? ผมสามารถวานให้เธอกลับมานั่งแท่นผู้กำกับได้?”
จ้าวเฉียนแนะนำไปทันที
“ผู้อำนวยการชาง? ฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยคุ้มกับเงินที่จ่ายไปเท่าไหร่นะ หากเทียบกับเฟิงเต๋อ ราคาค่าตัวของทั้งคู่พอๆ กันเลย แต่ของเฟินเต๋อมีรางวัลระดับบ็อกซ์ออฟฟิศรับประกันอยู่นะ ไม่ใช่ว่าหนังที่ผู้อำนวยการชางดูแลมันไม่ดีนะ แต่มันดีไม่สุดเท่าไหร่น่ะ”
หวานเจียงเอ่ยตอบไปตามตวามจริง
แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นแผนการด้านธุรกิจ ย่อมมีความเสี่ยงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่อย่างที่คำกว่าไว้ว่า ความเสี่ยงสูงย่อมมาคู่กับกำไรที่สูงตามมา หากไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ แล้วจะอยู่รอดในวงการธุรกิจได้อย่างไร?
จ้าวเฉียนเสนอแนะความคิดเห็นของตนให้แก่หวานเจียงได้ฟัง และแนะนำให้เธอลองเสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมาแชร์ให้เขาฟังบ้าง ตราบใดที่ชางอี้คนนี้มีความสามารถพอท่าจะมากำกับหนังของเธอ เงินค่าจ้างก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต
หวานเจียงครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง จึงตอบกลับไปว่า
“ฉันต้องกลับไปคุยกับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ก่อน สุดท้ายนี้ฮวาหยินกรุ๊ปต้องการลงทุนในโปรเจคนี้ถึง200ล้านหยวน ซึ่งนี่ไม่อาจผิดพลาดได้เลยสักขั้นตอน”
ดูเหมือนว่าฮวาหยินกรุ๊ปจะค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับโปรเจคหนังเรื่องนี้จริงๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฉียนกับฮวาหยินกรุ๊ปร่วมมือกัน ซึ่งเขาไม่ยอมปล่อยให้เกิดขึ้นผิดพลาดเป็นอันขาด
จ้าวเฉียนกล่าวกับหวานเจียงไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นลองกลับไปคุยกับพวกเขาดูก่อน แล้วกลับมาให้คำตอบกลับผม”
หว่นเจียงพยักหน้าตอบ แต่ทันใดนั้นเธอก็อ้าปากหาวหวอดอย่างอดไม่ได้
“เมื่อคืนเธอนอนดึกเหรอ? จะขับกลับไหวไหมเนี่ย?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถาม
หวานเจียงพยักหน้าและตอบไปว่า
“เมื่อคืนฉันนอนดึกน่ะ แถมวันนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปพบกับเฟิงเต๋อ เลยง่วงนิดหน่อย”
จ้าวเฉียนขยับตัวเว้นที่นอนให้หวานเจียงบนเตียงคนไข้และกล่าวเสนอไปว่า
“ถ้าไว้ใจฉันสักนิด ก็นอนพักตรงนี้ก่อนสักพักค่อยกลับนั่นแหละ”
หวานเจียงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วตอบว่า
“จะบ้าเหรอ? นี่มันไม่ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะ ที่นี่คือโรงพยาบาล ถ้ามีหมอหรือพยาบาลเข้ามาเห็นเข้าจะว่ายังไง?”
จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบไปว่า
“เห็นแล้วยังไงล่ะ? พยาบาลมาสิทธิ์ยุ่งเรื่องของผู้ป่วยเหรอ? แล้วเธอจะกลัวอะไร? เราไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นในนี้สักหน่อย?”
หวานเจียงที่ได้ฟังแบบนั้นก็เริ่มสนใจเช่นกัน
“เออก็จริงนั่นแหละ ฉันต้องกลัวอะไร แค่นอนพักแปปเดียวเอง แต่นายห้ามแม้แต่จะคิดเลยนะ!”
หลังจากพูดจบ หวานเจียงก็วางกระเป๋าบนเก้าอี้ ถอดรองเท้า และขึ้นไปนอนข้างๆ จ้าวเฉียน
ไม่น่าเชื่อเลยว่า การที่สาวสวยมานอนข้างกายเขาแบบนี้ มันกล้าสร้างแรงกระตุ้นปลุกสัญญาณของจ้าวเฉียนขึ้นมา
จ้าวเฉียนเหลือบมองไปที่หวานเจียงที่กำลังนอนหันหลังอยู่พร้อมรอยยิ้ม เขาอยากเอื้อมตัวขึ้นไปกดจูบไปเธอเสียจริง แต่อย่างไรเสีย เขาทำได้เพียงต้องอดกลั้นไว้เท่านั้น ถ้าเกิดเขาเผลอใจทำอะไรเธอขึ้นมา มีหวังหวานเจียงระเบิดลงแน่นอน
ทางด้านหวานเจียงเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะ คิดกับตัวเองว่า ถ้าจ้าวเฉียนกล้าทำอะไรเธอ เธอจะหยิบมือถือโทรแจ้งตำรวจทันที และต่อจากนี้เธอกับจ้าวเฉียนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
ทว่าความกังวลของหวานเจียงก็กลายเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ จ้าวเฉียนค่อนข้างควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี เขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อเธอแม้แต่น้อย จนท้ายที่สุดหวานเจีงก็ผล็อยหลับไป
ไม่นานนี่ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน หวานเจียงค่อยๆ ได้สติขึ้นมา ทันทีที่เธอตื่นขึ้น อย่างแรกที่ทำคือตรวจเช็คเสื้อผ้าว่าถูกถอดออกหรือไม่
จ้าวเฉียนที่นั่งอ่านนิยายบนมือถืออยู่พลันเหลือบมองเธอเล็กน้อย และกล่าวว่า
“ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง? กลัวฉันทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายตอนเธอหลับเหรอ?”
หวานเจียงตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า ร่างกายตัวเธอไม่ได้ถูกเขาล่วงละเมิดจริงๆ จึงหันมาเอ่ยตอบไปว่า
“ฉันต้องป้องกันตัวไว้บ้างสิ นายน่ะหื่นกระหายยิ่งกว่าสัตว์ป่า ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันหิวมาก พาฉันออกไปหาอะไรทานหน่อย หนีออกจากโรงพยาบาลได้ครั้งหนึ่ง ใช่ว่าจะไม่มีครังที่สองจริงไหม?”
จ้าวเฉียนอดขำไม่ได้เมื่อได้ยินแบบนั้น และลุกขึ้นจากเตียงไปเปลี่ยนชุดและพาหวานเจียงออกไปหาอะไรทานทันที
แต่หลังจากออกมาได้ไม่นาน อู่ซินก็ฏทรสายเข้ามาหาเขา
จ้าวเฉียนรับโทรศัพท์กล่าวขึ้นว่า
“อู่ซิน ว่าไง?”
“พี่ชาย…พี่ชายฉันถูกทำร้าย! ตอนนี้ถูกส่งตัวไปแผนกฉุกเฉิน ฉันจะทำยังไงดี ฮืออ…ฮือออ…”
ได้ยินประโยคคาดไม่ถึงเช่นนี้จากปากอวู่ซิน จ้าวเฉียนก็ตกใจอย่างมาก รีบเอ่ยถามต่อทันทีว่า
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ พี่ชายเธอถึงโดนทำร้าย?”
อู่ซินกล่าวทั้งน้ำตาว่า
“ระหว่างที่ฉันกับพี่ชายออกไปเดินเล่นหลังงานเลี้ยง ก็ดันไปเจอพวกอันธพาลกลุ่มหนึ่งผิวปากให้ฉัน แล้วก็ตรงเข้ามาเหมือนจะชวนฉันไปเที่ยวด้วยกัน พี่ชายที่เห็นแบบนั้นก็ยอมไม่ได้ เข้าเผชิญหน้ากับพวกนั้นทันที แต่พี่ชายแค่ลำพังทำอะไรพวกมันแทบไม่ได้เลย จนพลาดท่าถูกรุมตี ตอนนี้กำลังนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว”
จ้าวเฉียนรีบปลอบอู่ซินทันทีหวังเพื่อคลายอ่อนความกังวลของเธอลง แล้วทิ้งท้ายไปว่า เดี๋ยวเขาจะไปเฝ่าดูอาการของอู่เลอเองที่โรงพยาบาล
หลังจากวางสายไป จ้าวเฉียนก็หันมากล่าวกับหวานเจียงว่า
“ฉันลงไปทานข้าวกับเธอไม่ได้แล้ว ไปกินเองแล้วลงบิลผมไว้ได้เลย จากนั้นก็รีบกลับบ้านเลยนะ ถึงแล้วโทรมาบอกด้วย”
หวานเจียงที่เห็นจ้าวเฉียนดูใจร้อนขึ้นทันตาแบบนี้ เธอก็เอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัยว่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวเฉียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยตอบไปว่า
“อู่เลอถูกพวกอันตธานรุมตี ตอนนี้กำลังอยู่ห้องฉุกเฉิน ฉันต้องไปดูเขาหน่อย”
พอได้ยินแบบนั้น หวานเจียงก็หมดอารมณ์ทานข้าวแล้วเช่นกัน เธอรีบตอบกลับไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็ไม่อยากกินแล้วเหมือนกัน ฉันจะไปด้วย”
จากนั้นทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลที่อู่เลอกำลังถูกส่งตัวเข้ามา
สิบนาทีผ่านไป รถฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็มาถึง
จ้าวเฉียนรีบวิ่งเข้าไปถามอู่เลอที่นอนอยู่บนเตียงเข็นทันทีว่า
“พี่เลอ เกิดอะไรขึ้น?”
อู่เลอสภาพดูไม่สู้ดีนัก พอเห็นจ้าวเฉียนเขาก็ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“บอสครับ ผมขอโทษ ผมขอโทษ…ขาของผมถูกตีสาหัส ผม…ผมคงขับรถไม่ได้อีกแล้ว…”
จ้าวเฉียนตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่ถือเป็นข่าวร้ายที่สุดแล้วในชีวิตของตัวอู่เลอเอง
เพราะถ้าเขาขาหักขึ้นมาจริง แล้วเขาจะเข้าร่วมงานแข่งระดับเอเชียได้ยังไง?
สีหน้าของจ้าวเฉียนแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ กล่าวน้ำเสียงเย็นถามไปว่า
“แล้วนายรู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร?”
อู่เลอส่ายหัวตอบไปว่า
“ผมไม่รู้เลยครับ ผมไม่เคยเห็นพวกนั้นมาก่อน”
จ้าวเฉียนพยักหน้า กล่าวปลอบโยนไปว่า
“สบายใจได้ นายเข้ารักษาตัวก่อนเถอะ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
อู่เล๋อพยักหน้าทั้งน้ำตา และถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินทันที
จ้าวเฉียนโกรธจัด เดินเข้าไปต่อยกำแพงสุดแรงด้วยความโมโห เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน ต้องมีใครบางคนจงใจทำให้อู่เลอพิการ
“บัดซบ! ใครมันบังอาจทำร้ายคนของฉัน! อย่าให้รู้ว่ามึงเป็นใคร…มึงต้องตาย!!”
จ้าวเฉียนกระชับกำหมัดแน่น ก่อนหยิบมือถือโทรหาหยางหู่ทันที
Related