จางหยูไม่ได้พูดคุยเรื่องบรรพชนกระดูกกับซุนเมิ่งต่อ
เนื่องจากความเข้าใจของซุนเมิ่งที่มีต่อบรรพชนกระดูกค่อนข้างน้อย อีกอย่างเขาคือ 1 ใน 9 ผู้ก่อตั้งวิหารอวี๋ฮุ่น ซุนเมิ่ง คือคนของวิหาร เรื่องบางเรื่องนางก็เลือกที่จะเข้าข้างวิหาร
จางหยูได้เอาพาหนะมิติออกมาและมุ่งหน้าไปที่โลกอวี๋ฮุ่น
แล้วอาจารย์จะกลับไปที่โกลาหลนภาตอนไหน ? ซุนเมิ่งถามขึ้นมา
จางหยูพูดขึ้น ข้ายังไม่แน่ใจ แต่คงไม่นานนัก
งั้นบัตรหยกนี่ท่านเก็บมันไว้ก่อน ซุนเมิ่งได้เอาบัตรหยกของนางส่งให้กับจางหยู
แล้วเจ้าล่ะ ?
ในวิหารไม่ขัดสนบัตรหยกเลย ซุนเมิ่งยิ้มออกมา บัตรหยกนี่เป็นของท่าน
จางหยูไม่เกรงใจและรับมันไว้
แต่หลังจากที่รับบัตรหยกมา จางหยูก็ถามขึ้น ใครเป็นคนสร้างบัตรหยกนี่ขึ้นมา ?
ซุนเมิ่งตอบกลับ บรรพชนกระดูก
แน่นอนว่าต้องเป็นเขา จางหยูไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
มีปัญหาอะไรรึ ? ซุนเมิ่งถามขึ้นมา
มีใครอีกที่สร้างมันขึ้นมาได้นอกจากเขา ? จางหยูถามขึ้น
ซุนเมิ่งส่ายหน้า ไม่มีใครทำได้ แม้แต่ปู่ของข้าก็ไม่อาจจะทำได้
ทำไมกัน ?
บางทีอาจจะเพราะความแข็งแกร่ง ซุนเมิ่งไม่มั่นใจ ยังไงซะ บรรพชนกระดูกก็แข็งแกร่งกว่าเรามาก
บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้น จางหยูไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้
สิ่งที่เรียกว่าบัตรหยกนี้อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างจากตราสำนักที่จางหยูสร้างขึ้นมาให้ศิษย์และอาจารย์มากนัก ทั้งสองมีการทำงานที่เหมือนกัน
จางหยูสามารถสร้างตราขึ้นมาได้เพราะเขาเป็นผู้สร้างโลกตันเถียน ด้วยสิทธิ์ในโลกตันเถียนก็ทำให้เขาสร้างรูหนอนขึ้นมาในตราได้
กุญแจของสุสานสวรรค์เองก็เช่นกัน มันผูกมัดกับสุสานเอาไว้
โกลาหลนภาถูกสร้างขึ้นโดยราชาหลายคน แต่มีแค่บรรพชนกระดูกเท่านั้นที่สามารถสร้างบัตรหยกขึ้นมาได้ จางหยูเผยรอยยิ้มออกมา น่าสนใจดี
ราชาคนอื่นแข็งแกร่งไม่เพียงพอจริงๆรึ ?
ตอนที่จางหยูสร้างตราขึ้นมา ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้สูงเลย
เรื่องนี้อาจจะหลอกซุนซิงและคนอื่นๆได้แต่แน่นอนว่าไม่อาจจะหลอกจางหยูได้
ไม่ว่าการสร้างบัตรหยกขึ้นมานี้จะเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งรึไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัดสินได้คือ….ความเป็นเจ้าของของมัน !
ข้ามีสิทธิ์สูงสุดในโลกตันเถียน ดังนั้นจึงสร้างตรานี้ขึ้นมาได้ จางหยูรู้เรื่องนี้ดี ที่คนอื่นๆไม่อาจจะสร้างบัตรหยกขึ้นมาได้ ไม่ต้องเดาเลยว่า…เป็นเพราะเขามีสิทธิ์สูงสุดในโกลาหลนภา !
เห็นได้ชัดว่าทุกคนร่วมมือกันสร้างโกลาหลนภาขึ้นมา แต่กลายเป็นว่าบรรพชนกระดูกกลับมีสิทธิ์สูงสุดแค่คนเดียว นี่หมายความว่ายังไง?
ไม่ว่าเขาจะมีจิตใจชั่วร้ายหรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่มันก็ต้องมีอะไรผิดปกติกับชายแก่ผู้นี้ จางหยูตัดสินใจ
แน่นอนว่าจนกว่าจะรู้ความจริง จางหยูก็ไม่มั่นใจว่าราชาคนอื่นๆมีความลับอะไรอีกรึไม่ เขาได้แต่ยืนยันว่ามีความลับที่ทุกคนปกปิดเอาไว้
ไม่ว่าพวกนั้นจะโกหกหรือจงใจปกปิดหรือไม่นั้นก็ต้องค่อยๆตรวจสอบ
ยังไงซะ จางหยูก็รู้เกี่ยวกับวิหารอวี๋ฮุ่นไม่มากนักรวมถึงราชาคนอื่นๆด้วย
หากเขามีข้อมูลเพียงพอ เขาอาจจะเดาความจริงออก
จริงสิ ก่อนหน้านี้จากที่เจ้าบอกมา ทักษะระดับสูงนั้นมีแค่เจ้า, ปู่เจ้าและบรรพชนกระดูกเท่านั้นที่ได้มันมา แล้วคนอื่นๆล่ะ ? พวกเขาไม่เคยเข้าไปในสุสานสวรรค์มาก่อนรึ ? จางหยูถามขึ้นมา
ตอนนั้นจางหยูรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่รับไป่หลิงเป็นศิษย์ ไม่งั้นแล้วข้อมูลนี้เขาอาจจะต้องลำบากก่อนถึงจะได้รู้
ตอนนี้หากเขาอยากรู้อะไรก็แค่ถามจากซุนเมิ่ง
มีคนจำนวนมากที่เข้าไปในสุสานแม้แต่ในหมู่ราชาก็มีหลายคน ซุนเมิ่งเงียบไปสักพักแล้วถอนหายใจออกมาหรือ น่าเสียดายที่คนส่วนมากที่เข้าไปนั้น หากไม่ตายก็โดนควบคุมให้กลายเป็นหุ่นเชิดของสุสาน ตามบันทึกของวิหารแล้ว ตั้งแต่ที่วิหารก่อตั้งขึ้นมาก็มีราชากว่า 20 คนที่ได้เข้าไปในสุสาน แต่สุดท้ายคนที่ออกมาได้นั้นมีแค่ 3 คน สองคนในนั้นออกมาได้ไม่นานก็ตาย ปู่ข้าคือหนึ่งคนที่รอดมาได้
นี่แค่ข้อมูลหลังการสร้างวิหารขึ้นมา ก่อนที่วิหารจะก่อตั้งขึ้นมาคงมีราชาหลายคนเข้าไปในสุสานมาแล้ว
งั้นจะบอกว่ามีราชาแค่สองคนที่เข้าไปในสุสานแล้วรอดมาได้รึ ? จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา เขาเริ่มหวั่นใจ บรรพชนกระดูกกับปู่ของเจ้ารึ ?
