166 – ค้นหาที่ตั้งหมู่บ้าน
ปี 1938?
โจวเจ๋อมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆและซูชิงหลางก่อนจะพูดว่า
มาอยู่ในตงเฉิงมาตั้งแต่ปี 1938 แล้วเหรอ?”
ในกรณีนั้นสถานที่ที่เรียกว่าหมู่บ้านที่สามน่าจะเป็นโศกนาฏกรรมแห่งยุคสมัย หมู่บ้านนี้ควรเป็นหมู่บ้านที่เรียบง่ายก่อนที่ปีศาจจะเดินทางมาถึง
คนทั้งหมู่บ้านรวมถึงเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนี้ทุกคนต่างก็ตายจนหมดสิ้น
กล่าวคือคุณยายของผู้โพสต์โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีวิธีค้นหาข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับหมู่บ้านที่สาม และไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการ
นี่ไม่ใช่ความหย่อนยานของระบบราชการ แต่ในยุคนั้นมีโศกนาฏกรรมที่คล้ายคลึงกันนับไม่ถ้วนและสถานการณ์ก็ปั่นปวนทุกปี
ในความเป็นจริงคนที่เสียชีวิตจากอดีตส่วนมากมักจะถูกลืมไปแล้ว
“คิดว่าคนทั้งหมู่บ้านคงจะเสียชีวิตจากสงครามต่อต้านญี่ปุ่นเมื่อ 80 ปีก่อน จนกระทั่งเวลานี้พวกเขาก็ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่?”
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว 80 ปีแล้ว 80 กว่าปีแล้ว และวิญญาณของทั้งหมู่บ้านยังคงอยู่ที่เดิมนั้นหรือ?
“ฉันไม่รู้แต่ดูจากสาวน้อยคนนี้ก็คงพอจะทราบได้ เดี๋ยวฉันจะไปที่ห้องสมุดของเมืองเพื่อตรว จดูจดหมายเหตุ ดูว่าที่ตั้งของหมู่บ้านที่สามนั้นอยู่ที่ไหน หรือบางทีอาจจะปรึกษาใครบางคน”
ซูชิงหลางลุกขึ้นหยิบกุญแจรถแล้วออกไปทันที เรื่องนี้เขาคิดบวกมาก เขาไม่เหมือนกับโจวเจ๋อที่มองโลกในแง่ดีเนื่องจากต้องการผลประโยชน์จากการส่งผีพวกนั้นไปนรก
ซูชิงหลางแค่อยากจะทําอะไรบางอย่างจากใจของเขาจริงๆ
โจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ เขาเอื้อมมือออกไปแล้วชี้ไปที่เหล่าเด็
” เฝ้าเธอไว้”
เหล่าเต่พยักหน้าและมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆกับลิงน้อย
เด็กหญิงตัวเล็กๆสับสนเล็กน้อยและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยืนอยู่ที่นั่นโดยสัญชาตญาณและไม่กล้าเคลื่อนไหวมากนัก
ลิงน้อยเอื้อมมือออกไปราวกับว่าเขาต้องการสัมผัสวิญญาณของเธอ
ถ้าสาวน้อยยังไม่ตายเธอจะมีอายุมากกว่า 90 ปีด้วยซ้ํา
แต่เธอยังคงไร้เดียงสาและมีจิตใจอ่อนโยนเหมือนกับก่อนตายโดยสมบูรณ์ ที่เป็นสถานการณ์ที่ที่น่าสนใจที่สุดของโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้าน ซึ่งทําให้วิญญาณของทั้งหมู่บ้านไม่สามารถออกมาได้ทุกคนถูกขังอยู่ที่นั่นโดยไม่สามารถไปไหนได้แม้แต่การเกิดใหม่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เฉพาะยังไม่ได้รับการยืนยันจนกว่าซูชิงหลางจะพบข้อมูลที่แน่นอน
โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและปัดมันไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่ค่อยใช้ wechat QQ และสิ่งอื่นๆเพราะทั้งหมดนี้มันเป็นของซูเล่อดังนั้นเขาจึงไม่สะดวกใจที่จะใช้
หลังจากที่เลื่อนผ่านโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆโจวเจ๋อบังเอิญเห็นไปยิ่งแชร์ “วิธีการหลอกล่อผู้ชายให้หลงหัวปักหัวป่า!”
โจวเจ๋อตกตะลึงครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าไปอิ่งจะกลายเป็นผู้ลุ่มลึกในการเล่นอินเทอร์เน็ตมากไปแล้วในตอนนี้
เขาคงต้องหาเวลาคุยกับเธอสักหน่อย ไม่งั้นเขาอาจตกลงไปในบ่วงเสน่หาของเธอสักวัน
ในเวลานี้ไปยิ่งทํางานทุกอย่างเสร็จแล้วเธอจึงกําลังเล่นเกมอยู่ที่ห้องด้านบน
โจวเจ๋อลุกขึ้นยืนและขึ้นไปที่ชั้น 2 โดยตรง
โจวเจ๋อวางโทรศัพท์มือถือลงและเปิดประตูห้องนอน
“สาหร่าย สาหร่าย ระยิบระยับไปกับคลื่น
สาหร่าย สาหร่าย ระบําในเกลียวคลื่น!”
ไปวิ่งนอนอยู่บนเตียง เท้าที่ขาวเนียนของเธอไม่รู้ว่าไปเหยียบอะไรมาถึงกลายเป็นสีแดงแบบ
เท้าของเธอแกว่งไปมาอย่างต่อเนื่อง เธอกําลังตัดต่อวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือของตัวเองและเธอก็หัวเราะกับวีดีโอที่เธอเพิ่งตัดต่อเสร็จ แม้แต่ตอนที่โจวเจ๋อมาถึงเธอก็ไม่ได้สังเกต
โจวเจ๋อนั่งลงข้างเตียงของเธอ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…”
ไปยิ่งหันมาด้วยรอยยิ้ม แล้วคนทั้งร่างสะดุดล้มลงบนขาของโจวเจ๋อ
จากนั้นสายตาของพวกเขาทั้งคู่ก็จ้องมองกัน ริมฝีปากสีแดงที่น่าดึงดูดก็เผยอขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ผิวขาวบอบบางของเธอก็มีเลือดฝาดนิดๆ
บรรยากาศชวนวาบหวาม
อย่างไรก็ตามโจวเจ๋อไม่ได้เคลิ้มไปกับบรรยากาศ
“ผมบอกแล้วไงว่าถ้าไม่ได้ล้างเท้าและอาบน้ําก่อนไม่อนุญาตให้นอนบนเตียงหลังจากที่ตื่นขึ้นแล้ว”
ขณะที่พูด โจวเจ๋อก็มองไปที่เท้าหยกยาวและจินตนาการของเขาก็เตลิดไปไกลก่อนที่เขาจะขมวดคิ้ว
“สกปรก”
ไปยิ่งลุกจากเตียงทันทีและสวมรองเท้าแตะ เธอรวบมือทั้งสองข้างเข้าหากันก่อนจะยืนตรงรอ เขาตําหนิ นี่เป็นท่าประจําของเธอ บางที่ผู้หญิงในสมัยนั้นอาจถูกฝึกฝนมาให้เป็นแบบนี้ก็ได้
” ซักผ้าปูที่นอนด้วย”
โจวเจ๋อกล่าว
“ก็ได้ค่ะ”
ไปยิ่งถอดผ้าปูที่นอนและลงไปข้างล่าง โจวเจ๋อนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เปิดหน้าเว็บและเริ่มค้นหาอีกครั้งเกี่ยวกับหมู่บ้านที่สาม
ซูชิงหลางเคยค้นหาด้วยโทรศัพท์มือถือของเขา และอาจมีการละเลยบางอย่าง
น่าเสียดายที่เรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากกระทู้สนทนาเดียว
ที่โจวเจ๋ออ่านก็คือกระทู้เดียวกันกับซูชิงหลาง ซึ่งถูกตั้งกระทู้ในฟอรัมท้องถิ่นของตงเฉิงตั้งแต่ปี 2009
อันดับแรกโจวเจ๋ออ่านบทสนทนาสองสามคอมเม้นแต่ไม่พบอะไรเลย จากนั้นโจวเจ๋อก็เลือกที่จะมองย้อนกลับไปที่หัวข้อ ในโพสต์นี้มีคนวงในสองคนจริงๆ
แน่นอน คนหนึ่งคือคนที่ตอบแต่เขาได้พูดในสิ่งที่ควรพูดไปแล้ว และอีกคนคือเจ้าของคําถาม
ในเมื่อคนจากหมู่บ้านที่สามถูกลืมไปแล้ว แม้แต่ในบันทึกก็มีเพียงเรื่องเล่าที่ยายของเขาเล่าให้ฟังแล้วทําไมเจ้าของโพสต์จู่ๆถึงเอ่ยชื่อสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา?
