ตอนที่ 978: ต่อสู้กับเซียนจักรพรรดิ
รุยจินและเฮยยู่เป็นเซียนราชาขั้นสูงสุด ดังนั้นจึงมีความแตกต่างในด้านความสามารถระหว่างพวกเขากับเซียนจักรพรรดิอยู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งคู่ดูมั่นใจมาก
คำพูดของพวกเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ตกใจ ไม่ว่าจะเป็นเซียนราชาจากตระกูลโบราณหรือจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์ พวกเขามองไปที่รุยจินและเฮยยู่อย่างแปลกใจ เหมือนว่าพวกเขาเป็นคู่หูที่โง่เง่า
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะทรงพลังมาก พวกเขายังมีข้อจำกัดในการที่เป็นแค่เซียนราชา พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะไปต่อต้านเซียนจักรพรรดิได้
เซียนจักรพรรดิเป็นจอมยุทธที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งแตกต่างออกไปและไม่ใช่อะไรที่เซียนราชาจะเทียบเท่าได้ ไม่พูดถึงเรื่องที่ว่ามารราคะได้เป็นเซียนจักรพรรดิมานานหลายปีแล้ว เขายังแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเสือของทวีปสัตว์เทวะ แลงคีรอสที่เทียบกับเขาไม่ได้อีก
รุยจินและเฮยยู่ทำให้มารราคะนิ่งอึ้งไปเช่นกัน เขามองไปที่ทั้งสองด้วยความเหลือเชื่อและถามเขาเพื่อย้ำความแน่ใจ “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? เจ้าทั้งสองต้องการที่จะสู้กับข้า ? “
รุยจินและเฮยยู่มองหน้ากันและกันและพวกเขาก็เข้าใจซึ่งกันและกัน ทันนั้นเองพลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ก็เริ่มเปล่งรัศมีออกมาจากพวกเขาทั้งสอง และแผ่กระจายความยิ่งใหญ่ไปหลายสิบกิโลเมตร
เซียนราชาขั้นสูงสุดเป็นระดับการฝึกฝนที่เหนือกว่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 ขึ้นไปอีก มันอีกนิดเดียวก็จะถึงระดับเซียนจักรพรรดิและแข็งแกร่งกว่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 พลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับเซียนราชาที่อ่อนแอกว่าพวกเขา
มารราคะส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “ถ้านี่เป็นความแข็งแกร่งที่พวกเจ้ามี เจ้ายังไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสู้กับข้า มันคงยากที่พวกเจ้าจะรอดไปจากที่นี่ได้ในวันนี้เหมือนกัน แค่ข้ากระดิกนิ้วเท่านั้น วิญญาณของพวกเจ้าทั้งสองก็ถูกกำจัดแล้ว”
รุยจินโกรธเมื่อมารราคะพูดแบบนั้น เขาเป็นมังกรทองเทวะ จักรพรรดิของมังกร ดังนั้นเขาจึงมีความภาคภูมิใจมาก เขาจะทนคำดูถูกของมารราคะได้อย่างไร ?
“เกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์ ! ” รุยจินตะโกนออกมาและพลังที่ทรงพลังแต่ลึกลับก็เริ่มที่จะเปล่งรัศมีออกมาจากเขา หลังจากนั้นไม่นาน เส้นแสงสีทองแสบตาก็พุ่งออกมาจากร่างของเขาและล้อมเขาเอาไว้ทั้งหมด เกราะที่น่าเกรงขามในตอนนี้ได้หุ้มรุยจินเอาเป็นแสงสีทองหนาแน่น
ท่าทางของมารราคะเปลี่ยนโดยสิ้นเชิงเมื่เขาเห็นเกราะของรุยจิน เขาร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว “นะ นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
“ดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ ! ” รุยจินตะโกนออกมาอีกครั้ง เขาชูมือสองข้างขึ้นไปในอากาศและดาบสีเงินยาว 3 เมตรก็ปรากฎขึ้นมาทันทีในมือของเขา มันเปล่งประกายจ้าไปด้วยแสงสีเงินและทำให้ทั่วทั้งบริเวณกลายเป็นสีขาวราวหิมะ
พลังงานมหาศาลที่ไม่น่าเชื่อท่วมท้นไปทั่วบริเวณเมื่อดาบปรากฏขึ้นมา มันไม่ได้ฉีกมิติออกแต่พันธนาการมันเอาไว้ ในตอนนี้ เวลาและอากาศดูเหมือนจะหยุดลง
ท่าทางของเซียนราชาก็เปลี่ยนไปด้วย พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่ดาบด้วยความตกใจ ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดสั่นจากแรงกดันที่มันเปล่งออกมา
“นะ นี่มันอาวุธอะไรกัน ? มะ มันทรงพลังมาก มันน่ากลัวกว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ถูกตีขึ้นมาโดยเซียนจักรพรรดิหลายคนอีกด้วย” ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์พูดออกมาเสียงสั่น
“จอมยุทธสัตว์อสูรปกติแล้วจะไม่ใช้อาวุธ ถ้างั้นทำไมเขาถึงได้มีอาวุธที่น่ากลัวอะไรแบบนี้ ? นี่ใช่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ถูกตีมาจากเซียนจักรพรรดิหลายสิบคนเหมือนกันหรือเปล่า ? ” ยิหยางซีพูดออกมาเสียงทุ้ม เขาอยู่ในความตกใจ
มารราคะไม่สามารถสงบอยู่ได้ เขาจ้องมองดาบของรุยจินที่อยู่เหนือหัวของรุยจินและตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัว “พลังงานดั้งเดิม มันเป็นพลังงานดั้งเดิมจริง ๆ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานดั้งเดิม เป็นไปยังไงกัน ? แม้แต่ในครั้งโบราณกาลก็ยังไม่มีอาวุธที่มีพลังงานดั้งเดิมเลย”
คลื่นพลังงานที่มหาศาลอีกอันได้ปรากฏขึ้นมา ชุดเกราะสีฟ้าครามปรากฏขึ้นบนเฮยยู่ ในขณะที่มีดสีเงินก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา มันเปล่งประกายไปด้วยแรงกดดันที่ไม่น้อยไปกว่าดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์เลย
ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดดำยืนขึ้นทันทีบนชั้นที่ 98 ของศาลาสัตว์เทวะ พลังที่มหาศาลเริ่มเปล่งประกายออกมาจากเขา
“พลังงานดั้งเดิม มันเป็นพลังแห่งการมีอยู่ของพลังงานดั้งเดิม พลังงานดั้งเดิมปรากฏขึ้นบนทวีปเทียนหยวนจริงจริง…”
จักรพรรดิเปิงที่เหมือนนักปราชญ์ยืนขึ้นบนชั้นที่ 97 เขามองไปที่ทิศทางทวีปเทียนหยวนด้วยความสนใจและพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “มันเป็นพลังแห่งการมีอยู่ของพลังงานดั้งเดิม”
จักรพรรดิเสือแลงคีรอสหยุดทำสมาธิบนชั้นที่ 96 และยืนขึ้นทันที เขาตะโกนออกมา “พลังงานดั้งเดิม มันคือพลังงานดั้งเดิม พลังงานดั้งเดิมมีอยู่ที่ทวีปเทียนหยวนได้อย่างไร ? “
