ตอนที่ 705 เขตแดนพฤกษา ตันไม่โลก(ตอนต้น)
กําลังเสริมที่ถูกส่งมาจากเมืองต่างๆ แม่ทัพอหมิงได้จัดสรรค์พื้นที่ให้พวกมันอาศัยอยู่ในเมืองชั่วคราวให้เหล่าพลทหารได้พักผ่อนจากการเดินทางไกลและคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมปล่อยให้ผู้นําทัพของแต่ละกลุ่มมา รวมตัวกันเพื่อร่วมวางแผนออกความเห็น ส่วนขบวนรบที่ตั้งฐานอยู่นอกเมืองนั้นมีเพียงนักรบจากกองทัพหลวง ปีศาจและทัพวารีอัคคีพฤกษาและวายซึ่งจํานวนนี้ยังมิใช่จํานวนทั้งหมดแต่อย่างใด
“ท่านซื่อหมิง ผู้บาดเจ็บในป่าอสูรกลับออกมาจนหมดทุกคนแล้วครับ” อู่เฉินแม่ทัพน้อยผู้ควบคุมวายุจากเมืองฮวางซื้อกล่าว นับตั้งแต่มันและผู้ติดตามรุกล้ําเข้าแดนอสูรนําข่าวสารกลับมารายงานก็ผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ดี! นักรบฮวางฉือและฮัวหงถอนกําลังกลับมารวมขบวนกับทัพหลัก ตอนนี้…ได้เวลาสร้างกําแพง!!!” แม่ทัพจอหมิงออกคําสั่ง
อู่เฉินค่อมหัวรับคําสั่งหมุนตัวกลับหลังลอยตัวขึ้นสูงก่อนจะออกตัวด้วยความเร็วสูงสุดฝ่ากําแพงอากาศทิ้งเสียงฉีกสายลมไว้เบื้องหลังมุ่งหน้ากลับไปยังป่าอสูร เพียงพริบตาเดียวร่างของมันก็เล็กกระจ่อยร่อยเท่าเม็ดถั่วถึงที่หมายในเวลาไม่กี่วินาที
“ค่ะ!!” สตรีรายหนึ่งตอบรับคําบัญชา เธอคือจื่ออี้เหมยผู้นําทัพพฤกษา เธอกระโดดลงจากกําแพงจากความสูงหลายสิบเมตรอย่างน่าหวาดเสียว มิลืมว่าเธอแตกต่างจากอู่เฉินที่ควบคุมวายุใช้พลังของตนขับเคลื่อนให้เด็นทางบนอากาศและไม่เหมือนเผ่าปีศาจเผ่าพันธุ์เดียวกับจอหมิงที่มีปีกงอกออกมาจากหลังตั้งแต่เกิดให้สามารถเคลื่อนไหวโบยบินบนท้องนภาได้อย่างอิสระเสรีแต่ความกังวลทั้งหลายไม่จําเป็นเลยสําหรับสตรีผู้นี้
ตู้มมษ
เสียงดังสนั่นกําแพงยักษ์สั่นสะเทือนบางเบา มองลงไปเบื้องล่างพบหลุมลึกกว่าครึ่งเมตรกว้างราวหนึ่งเมตรปรากฏพร้อมกับอี้เหมยสตรีผู้มีบุคลิกอ่อนโยน กําลังออกตัววิ่งมุ่งตรงกลับไปยังแนวหน้าโดยที่ร่างกายไม่มีรอยขีดข่วนสักเล็กน้อย
โป๊ก
“เหวอออ”
“แผ่นดินไหว!!?” กําแพงด้านนอกมีเสียงคนราวสิบชีวิตโหวกเหวกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในมือของพวกมันล้วนถืออุปกรณ์เครื่องใช้สําหรับการก่อสร้าง ในตอนนี้พวกมันกําลังรับหน้าที่อันสําคัญไม่ด้อยไปกว่าทหารแนวหน้าทั้งหลายนั่นคือการซ่อมบํารุงกําแพงเมืองซึ่งเป็นเสาหลักในการปกป้องชีวิตหลายสิบล้านที่อาศัยอยู่ภายใต้การป้องกันนี้
ทั้งสิบบินโดยปีกอยู่กลางอากาศในความสูงครึ่งนึงของกําแพงเมือง จุดที่พวกมันกําลังปรับปรุงอยู่นี้มีรอยแตกร้าวเป็นทางยาวไปจรดด้านบนสุดของกําแพง หากมองย้อนกลับไปยังส่วนล่างของกําแพงยังพบร่องรอยช่ารุดที่ได้รับการซ่อมแซมไปเป็นที่เรียบร้อย
