Immortal and Martial Dual Cultivation
ตอนที่ 245 มีครั้งหน้า,ข้าจะฆ่าเจ้า
ท้องฟ้ามืดมัวอยู่ตลอดวเลา ไม่มีใครคุ้นชินกับมันสักที หลังจากที่เดินทางอย่างต่อเนื่องมาตบอดทั้งวัน,คนที่บาดเจ็บต่างหลับฝันไปนานแล้ว
เซี่ยวเฉิน, จางเลี่ย,และมู่เหิงไม่กล้าที่จะหลับตา พวกเขามองหาฝันมากองไฟ, จากนั้นก็เริ่มพูดคุยกัน
เปลวไฟวูบไหวเป็นประการฉายลงบนใบหน้าของพวกเขา จางเลี่ยมองไปยังจันทร์เต็มดวงสีแดงที่ลอยสูงอยู่เหนือหัวของเขา ทันใดนั้นเขาก็กล่าวขึ้น “พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าดวงจันทร์มันดูเหมือนจะสว่างกว่าในตอนที่พวกเรามา?”
เมื่อเซี่ยวเฉินและจางเลี้ยได้ยินเช่นนั้น พวกเขาเงยหัวขึ้นไปมองดูเป็นไปตามที่จางเลี่ยกล่าว เริ่มแรก,จันทร์เต็มดวงเป็นสีแดงมืดมัว ตอนนี้มันกลายเป็นสีแดงชาด สีแดงชาดที่เรืองแสงดูน่ากลัว
มู่เพิ่งเบนสายตากลับมาริมฝีปากยกขึ้น เขากล่าวด้วยเสียงนิ่ง “ดวงจันทร์มันสีอะไรสําคัญเช่นไร? ไร้สาระ
จางเลี้ยยิ้มและกล่าว “ข้าก็แค่พูดถึงเฉยๆ มันก็ไม่ได้ไร้สาระซะทีเดียว ให้ตาย! ส่งปีศาจมาสักตัวเถอะ! มันจะดีกว่านั่งอยู่นิ่งๆ”
อย่างไรก็ตาม,สายตาของเซี่ยวเฉินยังควจับจ้องไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นดวงจันชัดเจนขนาดนี้ ถึงอย่างไร เขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกประหลาด
สีแดงนั้นรู้สึกราวกับมันมีชีวิต อย่างไรก็ตาม,มันอยู่สูงไกลเกินไปสัมผัสได้คลุมเครือ เซี่ยวเฉินไม่กล้าตกลงแน่ใจ
“ซ่า! ซ่า!”
ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เซี่ยวเฉินเบนสาย ตากลับมาและกล่าว “มีบางอย่างเกิดขึ้น! พวกเจ้าทั้งสองอยู่ที่นี่เข้าจะออกไปดู”
ในตอนที่จางเลี่ยและมู่เพิ่งได้ยินเช่นนั้น,เซี่ยวเฉินก็ได้หายตัวไปแล้ว จางเลี้ยถอนหายใจและกล่าว “ความแข็งแกร่งของเขายิ่งยากหยั่งถึง ความเร็วของเขาไม่ได้ช้าไปกว่าเจ็ดดาราโยกย้ายของเจ้า!”
มู่เหิงส่ายหัวและกล่าว “มันต่างกัน เจ็ดดาราโยกย้ายนับไม่ได้ว่าเป็นทักษะเคลื่อนไหวะมันจัดได้ว่าเป็นทักษะต่อสู้ ดังนั้น,มันไม่มีทางเอามาเปรียบเทียบกันได้”
ภายในไม่กี่อึดใจ เซี่ยวเฉินมาถึงจุดที่มีเสียงออกมา ร่างสีขาวแสนคุ้นตาปรากฏขึ้นในวิสัยของเขานั้นคือหยุนเข่อซิน
เซี่ยวเฉินถอนหายใจโล่งอก อีกาโลหิตไม่อาจทําอะไรนางได้ เขาตรงไปที่ด้านหน้าของหยุนเข่อซินและอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม,นางได้ฟุบหน้าล้มลงไป
เซี่ยวเฉินตกใจเล็กน้อย เขาเร่งเข้าไปช่วยนางและพบว่ามีบาดแผลน่ากลัวบนหลังของนาง สายเลือดหยดยาวลงมาย้อมชุดสีขาวของนาง
หยุนเข่อซินในตอนนี้หมดสติไปแล้ว เซี่ยวเฉินไม่มีทางเลือกแบกนางขึ้นหลังและรีบเร่งกลับ
จางเลี้ยมองดูหยุนเข่อซินที่หมดสติ เขากล่าวอย่างตกตะลึง “หยุนเข่อซินบาดเจ็บสาหัสมาก สัตว์อสูรปีศาจระดับ 4 ไม่อาจทํานางได้ถึงขั้นนี้”
ความแข็งแกร่งของหยุนเข่อซินทุกคนได้ประจักษ์แล้ว นอกจากนั้น,ที่พวกเขาได้เหี้ยเป็นเพียงแค่ส่วนพ้นน้ํา เซียวเฉินเองก็ไม่กล้าพูดว่าสามารถล้มนางลงได้
สัตว์อสูรวิญญาณที่หยุนเข่อซินไม่อาจล้มลงได้…แม้แต่เซี่ยวเฉินก็เห็นว่ายาก
มู่เชิงพึมพํา “พวกเราจําทําเช่นไร? พวกเราควรไปต่อ? นอกจากนางแล้วไม่มีใครรู้รายละเอียดของภารกิจนี้ พวกเราจะติดอยู่ที่นี่?”
เซี่ยวเฉินตอนนี้กําลังจัดการกับบาดแผลของหยุนเข่อซิน เมื่อเขาได้ยินคําถามนี้ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาได้ตกลงรับคําขอหลิวเทียนยู่ในการสังหารแม่ทัพปีศาจ อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจทําได้สําเร็จหากเขาต้องมาติดอยู่ที่นี่
เซี่ยวเฉินบดเม็ดยาหวนคืนโลหิตและโรยลงบนบาดแผลของหยุนเข่อซิน จากนั้นเขาก็หยิบเอาเม็ดยาหวนคืนโลหิตออกมาอีกเม็ด
เชี่ยวเฉินกําลังจะวางเม็ดยาใส่ในปากของนางแต่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาทันใดนั้นก็ขยับตัว นางลืมตาขึ้นและกล่าวอย่างอ่อนแรง “ขอบคุณ”
เซี่ยวเฉินดีใจที่เห็นนางลืมตาตื่นขึ้น เขายิ้มและกล่าว “จัดการบาดแผลของเจ้าก่อน อย่างอื่นเอาไว้พูดคุยกันทีหลัง”
ผ่านไปสี่ชั่วโมง, หยุนเข่อซินหยุดหมุนเวียนพลังงานของนาง ใบหน้าของนางเริ่มมีสีกลับมา ไม่รีรอให้ใครเริ่มถาม,นางพูด “หลังจากที่ข้าสังหารราชาอีกาโลหิตลงได้,ข้าถูกปีศาจลอบโจมตี”
แววแสงปละหลาดวูบผ่านดวงตาของจางเลี่ย เขารีบถามขึ้น “ปีศาจไหน?”
“ข้าสังหารไปแล้ว” หยุนเข่อซินหยิบเอาซากศพของปีศาจออกมาจากแหวนห้วงมิติของนาง “นี่คือปีศาจเงา มันเป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยของราชวงศ์ปีศาจโลหิตภายในโลกปีศาจแห่งนี้”
หลังจากนั้น,หยุนเข่อซินก็เล่าถึงความพิเศษของปีศาจเงาในการต่อสู้,อธิบายทีละอย่างให้กับทุกคน
หลังจากนั้นนางก็ตอบคําถามจางเลี่ยเกี่ยวกับปีศาจ “หยุนเข่อซินรับแผนที่คืนมาจากเซี่ยวเฉิน หลังจากนั้น นางก็ชี้ไปที่ตีนเขาที่ด้านหลังปา “พวกเราต้องฝ่าไปให้ภายในค่ําของวันพรุ่งนี้และไปรวมตัวกับทีมอื่นๆที่ตีนเขา”
จางเลี่ยรู้สึกแปลใจ,ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น “ศิษย์พี่หยุน,ท่านได้แผนที่นี่มาจากที่ไหน? มีคนที่เข้ามายังมิติย่อยแห่งนี้ก่อนพวกเรา?”