ท่าทางของมารราคะเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาจ้องไปที่เฮยยู่ด้วยความเหลือเชื่อและตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจ “นี่ก็พลังงานดั้งเดิมอีกแล้ว มันเป็นไปได้ยังไงกัน ? พวกเจ้าไปได้อาวุธที่มีพลังงานดั้งเดิมแบบนี้มาจากไหน ? อาวุธที่ทรงพลังแบบนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์”
รุยจินคำรามออกมาอย่างเคร่งเครียด “เซียนจักรพรรดิมนุษย์ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีความรู้พอที่จะรู้ถึงการมีอยู่ของพลังงานดั้งเดิมได้นะ เจ้าพูดถูก ในประวัติศาสตร์ อาวุธที่ทรงพลังแบบนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แต่มันก็ปรากฏขึ้นมาแล้วในตอนนี้ พวกเราทั้งสองมีพลังพอที่จะสู้เจ้าได้หรือยังในตอนนี้ ? “
มารราคะยากที่จะสงบอยู่ได้ “บอกข้ามา ว่าเจ้าได้อาวุธพวกนี้มาจากไหน ? เจ้ารู้จักที่ซึ่งมีพลังงานดั้งเดิมอยู่งั้นหรือ ? ” ความสิ้นหวังกระจายอยู่ในน้ำเสียงของมารราคะ นี่เป็นเพราะว่าพลังงานดั้งเดิมนั้นเป็นส่วนสำคัญในการที่จะพัฒนาการไปเป็นเซียนจักรพรรดิ พลังงานดั้งเดิมหายไปจากโลกนานแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีแค่ 4 คนเท่านั้นที่เหนือกว่าระดับเซียนจักรพรรดิขึ้นไป ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีจอมยุทธนับไม่ถ้วนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนจักรพรรดิที่สูญเสียความหวังในการพัฒนาการไป ทางเลือกเดียวของพวกเขาก็คือได้แต่มองดูช่วงชีวิตหมื่นปีของตัวเองหมดไปและกลายเป็นกองกระดูกไปอย่างช่วยไม่ได้
“เซียนจักรพรรดิมนุษย์ ทำไมพวกเราต้องบอกเจ้าเรื่องนี้ด้วย ? เจ้ากำลังจะสู้กับพวกเราหรือไม่ ? ” รุย
จินคำรามออกมา
มารราคะสูดลมหายใจเข้าไปลึกและสงบใจลงอย่างช้า ๆ เขามองไปที่รุยจินในขณะที่ตาของเขาเผาไหม้ไปด้วยความโลภ “ถ้าเจ้าบอกข้าว่าพลังงานดั้งเดิมอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ข้าจะช่วยเจ้าทำทุกอย่าง” เซียนราชาทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น
“เจ้าน่าจะเลิกคิดแบบนั้นนะ เซียนจักรพรรดิมนุษย์ พลังงานดั้งเดิมหายไปจากโลกนี้นานแล้ว พวกเราจะล้มเจ้าด้วยอาวุธที่อยู่ในมือของพวกเราตอนนี้” รุยจินพูดตรงตรง คำพูดของมารราคะยั่วยุเขาไม่ได้
มารราคะจ้องเขม็งไปที่พวกเขาทั้งสองในขณะที่สายตาของพวกเขาก็เป็นประกาย หลังจากนั้นซักพักเขาก็พูดออกมาอีกครั้ง “อาวุธนั่นทรงพลังมากจริง ๆ และมันยังมีพลังงานดั้งเดิมอีกด้วย แต่พวกเจ้าก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ทั้งหมดด้วยกำลังของพวกเจ้าในตอนนี้หรอก ถ้าพวกเจ้าคิดว่าจะใช้มันเพื่อต่อต้านข้าได้ เจ้าก็หวังลมลมแล้งแล้งไปแล้ว” หลังจากนั้น มารราคะก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศ
รุยจินและเฮยยู่ตามเขาไปอย่างใกล้ชิดไปในมิติภายนอก
โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดวางอยู่บนมือของเจี้ยนเฉินด้วยขนาดที่เท่ากำปั้น เขาก็พุ่งขึ้นใปบนอากาศในขณะที่เขาถือโถงศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือซ้ายและยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อยู่ในมือขวาของเขา
เซียนราชาจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบก็ตามไปหลังจากนั้น ไม่มีใครต้องการที่จะพลาดฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจเพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะรู้ว่าเซียนราชาขั้นสูงสุดจะสามารถเอาชนะมารราคะด้วยอาวุธที่ทรงพลังทั้งสองได้หรือไม่
