เฉินปิ่งเซิงเห็นความเป็นความตายมาจนชินตา แต่เพราะเหตุนี้เขาจึงได้หวงแหนชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็ไม่คิดปล่อยให้จากไปง่ายๆ
บางครั้งเขาก็รู้สึกว่า ชีวิตเหมือนกับไหลอยู่ในฝ่ามือของตน ในจังหวะที่ชีวิตราบรื่นคุณจะไม่รู้สึกว่าชีวิตมีค่า แต่ในตอนที่มันไหลไปกับสายลม หลุดไหลไปจากปลายนิ้วของคุณ จู่ๆ คุณจะพบว่าคุณคว้าชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว!
การให้ความเคารพกับทุกชีวิตก็คือคุณสมบัติแรกของผู้เป็นหมอ!
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจเร่งด่วน ช่วยชีวิตผู้ป่วยคนนี้ให้สำเร็จ
รางวัลเมื่อภารกิจสำเร็จ:
1. ยาบำรุงพลัง +1
2. ประสบการณ์ +100 แต้ม
3. เงิน +1000 หยวน]
กระตุ้นภารกิจใหม่ได้ แต่เฉินชางไม่มีเวลาดู!
ไม่ว่าจะเป็นภารกิจอะไร อย่างไรเขาก็ต้องช่วยคนคนนี้ นี่คือหน้าที่ของหมอ
“เอพิเนฟริน[1]หนึ่งมิลลิลิตร!”
เฉินชางเตรียมไว้นานแล้ว
ตั้งแต่วันแรกที่ทั้งสองเข้ามายังโรงพยาบาลก็ฝึกฝนร่วมกันเงียบๆ
“กระตุ้นหัวใจต่อไป!”
“กระตุ้นด้วยไฟฟ้า กระตุ้นต่อไป เพิ่มกระแสไฟ!”
เฉินชางทำต่อไป แต่น่าเสียดาย…
ผู้ป่วยยังคงไม่มีปฏิกิริยา การกระตุ้นหัวใจยังคงดำเนินต่อไป
เฉินปิ่งเซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อะมิโอดาโรน[2]”
เฉินชางพยักหน้า ฉีดอะมิโอดาโรนเข้าไป!
ภาวะหัวใจหดตัวไม่สัมพันธ์กันยังคงไม่หาย นี่เป็นทางเลือกหลังจากที่ทำทุกวิถีทางแล้ว
“ฉีดเสร็จแล้ว!”
เฉินปิ่งเซิงกล่าวต่อไป “กระตุ้นหัวใจต่อ!”
ในรถเต็มไปด้วยบรรยากาศของการเร่งช่วยชีวิต ทำให้รู้สึกลมหายใจติดขัด
เวลาเป็นช่องโหว่ของชีวิตจริงๆ
ใครก็ไม่รู้ว่ามันจะไหลหลุดไปจากมือเมื่อใด
ในดวงตาของชายสวมชุดลายพรางเต็มไปด้วยความหวัง จับจ้องไปยังจอมอนิเตอร์โดยไม่ขยับเขยื้อน เขาไม่รู้ว่าอะไรคือการยื้อชีวิต แต่เขารู้จักเส้นชีพจรที่วิ่งขึ้นลงบนจอมอนิเตอร์ หากหัวใจหยุดเต้น เส้นนั้นจะกลายเป็นเส้นเรียบ ชีวิตก็จะ…หายไป
เหงื่อที่เกิดจากความเครียดเปียกไปทั้งเสื้อผ้า มือทั้งสองกำชายเสื้อแน่น ดูเหมือนจะเป็นการอ้อนวอนต่อสวรรค์ครั้งสุดท้าย เขาคิดว่าเมื่อเทียบกับการทำงานที่หนักที่สุด ตอนนี้ยังให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดมากกว่าเสียอีก
เส้นขีดบนจอมอนิเตอร์ยังเต้นไม่เป็นระเบียบ กลายเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขา
เขาไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าจะเป็นการรบกวนการช่วยชีวิตของหมอ
เขาไม่กล้าขยับ กลัวว่าความผิดพลาดของตนจะทำให้เพื่อนเก่าไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอีก
ตอนนี้ ชีวิตอ่อนแอหาใดเปรียบจริงๆ
นี่เป็นเกมที่ต้องแข่งกับเทพแห่งความตาย!
ส่วนชายวัยรุ่น ไหนเลยจะเคยเห็นภาพแบบนี้
บางทีเขาอาจตกใจจนกลัวไปแล้ว มือทั้งสองถึงกับสั่นเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่สบายใจ ทั้งยังคละเคล้าไปด้วยคำอ้อนวอน เขาอ้อนวอนขอให้พี่ชายคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป อ้อนวอนขอให้การช่วยชีวิตของหมอไม่มีความผิดพลาด อ้อนวอนให้เทพแห่งความตายเมตตาต่อชายคนนี้
ความผิดพลาดบางอย่างก็ทำให้คนอื่นต้องแบกรับแทนคุณ
ส่วนคนบางคน กำลังก้าวไปข้างหน้า
ทันใดนั้น จู่ๆ ชายสวมชุดลายพรางก็สั่นไปทั้งตัว
เนื่องจากเขาเห็นว่าบนจอมอนิเตอร์ปรากฏเส้นขีดราบเรียบ
เขาทนไม่ไหว น้ำตาไหลออกมา
“หมอ ไม่มีแล้ว! หัวใจไม่เต้นแล้ว เขาตายแล้วเหรอ? ช่วยเขาด้วย! ลูกเขาเพิ่งจะหกขวบ!”
ชายสวมชุดลายพรางคุกเข่าลง ชายวัยรุ่นก็ตกใจจนมึงงง คุกเข่าลงกับพื้นเช่นกัน
ชายฉกรรจ์ทั้งสอง ในชีวิตปกติก็เป็นชายฉกรรจ์กระดูกเหล็กเลือดร้อน แต่ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการพรากจากของชีวิตเพื่อนพ้อง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปไร้ค่า
เฉินปิ่งเซิงชะงักไปครู่หนึ่ง “อิพิเนฟรินสามมิลลิกรัม เร็วเข้า!”
เฉินชางพยักหน้า ไม่ได้ทำอะไรเกินความจำเป็น!
ฉีดเข้าไป!
กระตุ้นหัวใจต่อ
เฉินปิ่งเซิงหันกลับมา “อีกนานแค่ไหนจะถึงโรงพยาบาล?”
คนขับรถแซ่หยางกล่าวตอบ “หนึ่งนาที สิบห้าวินาที!”
ไม่เลว ในฐานะที่เป็นคนขับรถของสายด่วน 120
การนับเวลาของเขาแม่นยำที่สุด
นี่คือช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
เป็นการเดินทางพร้อมกับเทพแห่งความตาย!
บางทีอาจเป็นเพราะอิพิเนฟรินสามมิลลิกรัมมีประโยชน์ หรือบางทีอาจเป็นเพราะการปั๊มหัวใจของเฉินชางไม่เคยหยุด
หัวใจของชายคนนั้นเต้นขึ้นอีกครั้ง
แต่ชีวิตยังไม่มั่นคง
ความดันเลือดต่ำมาก!
ปั๊มหัวใจต่อไป!
ปั๊มหัวใจติดต่อกันมาสิบกว่านาที เฉินชางรู้สึกว่าแขนของตนแทบจะไม่ใช่ของตนอีกต่อไป การแสดงผลของจอมอนิเตอร์ทำให้เขาหยุดไม่ได้ หรือบางทีอาจไม่กล้าหยุด
มีแล้ว!
มีอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว!
ทุกคนมองไปยังจอด้วยความเคร่งเครียด รถแล่นเข้าสู่ประตูแผนกฉุกเฉิน
ฉินเยว่ที่รออยู่ด้านนอกรีบวิ่งมาเปิดประตู ขั้นตอนนี้ทุกคนคุ้นเคยจนคุ้นเคยไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เข็นเตียงลงจากรถ มีถังออกซิเจนวางอยู่ด้านข้าง
แขนของเฉินชางล้าจนยกไม่ขึ้น ประคองเตียงลงจากรถอย่างระมัดระวัง
ฉินเยว่เฉินชางแล้วรีบเอ่ยปาก “คุณไปพักผ่อนเถอะ”
เฉินชางส่ายหน้า “การปั๊มหัวใจจะหยุดไม่ได้”
ฉินเยว่ดึงเฉินชางออกด้วยความแน่วแน่ “ฉันทำเอง!”
หลังจากพูดจบ ฉินเยว่ก็ขึ้นไปบนเตียงเข็นโดยไม่รักษาภาพลักษณ์แม้แต่น้อย โชคดีที่เธอผอม ขาทั้งสองแนบอยู่ข้างเตียง เริ่มปั๊มหัวใจลงไปในลักษณะนี้
ตอนนี้เธอไม่ใช่หญิงสาวน่ารัก แต่เป็นนักสู้คนหนึ่ง!
เป็นนักสู้ในชุดขาวที่รับรู้ถึงความสำคัญของภารกิจ!
แต่ไหนแต่ไรหมอก็ไม่ใช่เทพเซียนแต่เป็นนักสู้ สิ่งที่ปกป้องก็คือร่างกายของผู้ป่วย ต่อต้านความเจ็บปวดจากความเจ็บป่วย
การช่วยชีวิตเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังยื้อยุดกับเทพแห่งความตาย
บางทีการปั๊มหัวใจมาตลอดทางอาจได้ผล อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆ ฟื้นตัว
แต่ว่า…
การถูกไฟช็อตเช่นนี้ไม่ได้รักษาง่ายขนาดนั้น
เฉินปิ่งเซิงตรวจอาการผู้ป่วย พูดกับอู๋เผิงหมออายุรกรรมที่มาช่วยแผนกฉุกเฉิน “ถูกไฟช็อต ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเต้นไม่สัมพันธ์กัน คาดว่ากระแสไฟฟ้าไม่แรง อาจเป็นไฟที่ชาวบ้านใช้กันทั่วไปจึงไม่ได้เกิดปัญหาอะไรเป็นพิเศษ แต่ตลอดทางมีอาการหัวใจกระตุกหลายสิบครั้งกำเริบในเวลาสั้นๆ ผมให้อิพิเนฟรินไปทั้งหมดสี่มิลลิกรัมและอะมิโอดาโรนอีก…”
ในขณะที่พูด เฉินปิ่งเซิงก็จับมือทั้งสองของผู้ป่วยขึ้นมา พบรอยไหม้สีเหลืองปรากฏชัดเจน ยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น
อู๋เผิงเป็นหมอจากแผนกอายุรกรรมโดยเฉพาะ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ชีพ
เขามองไปยังเฉินปิ่งเซิง “ลำบากคุณแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ ที่เหลือมอบให้ผม”
แต่เฉินชางกลับตามอู๋เผิงไป เขาหวังว่าจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้!
นี่คือความดื้อรั้นที่มีต่อโชคชะตา
ตอนนี้แม้ชีพจรของผู้ป่วยจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่เกิดอาการหัวใจกระตุกแล้ว อู๋เผิงรีบพูดขึ้น “ตอนนี้ต้องรีบตรวจสอบเอนไซม์การทำงานของหัวใจ อาการปัสสาวะเป็นเลือด ระดับไมโอโกลบิน[3] และไซโมกราฟฟี[4]!”
“โทรหาห้องปฏิบัติการ ต้องการผลลัพธ์เร็วที่สุด!”
“โทรหาห้องอัลตร้าซาวด์ มาทำอัลตร้าซาวด์ว่าหัวใจทำงานเป็นยังไงบ้าง!”
อู๋เผิงจัดการอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้ฉินเยว่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยเหงื่อเต็มใบหน้า
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สถานการณ์ของผู้ป่วยก็นับว่ามั่นคงบ้างแล้ว
[ติ๊ง! ภารกิจสำเร็จ ช่วยชีวิตสำเร็จผู้ป่วยได้ พ้นจากอันตรายชั่วคราว ได้รับรางวัล
1. ยาเพิ่มกำลัง +1
2. ประสบการณ์ +100 แต้ม
3.เงิน +100 หยวน]
…………………..