ทว่าจากแรงสั่นไหวเมื่อครู่แม้จะบางเบาแต่สิ่งที่ชํารุดเสียหายพึ่งจะได้รับการบํารุงรักษาสดๆร้อนๆย่อมเปราะบางเป็นพิเศษ ส่งผลให้จุดที่พวกมันก่าลังอุดรอยร้าวแปะรอยรั่วอยู่นี้หลุดออกกลับไปในสภาพเสียหายดังเดิม
ตรงจุดนี้เกิดอะไรขึ้น มันถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรนหรือ? เปล่าเลย มันคือร่องรอยการปีนป่ายกําแพงของแม่หญิงอี้เหมยที่มักง่ายไม่ยอมใช้วิธีปกติอย่างการเดินขึ้นบรรไดเพื่อขึ้นมาบนกําแพงเมืองแต่ใช้พลังของตนเอง ใช้วิชาพฤกษาเฉาะกําแพงพาร่างของตนไต่ระดับขึ้นมาอย่างสะดวกสบายนั่นแล
“อํา หัวหน้าดูตรงนั้น!” หนึ่งในผู้รับหน้าที่ในการซ่อมบํารุงกําแพงเมืองชักชวนผู้ร่วมงานมองไปยังพื้นดินจุดศูนย์กลางของความวุ่นวายทั้งหมด
“ไอ้ตัวไหนเป็นคนทํา!!” ชายผู้หนึ่งอยู่ในช่วงวัยกลางคนสวมใส่เครื่องแต่งกายเพียงครึ่งล่างเปลือยท่อนบนโชว์หลากล้ามมัดใหญ่พร้อมประดับตกแต่งด้วยรอยแผลเป็นทั่วทั้งร่างบ่งบอกว่ามันผู้นี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อยเลยทีเดียว มันผู้นี้คือหัวหน้ากลุ่มในการซ่อมบํารุงกําแพงเมือง มันหายใจรุนแรงตะโกนลั่นใบหน้าลามไปจนถึงหูของมันแดงก่ามันกําลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟลมออกหูจนควบคุมตัวเองมีอยู่เหวียงค้อนในมือไป
เปรี้ยะ
ทั่วร่างมีไอสีดําปกคลุมราวกับหมอก กําแพงเมืองที่ช่ารุดอยู่แต่เดิมเมื่อสัมผัสกับควันทมิฬนี้มันยิ่งแตกหักเกิดรอยร้าว
แม้แต่เพื่อนร่วมงานทั้งสิบยังต้องเว้นระยะห่างออกมาเพื่อความปลอดภัยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แม้แต่เหล่าทหารกล้านักรบปีศาจที่จัดขบวนรบอยู่เบื้องล่างยังแหงนมองมันด้วยใบหน้าถอดสีกันเป็นแถว
“ใครเป็นคนทํา เอ็งใช่ไหมหรือว่าเอ็ง!!” ชายผู้นี้ส่งเสียงตวาดควานหาตัวผู้กระทํา ชี้หน้าเหล่าพลทหารด้วยความฉุนเฉียว
“จ่อปา!!” ทันใดนั้นเองมีเสียงอันทรงพลังดังขึ้นมาจากกําแพงเมือง
ราวกับเป็นคําประกาศิตมิอาจฝ่าฝืน บุรุษบ้าคลั่งผู้อาละวาดโดยไม่สนใครหน้าไหนหยุดชะงักแข็งค้างอยู่กับที่แม้แต่ปีกของมันที่ขยับกระพืออย่างต่อเนื่องเพื่อประคองตัวรักษาระดับความสูงยังหยุดทํางานไปจังหวะหนึ่งทําให้มันเกือบจะเสียการทรงตัว ไอด่าที่มันปลดปล่อยค่อยๆมลายหายไป ศรีษะของมันค่อยๆแหงนมองไต่ระดับความสูงตามกําแพงขึ้นไปอย่างช้าๆในที่สุดมันก็พบผู้เป็นเจ้าของเสียงดังกล่าวมันคือแม่ทัพจอหมิงที่ตอนนี้กําลังชะโงกศรีษะออกมามองนอกกําแพงพร้อมกับหัวคิ้วขมวดกันแน่นจ้องมองมันด้วยดวงตาดุจดังเหยี่ยว
“พ-พี่สาม” ชายร่างกํายําที่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้าพึ่งแสดงอารมณ์เดือดดาลราวกับคนบ้าเสียสติ หน้าหม่นสีหงอลงฉับพลันพยายามปั้นรอยยิ้ม การแสดงออกของมันปัจจุบันราวกับลูกสุนัขแสนเชื่องตัวนึงมันพยายามยกมุม ปากปั้นรอยยิ้มประดับบนใบหน้ากล่าวด้วยน้ําเสียงตะกุกตะกักไม่เป็นธรรมชาติ
ชายกํายําร่างกายแข็งแรงผู้นี้มีนามว่าจ่อปา เป็นน้องชายของจักรพรรดิปีศาจองค์ปัจจุบันและจอหมิงแม่ทัพใหญ่เมืองหลวงปีศาจก็เป็นพี่ชายของมันเช่นกัน
“เจ้ากาลังทําอะไร” แม่ทัพจอหมิงกล่าว
“ข-ข้ากําลังหาตัวผู้ที่ทําพื้นเสียหาย” ชายผู้มีนามว่าจ่อปาก้มหน้ากล่าวแช่มช้าพลางเหลือบมองสังเกตุสีหน้าจอหมิงเป็นครั้งคราว
“เหลวไหล!!” แม่ทัพจอหมิงตวาด
จ่อปาสะดุ้งโหยงใบหน้าถอดสีตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เหล่าทหารหาญที่อยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรเมื่อได้ยินเสียงของแม่ทัพจอหมิง บางรายกําลังย่อตัวนั่งกับพื้นหลังจากยืนเมื่อยมาแสนนาน พวกมันล้วนตกใจดีดตัวยืนตรงสายตามองข้างหน้าตัวแข็งที่อเป็นท่อนไม้
ทั่วบริเวณเงียบฉีไม่ แม้แต่บนกําแพงเมืองผู้มีหน้ามีตามียศฐาบรรดาศักดิ์อย่างเหล่าแม่ทัพทั้งหลายที่กําลังสนทนาวางแผนชี้ไม้ชี้มือป้วนเปี้ยนอยู่บนแผนที่หนังสัตว์เองก็มีมีผู้ใดปริปากแม้สักคํา
แม่ทัพจอหมิงผู้มีบุคลิกสุภาพน่าเคารพนับถือไม่โผงผางผู้นี้ เพียงเสียงตวาดของมันคําเดียว แม้แต่เหล่าผู้กล้าผ่านศึกสงครามมานับไม่ถ้วน เหล่าทหารนักรบไม่กลัวตาย กลุ่มแม่ทัพเหล่าผู้อาวุโสถึงกลับสงบเสงี่ยมลงฉับพลันบรรยากาศโดยรอบอมครีมกระอักกระอ่วนยิ่งนักมันเงียบจนได้ยินแม้กระทั้งเสียงหัวใจเต้น
พืบพับ
“รายงานท่านแม่ทัพ!!!” ตอนนั้นเองชายผู้หนึ่งบินตรงปรี่มาจากแนวหน้าด้วยใบหน้าร้อนรนยิ่งนัก ยังไม่ถึงจุดหมายมันก็แหกปากร้องรายงาน
“นักรบจากเมืองเซียนลุ่ยเตรียมพร้อมแล้วครับ เมื่อท่านให้สัญญาณการสร้างกําแพงจะเริ่มขึ้นทันที…” มันร่อนตัวลงบนกําแพงเมืองเปร่งวาจาถ่ายทอดข้อความ ขณะที่ช่วงท้ายของประโยคมันค่อยเบาลงเมื่อมันรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมอันน่าขนลุก
“เยี่ยม! เริ่มการสร้างกําแพงบัดเดี๋ยวนี้!!!” ข้อความที่ได้รับคล้ายกับเป็นน้ําเย็นรดดับความร้อนในหัวของจอหมิงมันฉีกยิ้มอย่างปิติออกคําสั่งด้วยน้ําเสียงที่แฝงไปด้วยความยินดี
ปู่วววม
เขาสัตว์กลวงอันใหญ่ถูกเป่าด้วยนักรบปีศาจผู้ประจําการอยู่บนกําแพงเมือง ส่งสัญญาณเสียงดังไกลหลายสิบกิโลเมตร