ในตอนที่ทุกคนเห็นว่าในการปะทะกันของคลื่นพลังนั้นจางหยูไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับซุนเมิ่ง แต่ไม่มีใครเห็นเลยว่าอันที่จริงแล้วซุนเมิ่งน่ะมีคลื่นพลังที่ด้อยกว่า
นางคือหงอีรึ ?” ซุนเมิ่งรู้สึกได้ถึงการมาถึงของคนอื่นๆแต่สายตาของนางสนใจแค่เพียงหงอี
ใบหน้าที่ไร้จุดบกพร่องราวกับเทพธิดา มันเกินกว่าความงดงามใดๆในโลก มันยากที่จะอธิบายความงดงามนี้ได้
นางราวกับภาพวาดที่งดงามที่สุด ในทางกลับกันแล้วซุนเมิ่ง แม้ว่าจะมีหน้าตาที่ดูดี แต่ก็ด้อยกว่าหงอีอย่างมาก
บางทีสิ่งเดียวที่นางเอาชนะได้คือระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า พลังอันบริสุทธิ์และความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าหงอีอย่างมาก
หากเป็นความชื่นชอบของผู้ชายแล้ว ไม่ต้องเดาเลยว่าหงอีน่ะเหนือกว่าซุนเมิ่งมีผู้ควบคุมขั้น 9 จำนวนมากที่หลงรักหงอี และมีน้อยคนนักที่จะต้านทานเสน่ห์ของหงอีได้ มีกี่คนกันที่คลั่งใคล้หงอี? ตวนมู่หลินและอัลเวอร์เป็นแค่สองคนในหมู่ผู้ชายมากมายที่หลงหงอีหัวปรักหัวปรำ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงความคลั่งที่มีออกมา แต่ในใจของเขาก็มีแต่หงอี
แค่ความสวยเพียงอย่างเดียว หงอีก็เหนือกว่าทุกคนในโกลาหล
โชคดีที่นางไม่ใช่คนชั่วร้าย ไม่งั้นแล้วนางอาจจะทำหลายอย่างที่ผู้ควบคุมมากมายคาดไม่ถึงด้วยความงดงามที่นางมี
ตราบใดที่นางเอ่ยปาก เดาว่าคงมีหลายคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อนางและกลายเป็นคนรับใช้ให้กับนาง
หงอีนั้นบริสุทธิ์ นางไม่เคยใช้ความสวยกับอะไรเลย เป้าหมายของนางนั้นเรียบง่ายนั่นก็คือการหาบุรุษที่แข็งแกร่ง และจางหยูก็คือคนที่ผ่านเกณฑ์ที่นางตั้งเอาไว้ นางมองมาที่ข้ารึ ?” แม้ว่าซุนเมิ่งจะมองหงอีแค่เพียงชั่วครู่ แต่สัญชาตญาณผู้หญิงก็บอกว่าซุนเมิ่งมองมาที่นางอยู่
หงอีนั้นมั่นใจในความสวยของตัวเองว่าไม่มีใครเอาชนะนางได้ แม้ว่าจางหยูจะมีความแข็งแกร่งที่ซังหนานเทียนไม่อาจจะเทียบได้ และเป็นถึงราชาแห่งยุค แต่นางก็มั่นใจว่าตราบใดที่นางมีเวลามากพอ นางก็เชื่อว่านางจะคว้าหัวใจของจางหยูมาครองได้
แต่…
การปรากฏตัวของซุนเมิ่งก็ทำให้รับรู้ได้ถึงวิกฤต!
นางเพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่แข็งแกร่งแบบนี้เป็นครั้งแรก !
