บทที่ 149 ชีวิตคือการละคร เล่นใหญ่จัดเต็ม
ที่ข้างๆเจียงฮ่าวในตอนนี้ หญิงสาวที่เป็นโจรลักพาตัวได้มีท่าที่เป็นกังวลและเริ่มจับตัวของเธอไปมาอย่างที่ตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นว่าทหารเริ่มทําการตรวจสอบ
เป็นตอนนี้เองที่ซุนจี้เห็นว่าเป็นโอกาส เขาได้เดินมาเข้าหาโจรลักพาตัวสาวในทันทีชนิดที่เธอตั้งตัวไม่ทัน และนั่นทําให้เขาอุ้มเด็กสาวที่กําลังนั่งอยู่บนตักหญิงสาวได้อย่างไม่ยากเย็น
โจรลักพาตัวสาวที่พึ่งจะรู้สึกตัวว่าที่ขาของเธอนั้นเบากว่าเดิม และเป็นตอนนี้ที่คนกลุ่มหนึ่งได้รีบเขามามาอย่างร้อนลนราวกับจะมาดึงเด็กกลับมาจากทหารคืนให้แม่เด็ก และเป็นตอนนั้นที่ทุกคนต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินคําพูดประโยคหนึ่งที่ทหารพูดออกมา
“เฮ้ เสี่ยวเป่ย ทําไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ โจรลักพาตัวสาวก็ได้มีร่างกายที่สั่นด้วยความตื่นตระหนกอย่างหนัก ใบหน้าของเธอขาวซีด
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา เธอก็ได้เห็นซุนจ์ที่กําลังสวมกอดเด็กน้อยด้วยใบหน้ามีความสุข ที่สําคัญคือเด็กน้อยนั้นไม่ได้มีท่าทีร้องไห้ออกมาสักกระแอะ
โจรลักพาตัวสาวในตอนนี้มีท่าทีแข็งค้างในทันที เธอรีบก้มหน้าของเธออีกครั้งในทันใด
เป็นตอนนี้ที่ซุนจได้มองไปยังหญิงสาวลักพาตัว น้ําเสียงของเขาแสดงออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เฮ้ คุณเป็นใครกัน ทําไมถึงพาเงี่ยน้อยออกมาแบบนี้”
หญิงสาวได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยฝืนยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ถึงแม้เธอจะกลัวมากแต่เธอก็ต้องรอดไปให้ได้
“ฉัน…ฉันเป็นพี่เลี้ยงให้เป่ยน้อยค่ะ”
“พี่เลี้ยง”
แต่ฉันไม่เคยได้ยินมาว่าพี่สาวของฉันมีพี่เลี้ยงเด็กมาก่อน
เป็นตอนนี้เองที่ซุนเหยาเตียนมีปฏิภานไหวพริบดีพอ เขาก็ได้สวมบทบาทในทันที เขาแสดงความเห็นออกมาราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
เจียงฮ่าวถึงกับต้องประทับใจในการแสดงละครขึ้นเทพที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เมื่อโจรลักพาตัวสาวได้ยินก็ถึงก็นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เธอรีบตอบออกมาได้ทันควัน
“อ๋อ พอดีฉันพึ่งจะเริ่มงานได้ไม่กี่วันนี้เอง”
“โอ”
ซุนจี้ทําทีเป็นเข้าใจในเรื่องนี้
“งั้น…ผมขอดูบัตรได้รึเปล่า”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอควานหาทั่วร่างไปอยู่นอน โจรลักพาตัวสาวก็หาบัตรประชาชนไม่เจออยู่ดี
“ต้อง..ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ฉันน่าจะลืมนําติดมาด้วยตอนออกมา”
โจรลักพาตัวสาวได้ยิ้มออกมาพลางขอโทษ
แต่เมื่อซุนจี้ได้ยินกลับขมวดคิ้วเข้ม
“ฮื้ม”
“คุณเป็นพี่เลี้ยงของเป่ยน้อยจริงๆรึเปล่า”
โจรลักพาตัวได้แข็งค้างไปในทันที เป็นตอนนี้ที่ซุนจี้ได้ชี้ไปที่โจรลักพาตัวสาวและถามไปยังยี่เสี่ยเปี่ยที่กําลังอยู่ในมือของเขา
“เปียน้อย หนูรู้จักเธอรึเปล่า”
เป็นตอนนี้ที่โจรลักพาตัวสาวกลัวจนรนลาน เธอไม่รอคอยให้เด็กน้อยตอบออกมาแต่อย่างใด เธอได้อาศัยจังหวะนี้ผลักซุนจี้และวิ่งไปยังหลังรถเพื่อออกประตูหลังในทันที
อย่างไรก็ตาม เธอไม่คิดว่าที่ด้านนอกของประตูหลังจะมีทหารมารอเธออยู่นานแล้ว
ในทันทีที่เธอพุ่งออกไปจากประตู ทหารคนหนึ่งก็ได้คว้าแขนของเธอไว้และกดเธอลงบนพื้นในทันที
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของโจรลักพาตัวสาวและเสียงควบคุมตัวของทหารที่อยู่ด้านนอก
“อ้า….”
“อยู่นิ่งๆ”
เป็นตอนนี้ที่ซุนจี้มั่นใจได้แน่นอนแล้วว่าหญิงสาวคนนี้คือโจรลักพาตัว
เป็นตอนนี้อีกเช่นเดียวกันที่เขานึกไปถึงเสียงที่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้
เมื่อทุกอย่างจบลงภายในไม่กี่วินาที ทุกคนในที่สุดก็เริ่มหลุดออกจากความตกใจ ใบหน้าของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ไม่จริงน่า นี่ พึ่งจะเกิดห่าเหวอะไรกันขึ้นเนี่ย”
“เกิดอะไรขึ้นกัน”
“…….”
ทั่วทั้งรถในตอนนี้เริ่มเกิดความสับสนอลม่าน
นี่จึงทําให้ซุนจี้ตัดสินใจที่จะอธิบายสถานการณ์ออกมา
“ทุกคน ขอให้อยู่ในความสงบ”
“พวกเรานั้นได้รับรายงานมาว่ามีโจรลักพาตัวขึ้นมาบนรถคันนี้ นี่ทําให้พวกเราต้องรีบทําการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน”
“และผลก็คือพวกเราสามารถจับตัวเอาไว้ได้แล้วในตอนนี้”
“ทางผมต้องขอโทษจริงๆที่ต้องรบกวนเวลาอันมีค่าของทุกคนครับ”
หลังจากที่ซุนจี้ได้อธิบายเรื่องทุกอย่างไป ก็ได้บังเกิดท่าทางตื่นเต้นขึ้นมา
“ไอ้ฉิบ… โจรลักพาตัวเหรอ”
“เลวระย่าจริงๆ นี่ฉันมองยังไงก็มองไม่ออกนะเนี่ย”
“…..”
หลังจากพูดจบ ก็ได้บังเกิดเสียงโทรออกขึ้นมาในรถในทันที
เมื่อเจียงฮ่าวได้เห็นฉากนี้ก็ทําเพียงยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายใจ
และนี่ก็ทําให้ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของฮีโร่เหล่านี้ยังคงมีฮีโร่อีกคนหนึ่งที่ไม่คิดจะออกหน้า