บทที่ 610 พี่น้องตระกูลฟาง
หลังจากที่ออกจากตําหนักโอสถแล้ว ซูหยางก็กลับไปที่ศาลาหยินหยาง และได้ผ่านพื้นที่ฝึกระหว่างทางกลับ
มีศิษย์ไม่ต่ำกว่าสิบคนจากสาขาการต่อสู้ที่กําลังฝึกฝนตัวเองอยู่ในพื้นที่ฝึกในตอนนี้ และที่ขอบสนามของพื้นที่ก็มีสาวสวยเยาว์วัยที่กําลังฝึกฝนตัวเองอยู่อย่างเงียบๆ
“ย่าาาาห์”
ฟางเซี่ยวหรูต่อยไปยังอากาศเบื้องหน้าของเธอ สร้างคลื่นกระแทกที่ทําให้อากาศสั่นสะเทือน แต่อย่างไรก็ตามเพราะว่ามันเป็นคลื่นกระแทกที่รุนแรง มันจึงทําให้ศิษย์คนอื่นในพื้นที่ฝึกนั้นเสียสมาธิแม้ว่าจะอยู่อีกฟากหนึ่งของสนามก็ตาม
“ศิษย์พี่หญิงฟางนั้นเป็นอีกระดับหนึ่งเลยจริงๆ” ศิษย์คนหนึ่งที่นั่นถอนใจ
“เจ้าจะคาดหวังอะไรจากคนที่อยู่ในหนึ่งของสี่ตระกูลใหญ่”
“มันทําให้เสียสมาธิจริงๆถ้ามีเธออยู่ที่นี่ ข้ามิอาจจะฝึกได้เลยเมื่อมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกสามวินาที..”
“แต่นั่นใช่ว่าเราจะสามารถบอกเธอให้หยุดฝึกได้…”
สองสามอึดใจให้หลัง พวกเขาก็สังเกตเห็นร่างของซูหยางตรงเข้ามาหาพวกเขาจากระยะห่าง
“ศิษย์คารวะท่านผู้นํานิกาย” บรรดาศิษย์ที่นั่นต่างพากันหยุดการฝึกเพื่อจะไปทักทายเขา
“มิต้องสนใจข้า ฝึกของเจ้าต่อไป” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา
“ขอรับ ท่านผู้นํานิกาย”
จากนั้นเหล่าศิษย์ก็พากันฝึกของตนเองต่อไป แต่สายตาของพวกเขายังคงจับจ้องไปที่ร่างของซูหยาง ราวกับว่าพวกเขานั้นอยากรู้ถึงเจตนาที่เขามาที่นี่
“ซูหยาง” ฟางซีหลานก็หยุดฝึกเช่นเดียวกันหลังจากที่เห็นร่างเขาตรงเข้ามา
“ข้าเห็นว่าเจ้านั้นมีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ข้าให้วิชาครบส่วนแก่เจ้า” เขากล่าวกับเธอพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่ ข้าได้ฝึกฝนโดยมิหยุดยั้งด้วยวิชานี้นับตั้งแต่นั้น” เธอพยักหน้าด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ให้ข้าดูซิว่าเจ้าได้พัฒนาไปจริงมากน้อยเท่าไหร่แล้ว ต่อยข้าด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามาเหมือนกับครั้งก่อนนั้น” เขาพลันกล่าวกับเธอ
ฟางเซี่ยวหรูพยักหน้าและหันหน้าไปหาเขาด้วยท่าทางจริงจัง
“ฮ่าาาาห์”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ฟางเซี่ยวหรูก็ยื่นฝ่ามือเข้าหาซูหยางพร้อมกับความแข็งแกร่งทั้งมวลที่เธอมีในนั้น
บูม
ซูหยางยกแขนของเขาขึ้นมากัน แต่ไม่เหมือนครั้งก่อนหน้านั้น ฟางเซี่ยวหรูได้ทําการผลักเขากลับหลังไปเล็กน้อยด้วยวิชานี้
“ไม่เลว” เขาพยักหน้าหลังจากนั้น รู้สึกค่อนข้างชาที่มือเล็กน้อย
“มิว่าอย่างไร ถ้าเจ้าต้องการคําแนะนําอะไร เจ้ารู้ว่าจะหาข้าได้ที่ไหน และให้ข้าสร้างค่ายกลให้เจ้าที่นี่เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ทําให้ศิษย์คนอื่นเสียสมาธิ” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะสร้างค่ายกลขนาดใหญ่ข้างตัวเธอ
“ค่ายกลนี้จักดูดซับพลังหมัดทั้งหมดของเจ้า วิธีนี้เจ้าสามารถที่จะใช้แรงของเจ้าทั้งหมดได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนคนอื่น”
“ขอบคุณซูหยาง” เธอรีบคํานับเขา
“อย่างไรก็ตาม เจ้าสามารถที่จะฝึกฝนต่อไปได้แล้วตอนนี้”
“ด-เดี๋ยวก่อน” เธอพลันหยุดเขาไว้
“เจ้าต้องการอะไรอีก”
“อือ…” ฟางเชี่ยวหรูแสดงท่าทางเอียงอายออกมาก่อนที่จะพูดด้วยเสียงเบาหวิว “ท่านคิดว่าข้าสามารถที่จะร่วมฝึกกับท่านได้อีกหรือไม่”
ซูหยางพลันยิ้มออกมาและกล่าวว่า “แน่นอน เจ้าต้องการทําเช่นนี้เมื่อไหร่”
“ท่านว่างหรือเปล่าในตอนนี้” เธอถามเขา
“แน่นอน” เขาพยักหน้า