เจียงหยาง ซู หยวนเซียวส่งลุงเจียงและคนอื่นกลับไปที่ตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์ก่อนที่จะตามพวกเขาไป
เจี้ยนเฉินบินสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่พื้นด้านล่างกลายเป็นเหมือนโลกใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบินขึ้นไปสูงขนาดนี้
ในขณะที่ระดับความสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อากาศก็เริ่มเบาบางขึ้นเรื่อย ๆ และเพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาขาดใจได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่มีผลกระทบกับเซียนราชาแม้แต่น้อย
เจี้ยนเฉินรู้สึกไร้น้ำหนักหลังจากที่ออกมาจากชั้นบรรยากาศของโลกแล้ว เขาสูญเสียความสามารถในการรับรู้ทิศทางในอวกาศด้านนอกที่เยือกเย็นนี้ มันยังยากที่จะแยกแยะบนล่างด้วย
เจี้ยนเฉินลอยอยู่ที่อวกาศในขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่รุยจินและเฮยยู่ เซียนราชาจากตระกูลอื่น ๆ ล้อมรอบเขาอยู่ พวกเขาทั้งหมดยึดที่ของตัวเองในขณะที่เขามองไปที่รุยจินและอีกทั้งสองคน
ทันใดนั้นเอง แสงสีขาวก็เปล่งออกมาจากอวกาศที่มืดมิด อาวุธของรุยจินและเฮยยู่ทั้งคู่เริ่มเปล่งแสงทรงพลังสีขาวออกมาและเปลี่ยนบริเวณนี้ให้เป็นโลกสีขาว พลังงานที่น่ากลัวเริ่มที่จะพุ่งพวยขึ้นมาและบิดเบี้ยวอวกาศรอบ ๆ พวกเขา
รุยจินและเฮยยู่โจมตีออกไปพร้อมกันที่มารราคะ ในขณะที่พวกเขาแทงออกไป มิติรอบ ๆ เขาก็ถูกพันธนาการอย่างรวดเร็วและขยายออกไปทางมารราคะ อาวุธทั้งสองเปล่งรัศมีไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว ทำให้เซียนราชาที่อยู่ที่นี่ยังยากที่จะหายใจ
มารราคะยังอยู่เหมือนปกติในขณะที่พลังงานที่น่ากลัวก็สั่นผ่านร่างกายของเขา มันหยุดมิติพันธนาการที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา จากนั้นเขาก็คว้าไปที่บริเวณที่ว่างด้านหน้าด้วยมือของเขา พลังงานที่มหาศาลควบแน่นอยู่ในมือของเขา พลังงานนั้นยิ่งใหญ่มากจนเกินขีดจำกัดของมิติทิ่อยู่ตรงนั้น ทำให้มิติพังทลายลง มันไม่สามารถทนได้ในขณะที่พลังงานอยู่ตรงนั้น
“ผู้คนมีอารมณ์ทั้งเจ็ดและปรารถนาทั้งหก และข้าใช้มันเป็นเส้นทางของข้าในการสร้างฝ่ามือแห่งอารมณ์และปรารถนาขึ้นมา มีทั้งหมด 16 กระบวนท่าทั้งหมด แบ่งเป็นกระบวนท่าอารมณ์ทั้งเจ็ด และกระบวนท่าปรารถนาทั้งหก การรวมกันระหว่างอารมณ์ทั้งเจ็ดจะทำให้เกิดฝ่ามือแห่งความแตกแยก ในขณะที่การรวมกันระหว่างปรารถนาทั้งหกจะทำให้เกิดฝ่ามือไร้ปรารถนาขึ้นมา กระบวนท่าสุดท้ายเป็นการรวมทั้งหมดของเจ็ดอารมณ์และหกปรารถนา ฝ่ามือแห่งความปรารถนาและอารมณ์” มารราคะพึมพำ หลังจากนั้น เขาก็ดันมือของเขาออกไปช้า ๆ และพูดออกมา “นี่คือการโจมตีฝ่ามือแรก ฝ่ามือแห่งความโลภ ! “
พลังงานที่น่ากลัวพุ่งไปที่รุยจินและเฮยยู่ ก่อนที่จะโจมตีไปที่อาวุธของพวกเขาทั้งสองในตอนท้าย การระเบิดเกิดขึ้นทันที
การโจมตีด้วยฝ่ามือของมารราคะนั้นไม่ใช้พลังงานในการโจมตีล้วน ๆ เจตจำนงที่มองไม่เห็นได้โจมตีเข้าไปที่วิญญาณของรุยจินและเฮยยู่หลังจากการระเบิด เป็นผลทำให้ท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที สายตาที่เห็นชัดของพวกเขาเปลี่ยนเป็นหมองมัว
ฝ่ามือโจมตีของมารราคะไปจุดประกายความโลภจากก้นบึ้งของหัวใจของพวกเขา และกระจายเข้าไปสู่ระดับจิตใจของพวกเขา