บทที่ 1031 รสนิยมพี่สะใภ้สุดยอด
อีกฟากชายฝั่งมหาสมุทร
ในบ้านเก่าโบราณหลังหนึ่ง
หญิงสง่างามน่าเกรงขามนั่งอยู่บนเก้าอี้สานในสวน มองภาพแต่ละใบในโทรศัพท์ ดวงตาปรากฏความอ่อนโยนอย่างผิดปกติ
“เด็กเหม็นนั่นส่งรูปมาแล้วเหรอ” ผู้ชายเดินเข้ามาช้าๆ
“อืม” หญิงวัยกลางคนพยักหน้าก่อนถอนหายใจแผ่วเบา “ต่อให้พวกเรารักถังถังแค่ไหน ก็เป็นตัวแทนพ่อแม่เขาไม่ได้ คุณดูสิ ถังถังหัวเราะร่าเริงขนาดไหน เด็กควรเป็นอย่างนี้ต่างหากถึงจะถูก!”
ผู้ชายถอนหายใจ “ถังถังมีความสุข ทำไมคุณยังทำหน้าแบบนี้”
หญิงวัยกลางคนพูดพลาง ดวงตาวาบแววเศร้าสลด “ถ้าเด็กสาวคนนั้นเป็นลูกสาวพวกเราจริงๆ จะดีแค่ไหน!”
ฝ่ายชายกอดหญิงวัยกลางคน ปลอบเสียงอ่อนโยน “อย่าเสียใจเลย บอกแล้วว่ามีข่าวคราวแล้วไม่ใช่เหรอ จะต้องหาเจอแน่!”
“หวังว่าครั้งนี้จะหาเจอจริงๆ…”
…
คฤหาสน์กุหลาบ ในห้องนอน
ซือเยี่ยหานในมือถือชุดนอนมาสคอตการ์ตูนลายวัวน่ารักหนึ่งตัว ราวกับกำลังเจอปัญหาใหญ่อะไรบางอย่าง
บนเตียง ถังถังสวมกางเกงชั้นในกับเสื้อกล้ามนั่งอยู่ตรงนั้น เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “ผมว่า ให้แม่มาช่วยผมสวมดีกว่า”
ซือเยี่ยหานชำเลืองมองเด็กน้อยบนเตียง “ลองอีกครั้ง”
เด็กน้อยไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด “ลองกี่ครั้งก็เหมือนเดิม”
ซือเยี่ยหานจ้องชุดนอนเด็กในมืออยู่เนิ่นนาน สุดท้ายก็ถ่ายรูปมันจากนั้นส่งไปในกลุ่ม
ครั้งก่อนหลังเข้าออกกลุ่ม หลินเชวียก็ลากเขากลับไปเข้ากลุ่มอีกรอบ
[ซือเยี่ยหาน: สวมยังไง]
หลินเชวียแทบจะโผล่มาในทันที ก็ไม่รู้ว่าเช้าจรดเย็นเขาว่างเสียจนปวดไข่หรือเปล่า วันๆ จึงเอาแต่จ้องโทรศัพท์
[หลินเชวีย: พี่เก้า…กลุ่มนี้ของพวกเรา…สำหรับพี่แล้ว…เป็นแค่แผนกบริการลูกค้าเหรอ]
หลินเชวียตอบกลับประโยคเศร้าใจนี้ จากนั้นก็พิมพ์ส่งไป
[หลินเชวีย: พี่เก้า รูปที่พี่ถ่ายมามันของอะไรละนั่น มันคือชุดเหรอ หน้าตาประหลาดซะไม่มี! ใครเป็นคนซื้อมา]
[ซือเยี่ยหาน: หวันหวั่น]
[หลินเชวีย: ชุดนี้น่ารักชะมัดเลย! รสนิยมพี่สะใภ้สุดยอด! เจ๋งมาก!]
หลินเชวียกลับลำทันทีอย่างรู้จักเอาตัวรอด
[หลินเชวีย: พูดก็พูดนะพี่เก้า ผมกับเซี่ยเจ๋อจือเป็นหมาโสดทั้งคู่ ไหนเลยจะสวมชุดเด็กเป็น! ผมช่วยถามเพื่อนผมว่าเขารู้หรือเปล่าให้พี่แล้วกัน!]
[เซี่ยเจ๋อจือ: รอบตัวนายก็มีแต่เพื่อนโสดไม่ใช่เหรอ ฉันจะไม่รู้ได้ยัง]
เซี่ยเจ๋อจือพลันโผล่มา
[หลินเชวีย: เชี่ย! พูดยังกับนายไม่ใช่งั้นแหละ!]