แม้ว่าหน้าตาของซุนเมิ่งจะไม่ได้งดงามเท่ากับนาง แต่ก็ยากจะละสายตาได้ นางมีเสน่ห์พิเศษ ที่สำคัญที่สุดคือซุนเมิ่งนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แกร่งเพียงพอที่จะสู้กับจางหยูได้ นี่คือเรื่องที่หงอีไม่อาจจะเทียบได้ ผู้หญิงคนนี้ก็ชอบจางหยูเช่นกัน หงอีคิดแต่ไม่มีเหตุผลมารับรอง
สัญชาตญาณบอกเรื่องนี้กับนาง นางรู้สึกว่าการคว้าหัวใจจางหยูมาครองคงยากขึ้นกว่าเก่า
เจ้าอย่าวอกแวกขณะที่ต่อสู้สิ จางหยูรู้สึกได้ว่าซุนเมิ่งกำลังเหม่อ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเพิ่มพลังขึ้นมาจนทำให้พายุของเขาผลักพายุของซุนเมิ่งกลับไป นี่ถือว่าเป็นการเคารพคู่ต่อสู้ Aileen-novel
ซุนเมิ่งรีบรวบรวมสติและทำการต้านทานเอาไว้
ในสายตาของนางแล้วจางหยูคือตัวตนที่เหนือกว่านาง เขาแข็งแกร่งได้มากกว่านี้
แม้ว่าจางหยูจะเพิ่มพลังขึ้นมาแต่นางก็ยังเชื่อว่าจางหยูยังยั้งมือเอาไว้อยู่
แม้ว่าความช่องว่างระหว่างข้ากับอาจารย์นั้นจะมาก แต่มันเป็นเกียรติของข้าที่ถูกอาจารย์เลือกให้เป็นคู่ซ้อม ซุนเมิ่งยิ้มออกมาและพูดขึ้น ตอนนี้ข้าอยากให้อาจารย์ได้เห็นผลลัพธ์ในการฝึกฝนของศิษย์ ข้าหวังว่าอาจารย์จะไม่ผิดหวัง !
ทันทีที่พูดจบ แส้ในมือก็ถูกฟาดออกไปพร้อมพลังสร้างอันน่าตกใจที่พุ่งเข้าใส่ จางหยูนี่คือพลังสร้างที่บริสุทธิ์อย่างมาก มันไม่ได้มีพลังพิเศษอันใดแต่มันราวกับการหลอมรวมการสร้างทุกอย่างเอาไว้ พลังทำลายล้างของมันแม้แต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ที่รับรู้ถึงมันได้ก็พากันตัวสั่น
การโจมตีง่ายๆไม่ได้ใช้ทักษะอะไรแต่กลับแสดงพลังอันน่ากลัวขนาดนี้ออกมาได้ !
จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา เขามองไปที่ซุนเมิ่งการโจมตีของราชาแห่งยุคนั้นใครจะกล้ามองข้าม ไม่งั้นแล้วต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างแน่นอน
เขาสร้างโล่พลังขึ้นมาก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ต่อมาตอนที่เขาเปิดปากพูดก็มีพลังสร้างอันน่ากลัวพุ่งออกมาจากปาก ราวกับคลื่นน้ำก่อนจะเข้าปะทะกับการโจมตีของซุนเมิ่ง
ตูม !
พื้นที่โดยรอบสั่นไหวและบิดเบี้ยวขึ้นมา
พายุพลังงานก่อตัวขึ้นและพัดกวาดออกไปรอบๆ ทุกที่ที่มันผ่านไปนั้นจะกลายเป็นความว่างเปล่าก่อนที่พลังของมันจะลดลงไปเรื่อยๆ
ไม่กี่อึดใจพายุก็กวาดไปทั่วเขตย่อยหลายสิบเขต พลังอันน่ากลัวนี้ทำให้หลายล้านล้านชีวิตต้องพากันใจสั่น
ผู้ควบคุมขั้น 9 หลายคนพากันหนีกลับเข้าไปในโลกเพื่อจะหนีจากพายุนี้ แม้แต่พวกระดับร้อยเท่าก็ยังต้องขนลุก พวกเขากัดฟันแน่นพยายามต้านทานเอาไว้ แต่สุดท้ายร่างกายของพวกเขาก็ถูกทำลาย จิตพวกเขาได้รับผลกระทบไปด้วย แม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็บาดเจ็บหนัก ในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย
มีแค่พวกระดับพันเท่าที่ยังพอรับมือกับพายุนี้ได้โดยไม่เป็นอะไร
เจ้าตัวน้อย ขอบคุณ” หงอีหน้าซีดและทำการขอบคุณเสี่ยวเสีย
เสี่ยวเสียพูดขึ้นมา เจ้าตัวน้อยอะไรกัน ? จำเอาไว้ เจ้าต้องเรียกข้าว่าเสี่ยวเสีย ! ข้าน่ะคือจิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโกลาหล ข้าคือจ้าวแห่งจิต ข้าคือท่านเสี่ยวเสียผู้ยิ่งใหญ่ !