ซุนเมิ่งพยักหน้า ก็เหมือนกับราชาตะวันออก ในหมู่ผู้คนมากมายนั้นราชาตะวันออกนับว่าโชคดี แม้ว่าสุดท้ายจะตายไปแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้กลายเป็นหุ่นเชิดของสุสาน และยังมีอีกคนที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกับราชาตะวันออก คนผู้นั้นชื่อว่าไท่ซวน ส่วนราชาที่เหลือนั้นหลังจากที่เข้าไปในสุสานก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย ผลลัพธ์คงพอจะเดาออก
พูดไปแล้วซุนเมิ่งก็เศร้าขึ้นมา หากข้าไม่ได้เข้าไปในสุสานแต่แรกและได้ทักษะมา บางทีจุดจบของข้าก็อาจจะเหมือนกับคนอื่นๆ
นางไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่ตายรึกลายเป็นหุ่นเชิด นางได้เข้าไปในสุสานตอนที่นางขึ้นมาถึงระดับ 10 เท่า คนพวกนั้นอยู่ระดับหมื่นเท่าก่อนแล้วค่อยเข้าไปในสุสาน
ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ อันตรายที่พบในสุสานก็จะมากขึ้นเท่านั้น
ราชาพวกนั้นเราได้เชิญพวกเขาแล้วรวมถึงราชาตะวันออกด้วย… ซุนเมิ่งถอนหายใจออกมา โชคร้ายที่หลายคนได้ปฏิเสธคำเชิญชวนของวิหาร พวกเขามั่นใจในตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรอดกลับมาได้
การได้ขึ้นเป็นราชามีใครบ้างที่จะไม่หยิ่งทะนง ?
พวกเขาคือราชาแห่งยุค พวกเขาคือเกียรติยศแห่งยุคเลยก็ว่าได้ !
คนแบบนั้นจะไม่มั่นใจตัวเองได้ยังไง ?
หากไม่มีความมั่นใจ พวกเขาคงมาถึงระดับนี้ไม่ได้ !
แต่ความมั่นใจและความแข็งแกร่งนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าสุสานแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไร….
พวกเขาไม่อาจจะพิชิตสุสานได้ และยังได้กลายเป็นหุ่นเชิดพร้อมกับเสียสติไป
บรรพชนกระดูกและซุนซิงหนีออกมาจากสุสานและอยู่มาถึงตอนนี้ได้ นอกจากความสามารถที่โดดเด่นแล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะโชคด้วย หากต้องเข้าไปด้านในอีกครั้ง พวกเขาคงไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้อีกหรือไม่
ราชามากกว่า 20 คน… จางหยูส่ายหน้า สุสานแห่งนี้น่ากลัวจริงๆ ! แม้ว่าเขาจะเข้าไปในสุสานมาแล้วแต่ชัดแล้วว่าเขายังไม่เจอตัวตนที่น่ากลัวที่สุดของสุสาน นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกราชาที่เป็นหุ่นเชิดและจิตลึกลับเลย พวกระดับพันเท่ารึร้อยเท่าจางหยูก็ยังไม่ได้เจอ เขาเจอแค่อัลเวอร์ที่อยู่ระดับ 10 เท่าซึ่งเป็นพวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9
โชคดีที่เขาเจอกับอัลเวอร์มาก่อน หากเขาเจอกับราชาเข้า เขาอาจจะหนีออกจากสุสานไม่ได้
ถึงแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาที่เขตนอกของโลกอวี๋ฮุ่น
ท่านพี่ ซุนวูโล่งอกทันทีที่เห็นซุนเมิ่ง
ฟู่เฉิง, และคนอื่นๆต่างก็ก้าวออกมาทำความเคารพเขา ท่านซุนเมิ่ง !
หงอีเองก็ทำความเคารพซุนเมิ่งและตะโกนออกมา ท่านซุนเมิ่ง ก่อนจะรีบมองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้น จางหยู ท่านเป็นอะไรรึไม่ ? ซุนเมิ่งพูดขึ้น ข้าพูดคุยกับอาจารย์ในเรื่องที่ควร ไม่ได้ทำอันตรายอะไร แล้วเขาจะเป็นอะไรไปได้ยังไง ?
ข้าขอตัวก่อน หลังจากที่เห็นหงอี จางหยูก็ได้บอกกับซุนเมิ่ง เจ้าจับตาดูสถานการณ์ต่อ หากมีอะไรเกิดขึ้นก็แจ้งข้าด้วย
หลังจากนั้นจางหยูก็มองไปรอบๆแล้วพูดขึ้น แล้วพบกันใหม่
ทันทีที่พูดจบ จางหยูก็หายตัวไปทันที