ซือเยี่ยหานมองบทสนทนาในกลุ่ม สุดท้ายก็พบว่าตัวเองถามผิดที่แล้ว
“เบบี๋ อาบน้ำเสร็จแล้วยัง”
เวลานี้ ที่ทางเข้ามีเสียงของเยี่ยหวันหวั่นดังขึ้นมา
“คุณแม่!” ได้ยินเสียงของเยี่ยหวันหวั่น เด็กน้อยเผยท่าทีดีใจทันที
“เอ่อ…ทำไมเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งเดินเข้ามาก็เห็นซือเยี่ยหานถือเสื้อในมือเหมือนกับถือปัญหาวิทยาศาสตร์ยากยังไงยังงั้น
“คุณพ่อสวมไม่เป็น” ถังถังเอ่ยปาก
“เอ่อ…” เยี่ยหวันหวั่นเหงื่อออกเล็กน้อย
ลืมเรื่องนี้ไปเลย…
“แม่สวมให้แล้วกัน!”
เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะรับเสื้อมา ซือเยี่ยหานกลับไม่ขยับ “เธอสอนฉัน”
เขาจะยอมให้ภรรยาตัวเองสวมเสื้อผ้าให้ชายคนอื่นได้ยังไง!
เยี่ยหวันหวั่นนึกไม่ถึงว่าซือเยี่ยหานจะชอบถังถังมากขนาดนี้ ถึงกับต้องยืนกรานว่าจะสวมชุดให้เขาเอง เธอย่อมดีใจมาก เอ่ยปากทันที “ได้ๆๆ ฉันสอนคุณ! คุณกลับชุดออกมาก่อน แกะกระดุมแป๊กด้านในออก จากนั้นเริ่มสวมที่เท้าก่อน แล้วก็ค่อยสวมมือ…”
ซือเยี่ยหานทำตามคำแนะนำของเยี่ยหวันหวั่น เริ่มสวมชุดให้ถังถัง
เด็กน้อยกางแขนให้ความร่วมมือ แต่แววตากลับเสียใจยิ่ง…
—————————————————————————————-
บทที่ 1032 รับประกันว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ
วันประลองใหญ่มาถึงอย่างรวดเร็ว
เยี่ยหวันหวั่นตื่นแต่เช้า เปลี่ยนชุดฝึกสีขาวล้วนด้วยความลิงโลด
ซือเยี่ยหานที่กำลังอยู่ระหว่างทางมุ่งหน้าไปพิธีเซ็นสัญญาโทรมาอีกครั้งอย่างไม่วางใจ “จำที่ฉันพูดได้ไหม”
เยี่ยหวันหวั่นรับประกันรัวๆ “จำได้ๆ อย่าก่อเรื่องใช่มะ! คุณไม่ต้องห่วงทำงานของคุณไป ฝั่งคุณมู่ให้ฉันจัดการเอง รับประกันว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทเด็ดขาด!”
อุตส่าห์ลำบากทำให้ซือเยี่ยหานวางใจได้ แถมยังย้ำพวกเหล่าเจียงให้ดูแลบ้านดีๆ แล้วด้วย เวลานี้สวี่อี้พาคนไปรอที่ด้านนอกประตูแล้ว
“คุณหนูหวันหวั่น ห้าคนนี้เป็นบอดี้การ์ดที่มาใหม่ ฝีมือไม่เลว เคยผ่านการอบรมมารยาททางธุรกิจมาก่อนครับ” สวี่อี้เอ่ยแนะนำเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองห้าคนนั้นก่อนผงกหัวเล็กน้อย “ตกลง”
สวี่อี้พูดจบแนะนำทั้งห้าคน “คุณหนูเยี่ยเป็นตัวแทนและผู้นำของพวกคุณ ถึงตอนนั้นพวกคุณต้องเชื่อฟังแผนการและคำสั่งของเธอทั้งหมด”
ทั้งห้าคนได้ยินดังนั้นก็สบตากันโดยไม่รู้ตัว คิ้วขมวดขึ้นมา มีสีหน้าตกใจ นึกไม่ถึงว่าผู้นำของพวกเขาจะเป็นหญิงสาวน่ารักอ่อนหวานคนหนึ่ง
แต่ทั้งห้าไม่กล้าสงสัยคำพูดของสวี่อี้ กักเก็บความไม่พอใจไว้ในใจ ตอบกลับพร้อมกัน “ครับ! ยินดีที่ได้พบคุณหนูเยี่ย!”
เยี่ยหวันหวั่นตอบรับ “อื้ม ไม่มีอะไรแล้วก็ออกเดินทางกันเถอะ!”
…
ขณะเดียวกัน สนามฝึกตระกูลซุน
สนามจัดงานของงานประลองครั้งใหญ่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวทีประลองอยู่ในกรงตาข่ายแปดเหลี่ยม ด้านล่างเวทีเป็นที่นั่งหนึ่งแถว
ฉินรั่วซีนำห้าคนที่คัดสรรเป็นอย่างดีจากในตระกูลเร่งรีบมาถึง
“รั่วซี เธอมาแล้ว!” ซุนเสวี่ยเจินเข้าไปต้อนรับทักทายทันที
ซุนลี่จ้งเห็นฉินรั่วซี ก็มีท่าทีอ่อนน้อมกับเธอมาก “รั่วซี ครั้งนี้ต้องขอบคุณหนูที่ชักใยอยู่เบื้องหลังมาก!”
ฉินรั่วซีได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยอย่างไม่ถือสา “คุณลุงซุนเกรงใจไปแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยเองค่ะ!”
ซุนลี่จ้งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเล็กน้อยของหนูช่วยลุงไว้มหาศาล!”
ซุนเสวี่ยเจินจูงฉินรั่วซี่ไปนั่งบนที่นั่งอย่างกระตือรือร้น “คนปกติคิดจะคุยกับคุณมู่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่ได้เธอช่วย พวกเราไหนเลยจะเชิญเขามาบ้านได้!”
ซุนเสวี่ยเจินพูดพลางเหลือบมองห้าคนที่ฉินรั่วซี่พามา “รั่วซีเธอให้หน้าพวกเราจริงๆ พาแต่ยอดฝีมือมาทั้งนั้น! ได้ยินว่าคุณลุงฉินดึงคนมีความสามารถมามากมาย อยากเห็นกับตมานานแล้ว!”
ฉินรั่วซี่หัวเราะอย่างถ่อมตน “เทียบคุณลุงซุนได้ที่ไหนกัน คุณลุงซุนเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนเราเลยนะ เชิญมาได้แม้แต่แขกรับเชิญพิเศษอย่างราชาหมาป่าเซนนี! จริงสิ คุณเซนนีล่ะ”
“น่าจะใกล้มาถึงแล้ว…”
ซุนเสวี่ยเจินเพิ่งพูด ชายกำยำหัวเกรียนร่างสูงใหญ่ผิวดำก็เดินมาทางสังเวียน ซึ่งก็คือราชาหมาป่าเซนนี
ห้าปีก่อน เซนนีล้มอาเบลจนได้แชมป์นักมวย WBC กลายเป็นแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวจที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์ จากนั้นเขาก็ล้มแชมป์มวยได้อีกหลายคนจนกลายเป็นแชมป์รุ่นเฮฟวี่เวจระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากสามสมาคมนักมวยระดับโลกอย่าง WBC WBA และ IBF ปีก่อนเขาเอาชนะนักกีฬายูโดของบราซิลได้ คว้าแชปม์การแข่งใหญ่ MMA ได้สำเร็จ
การประลองใหญ่ครั้งนี้ เซนนีย่อมลงสนามไปแข่งกับเหล่าหัวกะทิที่พวกเขาตระกูลใหญ่คัดเลือกมาไม่ได้ แต่เขามาในฐานะแขกรับเชิญชมการแข่งพิเศษ
คนที่อยู่ในสายตาเขาในการประลองวันนี้ มีแค่ซุนลี่จ้งคนเดียวเท่านั้น
“สวัสดีค่ะ คุณเซนนี ฉันแซ่ฉิน ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานาน ยินดีมากที่ได้รู้จักคุณค่ะ!” ฉินรั่วซี่เห็นผู้มาเยือนก็รีบเข้าไปทักทาย
เซนนีแค่ตอบรับง่ายๆ อย่างไม่เย็นชาและไม่กระตือรือร้น
ยอดฝีมืออย่างนี้ ไม่แปลกที่จะมีท่าทีสูงส่งเย็นชา ฉินรั่วซีไม่ถือสาแม้แต่น้อย
“คุณเซนนี เชิญทางนี้!” เวลานี้ ซุนลี่จ้งเดินเข้ามาเชิญเซนนีไปยังที่นั่ง
อีกด้านหนึ่ง ซุนเสวี่ยเจินกวาดมองรอบสนามประลองหนึ่งรอบ ก่อนถามขึ้นลอยๆ ว่า “รั่วซี คนของตระกูลซือล่ะ ทำไมยังไม่มา?”
………………………….