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์กรอกตาใส่ อย่าได้ใจไป คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่เจ้า !
ใครกัน ?” เสี่ยวเสียเหมือนจะไม่พอใจ
รึจะให้ข้าบอกสิ่งที่เจ้าพูดตะกี้กับนายท่านและให้นายท่านตัดสินกัน? เสี่ยวหลิงเอ๋อร์แสดงสายตาเจ้าเล่ห์ออกมา
อย่า..” เสี่ยวเสียสลดไปทันที เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ทำไมต้องถึงหูนายท่านด้วย ?”
หงอีไม่ได้สนใจทั้งสอง สายตาของนางยังจับจ้องไปที่ซุนเมิ่ง นางรู้สึกกดดันอย่างมาก นางรู้สึกได้ถึงวิกฤต นางกับ จางหยูขึ้นไประดับหมื่นเท่าแล้วรึ ? ราชาแห่งยุค คนที่ยิ่งใหญ่พอๆกับราชาตะวันออก
หากซุนเมิ่งเป็นราชาแห่งยุคจริงๆ แล้วหงอีจะไปสู้อะไรได้ ?
ในด้านพลังเพียงอย่างเดียว จางหยูและซุนเมิ่งนั้นเหมือนจะเหมาะสมกันมากกว่า
หงอีสายตาหม่นลง ในใจนางรู้สึกหดหู่ แต่ไม่นานนางก็เหมือนกับคิดบางอย่างออกและถามขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องยังไงกับนายของเจ้า ? ข้าได้ยินนางเรียกเขาว่าอาจารย์ นางเป็นศิษย์ของเขารึ ?”
หากซุนเมิ่งและจางหยูเป็นศิษย์อาจารย์กัน งั้นหงอีก็พอโล่งอกได้บ้าง
แม้ว่าซุนเมิ่งจะแข็งแกร่งแต่ในฐานะศิษย์แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนรักของอาจารย์
ศิษย์รึ ?” เสี่ยวเสียส่ายหน้า นางไม่ใช่ศิษย์ของนายท่าน ร่างแยกของนางเป็นศิษย์ของนายท่านแต่นางไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับนายท่าน พูดไปแล้ว เสี่ยวเสียก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมา พูดไปแล้วก็ค่อนข้างแปลก ข้าจำได้ว่าความแข็งแกร่งของลั้วตี้นั้นทัดเทียมกับเย่ฟานและคนอื่นๆ อย่างมากก็แกร่งกว่าแค่เล็กน้อย แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกัน นางแกร่งจนน่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง ?”
ลั้วตี้กลายมาเป็นคนของวิหารอวี๋ฮุ่นได้ยังไง ?” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์เองก็แสดงท่าทีสับสนออกมา นางใช่พี่ของซุนวูจริงๆรึ ?”
หงอีไม่ได้สนใจความสงสัยของทั้งคู่ นางรู้แค่ว่าโชคของนางหมดแล้ว ซุนเมิ่งไม่ใช่ศิษย์ของจางหยู แม้ว่าจะเรียกจางหยูว่าอาจารย์ แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้น ความสัมพันธ์นี้มันซับซ้อนและเข้าใจยาก
นี่ข้าต้องแข่งกับคนระดับหมื่นเท่ารึ ?” ในใจของหงอีเกิดความขมขื่นขึ้นมา นางกดดันไม่ใช่น้อย
หงอีที่มั่นใจในตัวเองมาโดยตลอดกลับรู้สึกด้อยกว่าเป็นครั้งแรก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าความสวยนั้นไม่ได้เหนือกว่าทุกอย่างเหมือนในอดีต