“เช่นนั้นเราไปที่ที่พักข้ากันเถอะ…”
ฟางเชี่ยวหรูกล่าวขณะที่เธอเริ่มเดินออกไป
ในเวลาหลังจากนั้น เมื่อพวกเขาไปถึงบ้านของฟางเซี่ยวหรู เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาไม่ห่างออกไปนัก
“เซี่ยวหรูกับซูหยางนั่น” ฟางซีหลาน ซึ่งเพิ่งกลับมาจากการพาเชี่ยวไปไปเดินเล่น ได้เรียกพวกเขาไว้หลังจากที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน
“พี่สาว…” ฟางเซี่ยวหรูใบหน้าแดงขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย
“ไม่เจอกันพักใหญ่แล้วนะเชี่ยวไป” ซูหยางกล่าวหลังจากที่เห็นลูกบอลขนขนาดมหึมายืนอยู่ข้างกายฟางซีหลาน
“กรรรรรร”
เซี่ยวไปส่งเสียงคํารามเบาๆก่อนที่จะวิ่งตรงไปหาซูหยางและละเลงใบหน้าของเขาด้วยน้ําลาย
“พวกท่านสองคนมาทําอะไรด้วยกัน” ฟางชีหลานตรงเข้าไปหาพวกเขาและถาม
“เอ้อ…” ฟางเชี่ยวหรูพลันหน้าแดงกับคําถามของเธอ
แต่ทว่าซูหยางตอบกลับด้วยเสียงเรียบนิ่ง “พวกเรากําลังจะไปฝึก”
“โอ…” ฟางซีหลานอุทานออกมาด้วยใบหน้างงงันเล็กน้อย
“เจ้าต้องการที่จะไปร่วมฝึกกับพวกเราไหม” ซูหยางพลันถามเธอด้วยเสียงหยอกเย้า สร้างความตะลึงงันให้กับสองพี่น้อง
“อือ…” ฟางชีหลานหันไปมองดูน้องสาวของตนเอง ในเมื่อเธอไม่ต้องการที่จะรุกล้ําเวลาที่คนอื่นจะได้อยู่ด้วยกัน
“ข้าเพียงแค่ล้อเล่น ถ้าเจ้าต้องการที่จะฝึกกับข้า ข้าสามารถที่จะทําเช่นนั้นหลังจากนี้” ซูหยา งกล่าวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฟางเซี่ยวหรูก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นต่อจากนั้น “ข้ามิมีปัญหา…”
“เอ๋” ฟางชีหลานมองไปยังอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ข้าพูดว่าข้ามิมีปัญหาหากว่าท่านมาร่วมกับพวกเรา พี่สาว…” เธอรีบพูดทวน
“จ-เจ้ามั่นใจรึ…” ฟางซีหลานถามเธอด้วยคิ้วที่ขมวดด้วยความเป็นกังวล แม้ว่าเธอจะไม่ถือในการแบ่งปันซูหยางระหว่างการฝึกเนื่องจากเธอได้เคยทําเช่นนั้นมาก่อนแล้ว แต่ว่าคนที่เธอจะแบ่งปันในครั้งนี้นั้นเป็นน้องสาวของเธอเอง
“ท่านมีปัญหาหรือไม่ ซูหยาง” ฟางเชี่ยวหรูถามเขา
“ทําไมข้าต้องถือ แม้ว่าตอนแรกข้าจะพูดเล่น แต่ข้าก็เป็นคนที่ออกความเห็นนะ” เขากล่าว
“ท่านได้ยินเขาพูดไหม พี่สาวข้าก็มิมีปัญหาเช่นกัน” ฟางเซี่ยวหรูกล่าวกับเธอหลังจากนั้น
ฟางชีหลานพยักหน้าจากนั้นเธอก็พูดว่า “ให้ข้าเอาเซี่ยวไปกลับบ้านไปก่อน พวกท่านสามารถที่จะเริ่มต้นได้โดยปราศจากข้า”
เวลาหลังจากนั้น ฟางซีหลานก็กลับคืนมาที่บ้านของฟางเซี่ยวหรู และเมื่อยามที่เธอมาถึงแล้วนั้น ฟางเชี่ยวหรูก็ได้อบอุ่นร่างกายกับซูหยางเรียบร้อยแล้ว
“ในที่สุดท่านก็มา พี่สาว” ฟางเซี่ยวหรูกล่าวกับเธอด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกระสันบนใบหน้าสวยนั้น ขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับร่างเปลือยที่กําลังสั่นกระตุก ทั้งยังมีปราณหยินของเธออีกเล็กน้อยที่เห็นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากส่วนล่างของเธอ
“…” ฟางซีหลานพูดไม่ออกหลังจากที่เห็นท่าทางหยาบโลนของฟางเชี่ยวหรูเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ
สองสามอึดใจให้หลัง ครั้นเมื่อฟางซีหลานสะดุ้งตื่นจากความงงงวยของเธอแล้ว เธอก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าและขึ้นไปบนเตียงกับซูหยางและฟางเซี่ยวหรู
“พวกเรามาช่วยกันทําให้ร่างของเจ้าพร้อมเช่นกันเถอะ” ซูหยางกล่าวกับเธอพร้อ มกับรอยยิ้มบนใบหน้า
ฟางซีหลานพยักหน้า จากนั้นเธอก็ตรงเข้าไปหาเขาในเวลาหลังจากนั้นก่อนที่จะประเคนจูบอันน่าหลงไหลไปที่ริมฝีปากของเขา
Related