โจวเจ๋อเปิดดูโปรไฟล์ของเจ้าของโพสต์ และพบว่าเขาไม่ได้โพสต์อะไรอีกเลยตั้งแต่ปี 2009โจวเจ๋อคัดลอก ID ของเจ้าของโพสต์มาวิเคราะห์
ID คือ “นอนชิมน้ําดี 3000 ปี อู่ 19800201”
จากนั้นโจวเจ๋อก็เอาไอดีนี้ไปค้นหาในโซเชียลมีเดียอื่นก่อนที่เขาจะค้นพบ User ID นี้ในเว็บไซต์ไห่เจียว
เจ้าของโพสต์ยังคงใช้ชื่อ “นอนชิมน้ําดี 3000 ปี อู่19800201” เหมือนเดิมและเวลาโพสต์ยังคงเป็นปี 2009
โพสต์นี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมและมีคนตอบกลับไม่มาก โจวเจ๋อพยายามค้นหาคําตอบเท่าที่จะหาได้
เจ้าของโพสต์กระทู้นี้ตั้งกระทู้ว่า
“นี่คือสิ่งที่ฉันสัมผัสเป็นการส่วนตัว แม้ว่ามันจะแปลกและไร้สาระ แต่ฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่ความฝันหรือภาพลวงตา มันเป็นเรื่องจริงของฉัน”
เป็นบทนําเรื่องผีธรรมดาๆ เรื่องแบบนี้เป็นที่นิยมมากเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วในช่วงที่อินเทอร์เน็ตเริ่มแพร่หลาย
โจวเจ๋อยังคงอ่านต่อแม้เขาจะรู้สึกดูถูกในใจ
“ในเดือนมีนาคมปีนี้ฉันขับรถกลับบ้านจากสํานักงานไฟฟ้าของเมืองกวานอินซัน(เขาเจ้าแม่กวนอิม)ฉันทํางานในสานักไฟฟ้าแต่ครอบครัวของฉันอาศัยอยู่ถัดจากสนามบินซินถง
ในตอนที่ฉันกลับบ้านเมื่อผ่านเมืองซิงเหรินฉันจําเป็นต้องแวะที่นั่นก่อน เพราะวันนั้นฉันเอาเสื้อผ้าไปซักแห้งไว้ที่นั่นเลยต้องแวะเอาในช่วงเย็น
ร้านซักแห้งนั้นอยู่บนถนนซิงเหรินตรงข้ามกับโรงเรียนประถมซิงเหริน
ฉันขับรถผ่านไปตอนสามทุ่มและบนถนนก็แทบจะไม่มีรถสวนมาแล้ว แต่เมื่อฉันหยุดที่ประตูร้านซักแห้งและลงจากรถเท้าของฉันก็แพลงจนล้มลงกับพื้น
ตอนแรกแค่คิดว่าวันนี้โชคร้ายจริงๆ แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เพราะเมื่อล้มลงกับพื้นจู่ๆฉันก็พบว่าถนนและอาคารสูงรอบๆ หายไป ฉันไม่ได้อยู่ใต้ถนนแต่เป็นสันเขาแห่งหนึ่ง ที่ด้านหน้าของฉันไม่ใช่ร้านซักแห้งที่เป็นตึกแถวแต่กลับเป็นบ้านโคลนหลังห
ฉันรู้สึกตกใจมากแต่เมื่อมองย้อนกลับมาที่รถของตัวเองฉันก็พบว่ามันกลายเป็นกองฟางไปแล้ว
(เรื่องนี้บางตอนก็แปลง่ายบางตอนก็แปลยาก โดยเฉพาะตอนนี้แปลยากมากผมใช้เวลาแปลตอนเดียวกว่าสี่ชั่วโมงแล้ว)