หยุนเข่อซินวาวแผนที่ก่อนที่จะพูดขึ้น “พวกเราสามารถมองดูสถานการณ์ภายในมิติย่อยได้ผ่านทางบ่อน้ําแห่งการเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม,พวกเราทําได้เพียงสังเกตสถานการณ์คราวๆ พวกเราไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ภายในป่า”
พวกเขาผ่านค่ําคืนไปอย่างเงียบๆ เมื่อท้องฟ้าสว่าง,อย่างน้อยก็น่าจะเป็นแบบนั้นในทวีปเทียนหวี่อาการบาดเจ็บฟื้นฟูไปไม่มากก็น้อยหลังจากพักผ่อนพร้อมกับยาที่ออกฤทธิ์ ภายในมิติย่อยแห่งนี้, ท้องฟ้าเป็นสีแดงตลอด,ทําให้การรับรู้ของพวกมันมืดมัวเล็กน้อย
เกาเชียงได้ลืมตาตื่นขึ้นและมองเห็นหยุนเข่อซินกําลังจ้องมองเขาอย่างไร้สีหน้า เขาตกใจและพึมพํา “ศิษย์พี่หยุน,ข้า…”
หยุนเข่อซินขัดเขาด้วยเสียงเย็น “หากมีครั้งหน้า,ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้า”
มาถึงจุดนี้ เมื่อคนอื่นๆมองเห็นเช่นนั้น พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้เกาเชียงอีกแล้ว หากไม่ใช่เพราะความประมาทของเกาเชียง,พวกเขาคงไม่มีสภาพน่าสมเพชกันเช่นนี้
เชี่ยวเฉินหยุดบ่มเพาะพลังและลืมตาขึ้น เขามองไปที่หยุนเข่อซินและกล่าว “ข้าจะไปลาดตะเวนและสํารวจสถานการณ์โดยรอบ พวกเจ้าที่เหลือควรรออยู่ที่นี่ก่อน”
หยุนเข่อซินห้ามเซี่ยวเฉินเอาไว้และกล่าว “ห้ามไปคนเดียว พวกเราจะเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน ปาแห่งนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เป็นการดีที่จุดที่พวกเราจะเคบื่อนที่ไปพร้อมกัน”
ฟังดูมีเหตุผล หากเกิดอะไรขึ้นฉับพลัน,ข้าอาจจะรับมือไม่ไหวด้วยตัวคนเดียว คิดได้ดังนี้ เซี่ยวเฉินก็ไม่ขัดข้อง
ภายใต้การนําของหยุนเข่อซิน,ทุกคนเคลื่อนที่ไปอย่างระมัดระวังผ่านปามืดมิด หลังจากที่ฟื้นฟูพลังต่อสู้กลับมา ทุกคนสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขึ้น ภายในหนึ่งชั่วโมง,พวกเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุดที่เซี่ยวเฉินถากทางเอาไว้เมื่อวาน
เชี่ยวเฉินชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาและส่วกระบี่ฉีออกไปสองสามเล่ม ประกายสายฟ้าถูกจุดขึ้นภายในป่า มันเป็นนพุ่มหญ้าด้านหน้ากลายเป็นผงเปิดเป็นทางยาว
ทุกคนประหลาดใจ, พวกเขาไม่คาดคิดว่าเพียงกระบี่ฉีสองสามเล่มจากเซี่ยวเฉินจะมีพลังทําลายมากมายเช่นนี้ เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นทั่วไป
เซี่ยวเฉินกล่าว “ข้าสํารวจมาถึงตรงนี้เมื่อวาน ทางต่อไปข้างหน้าข้าไม่แน่ใจนัก”
หยุนเข่อซินพยักหน้าและกล่าว “ตรงนี้ควรจะเป็นเขตระหว่างป่าชั้นนอกและชั้นใน พวกเราไม่อาจประมาท เย่เฉิน,เปิดทางต่อไป”
“ยิ้ม!”
กระบี่ฉีของเซี่ยวเฉินถากพุ่มหญ้าเบื้องหน้าเป็นผุยผง เปิดทางให้ทุกคนต่อไปเช่นนั้น
หลังจากเดินมาได้ห้าร้อยเมตร, พวกเขาก็ไม่ได้พบเจออันตรายอะไร สีหน้าของจางเลี่ยและคนอื่นๆผ่อนคลายลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสีหน้าของหยุนเขาอซินกลับจริงจังยิ่งขึ้น
“ระวังตัว อย่าประมาท มิฉะนั้นเจ้าอาจจะตกตายภายในเสี้ยววินาที” เมื่อหยุนเข่อซินเห็นว่าคนอื่นกําลังลดการป้องกันลง,นางก็เตือนขึ้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ประสบอันตรายใดระหว่างทางคนในทีมไม่ได้เก็บคําของหยุนเข่อซินไปใส่ใจนัก,พวกเขาเพียงเพิ่มความระวังตัวขึ้นเล็กน้อย
หลังจากที่พวกเขาเดินมาหลายกิโลเมตร,การเฝ้าระวังของทั้งทีมลดต่ํา, กิ่งไม้สีแดงนับไม่ถ้วนทะลวงผ่านอากาศมาราวกับดาบแหลมมุ่งหน้ามาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว
หยุนเข่อชิน ผู้ที่เฝ้าระวังตัวอยู่ตลอดเวลา,ชักกระบี่ของนางออกมาฟันไปที่กิ่งไม้ขาดครึ่งในทันที กิ่งไม้หักร่วงลงสู่พื้น
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลันทําให้คนอื่นไม่ทันตั้งตัว มีสองคนตกตายโดยถูกกิ่งไม้สีแดงแทงทะลุหัวใจ
ในทันทีที่กิ่งไม้สีแดงปรากฏขึ้น,เซี่ยวเฉินได้ขยายสัมผัสวิญญาณออกไปในทันที เขามองเห็นร่างสีดําวูบไหวด้านหลังต้นไม้ห่างออกไปห้าร้อยเมตร
เซี่ยวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณกลับและมองไปที่กลุ่มของเขา เขาใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานและส่งประกายแสงไปในอากาศ กระบี่ฉีสีม่วงกวาดทําลายกิ่งไม้สีแดงโดยรอบ
หยุนเข่อซินตอบสนองไม่ช้าเช่นกัน กระบี่ของนางสั่นไหวไปในอากาศและกิ่งไม้ที่บินผ่านอากาศเข้ามาดูราวกับถูกหยุดไว้ด้วยพลังงานอันไร้รูปร่าง จากนั้น,พวกมันทั้งหมดก็ร่วงลงพื้นเสียงครึกโครม
กิ่งไม้ประหลาดพวกนี้ไม่แปลกตาสําหรับเซี่ยวเฉิน เขาเคลื่อนไปที่ด้านข้างของหยุนเข่อซินและกล่าว “พวกนี้คือต้นไม้วิญญาณภายในป่าแห่งนี้ นอกจากนั้น จํานวนยังมหาศาล”
“ข้ารู้” หยุนเข่อซินกลางอย่างใจเย็น “พวกเราต้องตามหาตําแหน่งของต้นไม้วิญญาณโดยเร็ว มิฉะนั้น,มันจะยิ่งยากที่จะรับมือ”
ต้นไม้วิญญาณเป็นสัตว์อสูรปีศาจประเภทที่รับมือด้วยยาก พวกมันปอดบังซ่อนตัวอยู่ภายในปา หากพวกมันไม่ลงมือจู่โจม, พวกมันก็ดูไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ทั่วไป
เกาเชียงเผยสีหน้าวิตกกังวล “ช่างน่ารังเกียจ, ไม่มีทางที่จะหาตําแหน่งของต้นไม้วิญญาณพบ พวกเรากําลังติดกับอยู่ที่นี่และถูกฆ่าตาย”
“ปัง!”
ทันใดนั้นเชี่ยวเฉินก็ลงมือ กระบี่แสงวูบไหวรวมตัวที่คมกระบี่เงาจันทร์ของเขา จากนั้นเขาก็ฟันลงไปที่ต้นไม้ด้านหน้าของเขาขาดครึ่งเสียงดังสนั่น
“เย่เฉิน,เจ้ากําลังทําอะไร?” จางเลี่ยทร่อยู่ด้านข้างของเขาถามขึ้นรู้สึกงุนงง
เซี่ยวเฉินเคบื่อนตัวไปต่อในไม่ช้า, ต้นไม้ซ้ายขวาสี่ห้าต้นถูกฟันขาดครึ่ง
หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินก็ไล่สับต้นไม้ต่อไป คนอื่นๆ ที่เดิมที่ไม่เข้าใจการกระทําของเซี่ยวเฉิน,ในที่สุดก็เข้าใจว่าเขากําลังทําอะไร
ในเมื่อแยกไม่ออก ก็สับมันทุกต้นที่อยู่โดยรอบ เขาจะต้องพบกับต้นไม้ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่สุด
ผ่านไปไม่นาน,ต้นไม้บริเวณโดยรอบถูกถากล้าง อย่างไรก็ตาม,พวกเขาก็ยังไม่พบต้นไม้วิญญาณ แต่วิสัยทัศน์ของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้น
เมื่อเกาเชียงเห็นดังนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะอยากเข้าไปช่วยด้วย อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะลงมือ เขาถามความเหฯของหยุนเข่อซินก่อน
หยุนเข่อซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเกาเชียง เกาเชียงไม่ได้อ่อนแอ นอกจากนั้น,ทักษะต่อสู้ของเขาก็เหมาะที่จะต่อกรกับต้นไม้วิญญาณ
หลังจากที่เขาพบต้นไม้วิญญาณ,เขาสามารถพึ่งพาทักษะต่อสู้ที่ดุดันของยอดเขาเขียนตัวนในการสังหารต้นไม้วิญญาณ
เกาเชียงดึงกระบียักษ์ออกมาจากหลังของเขาและเผยสีหน้าตื่นเต้น เขากดเท้าดีดตัวออกจากพื้นและร้องตะโกนก่อนที่จะลงจอดที่ด้านข้างของต้นไม้ใหญ่
กระบี่ยักษ์พลังเยอะพร้อมฟันลงไปที่ต้นไม้ด้านหน้า
“ปัง!”
เกิดเสียงดังขึ้น แต่น่าแปลก,ต้นไม้ต้นนี้เกาเชียงทําลายไม่ขาด