Special District 9 ตอนที่267

ตอนที่ 267 เพื่อนที่หลับใหลไปตลอดกาล

ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลสถานีตํารวจมีแพทย์วัยกลางคนคนหนึ่งผลักประตูออกมาพลางถอดหน้ากากก่อนส่ายหน้า “เขาบาดเจ็บสาหัสหนักเกินไปแถมยังมาช้าขอโทษด้วยนะครับ….เราพยายามอย่างดีที่สุดแล้วครับ”

ฉินอรี่และคนอื่นพูดไม่ออก

“หมอมันต้องรอดสิ…เขาเพิ่งจะอายุสี่สิบเองนะช่วยเขาที่!” จ่าวเปาทรุดตัวลงและคว้าแขนหมอคนนั้น

หมอพูดกับจ่าวเปาด้วยเสียงแหบแห้ง “หมดเวลาของเขาแล้ว ถ้าคุณมีอะไรจะพูดกับเขาก็เข้าไปข้างในสิ”

ห้องฉุกเฉินเต็มไปด้วยกลิ่นน้ํายาฆ่าเชื้อและก๊าซ ถังหยวนนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง

ถึงข่าวเปาอยากพบเขา แต่ก็กลัวทนเห็นสภาพเพื่อนของตนที่กําลังจะตายไม่ได้เขานั่งอยู่ข้างเตียงก่อนเอื้อมมือไปจับข้อมืออีกฝ่าย

“จ่าวเปา…หลังจากที่ฉันถูกตัดแขนเจ้าของบังกะโลก็เข้ามาดู เขาโทรหานายให้ฉันแต่เขาก็ไม่กล้าพาฉันมาโรงพยาบาล” ถังหยวนพูดด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ “ฉันขอร้องเขาแล้วเขาก็ไม่กล้าแต่อย่าไปโทษเขาเลยนะฉันไม่โกรธเขาหรอก”

จ่าวเปานอนแนบกับตัวของถังหยวนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นและไม่พูดอะไร

“ตอนฉันติดคุก แฟนของฉันมาหาเราทะเลาะกัน เธอบอกว่าฉันมันโง่และไม่น่าเข้าไปยุ่งกับข่าวที่เกินตัวเลย” น้ําตาอาบแก้มข้างหนึ่งของถังหยวนขณะที่เขาหลับตา “เพื่อนนายว่าฉันมันเสียสติหรือสังคมนี้กันแน่ที่ปวย?”

“เสี่ยวหยวน ฉันไม่ควรดึงนายให้มาทําแบบนี้เลย”

“อย่าเสียใจเลยเพื่อน” ถังหยวนค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะบ่าของจ่าวเปา “ฉัน…ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ได้ร่วมมือกับนาย..ถ้านายจับพวกมันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกฉันขอให้นายและครอบครัวมีความสุข มีชีวิตที่ดีต่อไปนะ…แต่ถ้ายังจะเดินหน้าต่อไปนายต้องระวังตัวและช่วยนําอุดมการณ์ของฉัน…”

จ่าวเปาได้ยินประโยคนี้ขาดช่วงไปเขาจึงหันไปมองอีกฝ่ายทันที

แขนที่ใช้จับบ่ากลับไร้เรี่ยวแรงตกลงข้างเตียงทันทีก่อนจะนอนนิ่งไม่ไหวติง

“ถังหยวน!”

จ่าวเปาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่อีกฝ่ายก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพื่อนที่หลับใหลไปตลอดกาล

สองชั่วโมงต่อมา

รัฐมนตรีว่าวรีบไปที่โรงพยาบาลสถานีตํารวจ ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถงเขาก็เห็นหลินเหนียนเลย “เสี่ยวเปาล่ะ?”

“เขาอยู่ในห้องเก็บศพค่ะ” หลินเหนียนเลยพูดเสียงเบา

“ ขอบคุณนะเหนียนเลย” รัฐมนตรีจ่าวรู้เรื่องคร่าวๆ ทางโทรศัพท์แล้ว ดังนั้นเขาจึงกล่าวขอบคุณหลินเหนียนเลย

“ลุงจ่าว เสี่ยวเปาน่าจะกําลังเศร้าอยู่” หลินเหนียนเล่ยกล่าวเตือน

“ไม่เป็นไร ฉันจะไปดูเขาเอง” รัฐมนตรีจาวหันกลับไปด้วยใบหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนเดินไปที่บันได

อีกสิบนาทีต่อมา

รัฐมนตรีว่าวผลักเปิดประตูห้องเก็บศพ และเห็นจ่าวเปานั่งนิ่งบนพื้นกระเบื้องพร้อมกับจ้องมองไปที่เตียงเพื่อนเขา

รัฐมนตรีจ่าวเห็นความโชคร้ายของถังหยวนจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนรู้สึกกังวลขึ้นมาในใจ

เขารู้สึกกลัวว่า ถ้าวันนี้ลูกชายของเขานอนอยู่ในห้องเก็บศพแทนล่ะ?

ในอพาร์ตเมนต์ย่านใจกลางเมือง

เปยเตอหยงลุกพรวดด้วยความประหลาดใจ “นายว่าไงนะ?! นักข่าวอีกคนคือลูกชายของรัฐมนตรีสถานีออนไลน์งั้นเหรอ?”

“ใช่ ผมตรวจสอบจากรถคันนั้น เป็นรถของหัวหน้าแผนกข่าวของสถานีออกอากาศออนไลน์เขาคือลูกชายของจ่าว” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างโซฟาพยักหน้า“เขาชื่อจ่าวเปาปัจจุบันเป็นหัวหน้าบรรณาธิการของคอลัมน์ฝ่ายกฎหมาย”

เปยเตอหยงได้ยินดังนั้นจึงยึดตัวขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น? ทําไมจู่ๆ ลูกชายของรัฐมนตรีถึงอยากมาสืบเรื่องของเราล่ะ ?”

“เป็นเพราะมีความขัดแย้งอะไรรึเปล่า?” ฉวีหยางถาม

“ฉันเคยมีเรื่องขัดแย้งกับรัฐมนตรีคนนี้ด้วยเหรอ?” เปยเตอหยงครุ่นคิดอยู่นาน แต่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ “ทําไมเขาถึงทําแบบนี้ล่ะ?”

“แผนกข้อมูล ข่าวซุน?” หยางหนานลูบเคราของเขา และทันใดนั้นเขาก็พูดประโยคหนึ่ง “ใช่ตําแหน่งของสถานีออนไลน์ที่เฒ่าหวี่เคยเป็นหรือไม่? เหมือนได้ยินคนอื่นพูดถึงมัน”

เปยเตอหยงได้ยินดังนั้นจึงตบต้นขาพลางตอบทันที “ใช่แล้ว ฉันจําได้ว่าจ่าวซุนร่วมมือกับผู้กํากับและมีเฒ่าหวี่อยู่ด้วย”

ฉวีหยางขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร

“เจอต้นตอของปัญหาแล้ว” เปยเตอหยงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง “ข่าวซุนทําแบบนี้อาจเป็นเพราะเจ้าถิ่นอวี่นั่น”

“ถ้าเป็นคนอื่นคงจัดการได้สบายหน่อย แต่ลูกชายของหัวหน้าสื่อคนนี้มันไม่ง่ายเลย”หยางหนานขมวดคิ้ว

“แล้วไอ้หมอนั่นที่โดนตัดมือไม่ได้บอกเหรอว่าวิดีโออยู่ไหน?” เปยเตอหยงถาม

หยางหนานส่ายหัว “พวกนักข่าวโง่ๆ หัวแข็งนักฉันทําขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่ยอมบอกอีก”

เปยเตอหยงยิ้มก่อนยืนขึ้นเดินไปรอบๆ “เตรียมเงินก้อนโตไว้ งานนี้น่าจะเคี้ยวยากหน่อย”

หลังจากที่ถังหยวนเสียชีวิต พวกฉินอวีก็ออกจากโรงพยาบาลไปก่อน เพราะจ่าวเปากําลังเสียใจอย่างหนัก จึงไม่สามารถพูดถึงรายละเอียดของคดีได้ในขณะนี้ทําได้เพียงรอให้จ่าวเปาดีขึ้นก่อนแล้วจึงค่อยเริ่มบันทึกคําให้การเพื่ออธิบายสถานการณ์

พื้นที่ทํางานส่วนกลางของทีมใหญ่ ฉินอวีมองแมวเฒ่าและถามด้วยความสงสัย “นายหมายความว่าไงที่จ่าวเปาคว้าน้ําเหลวเรื่องของเฒ่าเปย?”

“ใครจะไปรู้” แมวเฒ่าคิดไม่ออก

รู้เหว่ยนั่งเงียบบนโต๊ะอยู่นาน “ถ้าจ่าวเปาจะแจ้งความทําไมหมอนั่นถึงมองข้ามเราไปล่ะ?ทําไม?!”

ฉินอวี่มองจู่เหว่ยและพูดทันที “บางทีในสายตาของจ่าวเปาอาจเห็นเราเป็นพวกเดียวกับเฒ่าเปยก็ได้”

“อืม เป็นไปได้” แมวเฒ่าพยักหน้า

“เฒ่าเปย ไอ้หมาบ้าน” ฉินอวีพูดด้วยเสียงเรียบ “เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องตัดแขนฆ่าแกงกันเลยเหรอ?”

“เฮ้อ…”เหว่ยถอนหายใจ “โหดเหี้ยมจริงๆ งั้นที่นี้พวกนักข่าวที่ทําข่าวหาเงินก็ต้องถูกพวกนี้นตามไปตัดแขนหมดเรอะ?”

“รอจ่าวเปาก่อนฉันต้องไปถามเขาอีกที” ฉินอวี่กล่าวด้วยเสียงทุ่มต่ํา

ในตอนเย็น

รัฐมนตรีจ่าวนั่งที่บ้านขณะคุยโทรศัพท์กับเพื่อน “ฮัลโหล?”

“เฒ่าเปยจากหนานหยางต้องการพบนาย พอจะมีเวลารึเปล่า?” อีกฝ่ายถามอย่างตรงไปตรงมา

รัฐมนตรีว่าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ได้ ให้เขามาพบฉันที่สถานีออนไลน์”

“เข้าใจแล้ว”

“แค่นี้นะ”

หลังพูดจบทั้งสองก็วางสาย

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 เขตพิเศษที่ 9
Status: Ongoing
บทนำ โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย… ‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม! ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้… ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset