มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์ – ตอนที่ 13 หน่วยออคล่าผู้รอดชีวิต(2)

ผู้รอดชีวิตที่มากับซองอูเข้าไปพูดคุยกับคนของสภานักศึกษา แดซองหันไปชำเลืองมองซองอู ซึ่งจริง ๆ แล้วเขากำลังมองเหล่าโครงกระดูกรอบตัวซองอูด้วยสายตาเป็นกังวล

 

“มอนสเตอร์พวกนั้นมันอะไร?”

 

“ก็อย่างที่รู้ มันมาจากการ์ดอาชีพที่ชั้นเลือก”

 

“เลือกมอนสเตอร์ที่ฆ่ามนุษย์งั้นรึ?”

 

ซองอูตึงเครียดขึ้นมาในทันทีเพราะคำพูดของเขานั้นจงใจคิดร้าย เขาเลือกใช้คำพูดในแง่ลบโดยจงใจ และเขายังพูดเสียงดังให้คนรอบ ๆ ได้ยินด้วย

 

‘คิดจะทำให้เราเป็นคนอันตรายสินะ’

 

ชายคนนี้หยาบคายเหมือนกับจินซอก แต่จริง ๆ แล้วเขาเลวร้ายกว่าจินซอกหลายเท่า เขานั้นเจ้าเล่ห์และคุ้นเคยกับการรังแกผู้คน

 

“ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะ แต่ถ้าคิดจะอยู่ด้วยกัน ขอให้จัดการมอนสเตอร์พวกนี้ไปก่อน”

 

“ชั้นทำไม่ได้”

 

ซองอูตอบโดยไม่ลังเล แดซองถอนหายใจแรง เขามองคนโดยรอบและยักไหล่

 

เขาพยายามจะเพิ่มน้ำหนักให้คำพูดตัวเองโดยใช้อุปทานหมู่กับคนของเขา

 

“คิดจะเก็บพวกมอนสเตอร์น่าขยะแขยงที่ฆ่าคนเอาไว้เหรอ?”

 

“อะไรกัน? น่าขยะแขยง? จริงๆ แล้วพวกมัน…”

 

“แต่มันน่ารักนะ”

 

“…หุบปาก ฮันโฮ!”

 

แปะ แปะ

 

“อะแฮ่ม ยังไงก็ขอโทษด้วย แต่คงทำให้ไม่ได้หรอก กำจัดพวกมันก็เหมือนทิ้งอาวุธไป จะบอกให้เดินไปเดินมาโดยไม่มีอาวุธในสถานการณ์แบบนี้เหรอ?”

 

“อืม ก็ไม่รู้สิ แต่พวกเราปกป้องนายได้ใช่ไหม? นายจะปลอดภัยกว่าถ้าอยู่กับเรา แทนที่จะอยู่กับมอนสเตอร์ท่าทางไม่เอาไหนแบบนั้น”

 

แดซองยืดอกอย่างภาคภูมิใจ

 

‘เป็นบ้าอะไรของมัน? มันอยากจะให้เรามองเกราะข้างในเสื้อมันรึไง?’

 

ซองอูหัวเราะในใจ กล้าดีเหลือเกินที่มาบอกว่าโครงกระดูกของเขาเป็นมอนสเตอร์ไม่เอาไหน เขาไม่รู้อะไรเลย

 

“จะให้เชื่อใจได้ยังไง? ความเชื่อใจเกือบจะหายไปหมดแล้วเพราะคำพูดนาย ชั้นเคยอยู่กับชายที่พูดแบบเดียวกับนายนั่นแหละ”

 

เขาพูดและมองจินซอก แม้จินซอกจะเงียบแต่เขาก็โมโหขึ้นมา เขาเหมือนกับลูกหมาที่คอยแยกเขี้ยวอยู่ใกล้ ๆ เจ้านาย

 

“ถ้ายืนยันแบบนั้นก็ขอโทษด้วย แต่นายอยู่กับพวกเราไม่ได้ คิดให้ดี นี่ไม่ใช่เวลามาเอาชนะกัน ชั้นให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย คิดให้ดีก่อนจะตอบล่ะ”

 

ในตอนนั้นเอง จีซูเดินเข้ามาตะโกน

 

“นายมันทึกทักไปเองไม่ใช่เหรอ! เราพูดตอนไหนว่าอยากจะรวมกลุ่มกับพวกนาย? คิดเหรอว่าสภานักศึกษามันยิ่งใหญ่นัก? ถ้าคิดแบบนั้นก็น่าขยะแขยงแล้ว!”

 

แดซองคิ้วกระตุกเมื่อจีซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

 

“เธอเป็นประธานคณะพลศึกษาใช่ไหม?”

 

“จะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับแก เจ้าพัคแดซองอายุยี่สิบห้า! จะเล่นกับตำแหน่งของแกไปถึงเมื่อไหร่?”

 

“…”

 

ดูเหมือนว่าจีซูจะเกลียดเขามานาน ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่พูดแบบนั้น

 

“จีซูใจเย็นก่อนแล้วมาอยู่ฝ่ายพวกเราจะดีไหม? ถ้าไม่…เธอจะเสียใจ”

 

จีซูแลบลิ้นเป่าปากใส่เขา

 

“หยุดได้แล้ว! แกก็แค่แกล้งทำเป็นทำเพื่อมหาลัย แต่ชั้นรู้ว่าแกได้ไปหลายล้านวอนจากบริษัทที่มาจัดงานเทศกาล!”

 

แดซองพยายามใจเย็น แต่เขาเสียหน้าเพราะจีซูพูดเรื่องส่วนตัว คนอื่นที่ได้ยินพากันนินทา

 

แดซองก้มหน้าถอนหายใจยาว

 

“อา…ช่วยไม่ได้แล้ว ไปซะ มอนสเตอร์จะคลั่งเอาถ้ามีเธออยู่ด้วย”

 

“แน่อยู่แล้ว ไอ้เวร”

 

จีซูหันหลังกลับเป็นคนแรก ซองอูเดินตามจีซูไปโดยไม่เสียใจอะไรเลย ฮันโฮเองก็เดินตามซองอูแม้จะทำหน้าหงุดหงิดอยู่บ้าง

 

แดซองตะโกนใส่พวกเขาด้วยความโมโห

 

“แล้วพวกแกจะต้องเสียใจ ตอนนี้อยู่รวมตัวกันจะดีที่สุด เคยได้ยินเรื่องเอฟเฟคผสานไหม? ไปเป็นกลุ่มเล็กแบบนั้นก็มีแต่จะโดนฆ่าตาย พวกโง่เอ้ย…”

 

นักศึกษาคนอื่น ๆ เลือกที่จะอยู่กับสภานักศึกษา ไม่ว่าซองอูจะดูพึ่งพาได้แค่ไหน พวกเขาก้ไม่อยากจะทิ้งกลุ่มคนที่ใหญ่กว่าไปอยู่กับซองอู

 

“จีซู ขอโทษนะที่ถาม แต่เธอมีอะไรกับแดซองเหรอ?”

 

เขาถามอย่างระมัดระวัง

 

“อา มันน่ะสารเลวของจริง มันรวยก็เลยอยู่ในมหาลัยคอยหาผู้หญิง มีผู้หญิงหลายคนที่เป็นรุ่นน้องชั้นถูกมันหักหลัง…แต่เพราะตำแหน่งประธาน ไอ้เวรนั่นเลยทำตัวแบบนั้นได้ แต่นิสัยมันไม่เคยเปลี่ยน”

 

“อย่างนี้นี่เอง”

 

“เลวจริง ๆ!”

 

ฮันโฮตะโกน

 

ซองอูกับพรรตพวกตัดสินใจ ‘ออกจากมหาลัย’ เป็นเป้าหมายแรก

 

ทั้งสามกำลังคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการออกไปจากมหาลัย

 

“คิดว่ามอนสเตอร์จะเยอะตามจำนวนคน พวกมันแค่ออกมาเพื่อฆ่าคนตั้งแต่เริ่ม”

 

จีซูพูด

 

เธอพูดถูก

 

“เลี่ยงตึกให้ได้มากที่สุด ไปทางเนินเขาหลังมหาลัยไปหาประตูหลัก มีคนแถวนั้นอยู่ตอนเช้า”

 

พวกเขามุ่งหน้าไปที่เนินเขาหลังมหาลัย มีทางสะพานไม้เก่าตลอดทาง

 

“ที่นี่เงียบจัง”

 

ถึงเนินเขาจะอยู่หลังมหาลัย แต่นักศึกษาทั้ง 10,000 คนไม่ได้เข้ามหาลัยทุกวัน มันเงียบเหงายิ่งกว่าคำว่าสงบเงียบเสียอีก

 

“เดี๋ยวก่อน…”

 

ซองอูที่เดินอยู่บนทางหยุดเดิน โครงกระดูกข้างหน้าเขาเองก็หยุดด้วย

 

สายลมเบา ๆ พัดผ่านหัวพวกเขาไป

 

“ซองอู มีอะไร?”

 

“ชู่ว…”

 

ซองอูก้มตัวลงต่ำและชี้นิ้วไปทางเงาไม้

 

ฟึ่บ–

 

มีบางอย่างยืนตรงตัวสูงอยู่ตรงนั้น เหมือนกับมีการต่อสู้เกิดขึ้นไปแล้วเพราะมีกอบลินหลายตัวตายเต็มไปหมด มีกองเลือดเต็มไปหมด ขวานเล่มใหญ่ผ่าคาหัวของกอบลิน

 

คนคนหนึ่งที่ต่อสู้ชนะดึงขวานกลับ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคน เขาหันมามองทางซองอู

 

“…อา!”

 

ฮันโฮดึงมีดขึ้นมาด้วยความตกใจ

 

“นั่นมันบ้าอะไรกัน…ตัวใหญ่กว่าบอสกอบลินอีก!”

 

มันเป็นออคผิวสีเขียวที่มีเขี้ยวโผล่ออกมาจากปาก มันสูงถึงสองเมตร

 

มันยกขวานขึ้นสูงและร้องคำรามส่งสัญญาณต่อสู้ มันพุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยขวานโดยไม่สนใจอะไร ซองอูชักดาบออกมา โครงกระดูกกระจายไปทุกทิศทาง

 

***

 

“…ดีล่ะ วัตถุดิบโครงกระดูกตัวใหม่โผล่มาแล้ว”

 

ซองอูคิดว่าจะมีมอนสเตอร์ชนิดอื่นปรากฏตัวขึ้นมาด้วย ตามปกติแล้วออคจะปรากฏตัวถัดจากกอบลิน

 

ซองอูตัวแข็งทื่อเมื่อเจอกับออค เขารู้สึกว่าทำอะไรร่างอันใหญ่โตนั้นไม่ได้เลย มันแตกต่างกับกอบลินที่ขนาดตัวเท่ากับเด็ก เหมือนกับเขากำลังสู้กับนักมวยปล้ำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและสูงกว่าสองเมตร

 

“หนีเร็ว!”

 

ซองอูกับฮันโฮหนีเข้าป่าเมื่อจีซูตะโกน เช่นเดียวกับพวกโครงกระดูก ออคที่พุ่งเข้าใส่พวกเขามองรอบ ๆ จุดที่พวกเขาเคยยืนเมื่อครู่ มันวิ่งเข้าใส่พวกเขาอีกเหมือนกับนักรบเถื่อนหรือหมูป่า

 

“มันบ้าไปแล้วรึไง!”

 

ฮันโฮยืนขึ้น เขาแหวกต้นไม้หนีและสบถใส่มัน มันพุ่งใส่พวกเขาด้วยความเร็วสูงสุดแค่เพราะมองเห็นเหรอ?

 

ออควิ่งลงมาถึงบันไดไม้ มันพาดขวานไว้บนไหล่และมองพวกซองอู มันหายใจเข้าลึกด้วยความตื่นเต้น

 

“มันจะวิ่งมาอีกแล้ว!”

มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์

มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์

Status: Ongoing
มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์ เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งในมหาลัยในขณะที่จู่ ๆ ก็มีข้อความและการ์ดภารกิจโผล่ขึ้นมาในกลางอากาศ ขณะที่ทุกคนกำลังลุกลี้ลุกลนกับเหตุการณ์ประหลาด แสงสว่างทั้งหมดกลับมืดมิดลง ห้องเรียนถูกปกคลุมไปด้วยความมืดสนิท ทุกคนตื่นตระหนกและหวาดกลัวที่จะหยิบการ์ดภารกิจ แต่ไม่ใช่กับซองอู เขารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเราต้องหยิบการ์ดเพื่อเอาชีวิตรอด เขาจึงเลือกเป็นเนโครแมนเซอร์ ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีภารกิจแนะนำปรากฏขึ้นมา ทั้งมหาลัยได้จมสู่ความยุ่งเหยิง จู่ ๆ ก็มีกอบลินโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมดเพื่อฆ่าคน ผู้รอดชีวิตต่างปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วได้ยาก แต่ซองอูได้ฆ่ากอบลินฝูงหนึ่งไปด้วยพลังของสกิลเนโครแมนเซอร์และเริ่มทำภารกิจที่เขาได้มา ซองอูเพิ่มพลังของตัวเองเช่นเดียวกับจำนวนพวกพ้อง เขาถูกรายล้อมไปด้วยพลังแห่งความตายที่ภักดีต่อเขาเช่นเดียวกับพรรคพวกที่เชื่อใจได้ แต่เขาก็ถูกท้าทายโดยคนเลวร้ายมากมายและระบบที่ขู่ว่าจะทำให้มนุษยชาติเสื่อมทรามลง บนโลกที่กำลังพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน เนโครแมนเซอร์คนหนึ่งได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยพลังของเขา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset