ตอนที่ 39 หม้อไฟในบ้านใหม่
กายลุกออกจากแคปซูลตอนนี้มันตีสามแล้ว แต่เจ๊ซาเรียยังไม่กลับมา เขาจึงไปหาอะไรกินรองท้องในขณะที่คิดว่าการนอนดึกทำให้คนหิวมากขึ้น
หลังจากหนังท้องตึกหนังตาก็หย่อน กายจึงนอนที่โซฟาโดยใช้เหตุผลที่ว่า “ฉันต้องเฝ้าร้านให้เจ๊เพราะมันอาจจะมีขโมยได้”
นี่คือข้อแก้ตัวที่กายเตรียมไว้
ที่จริงแล้วร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 นั้นมีระบบรักษาความปลอดภัยที่สูงกว่าบ้านลุงแฟรงค์เสียอีก ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนเข้ามาขโมยของได้ ยกเว้นจะมีคีย์การ์ดแบบกาย
กายนอนหลับไปด้วยความรู้สึกที่ดี โซฟาก็นุ่ม อากาศก็เย็นสบายแถมยังสะอาดบริสุทธิ์อีกด้วย ต้องยกความดีความชอบให้กับเครื่องกรอกอากาศของร้าน
เสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของกายภายในร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 ดังขึ้นช้า ๆ และก็ผ่อนลง มันสม่ำเสมอกันเป็นอย่างมาก จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าเข้ามาแทรก
ตุบ ตุบ ตุบ
เสียงเท้าเดินเข้ามาหยุดยืนมองกายที่นอนหลับด้วยความสบายใจ ไม่รู้กายฝันอะไรจึงยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่ดูโง่เง่าสุด ๆ ไปเลย
เจ้าของฝีเท้ายกมือขึ้นมาเล็งไปที่หัวของกายก่อนจะแขกลงไปอย่างแรก
โป๊กกก!
“โอ๊ย!!!” กายร้องด้วยความเจ็บปวดดีดตัวขึ้นนั่งมองยังคนที่ลงมือเขกหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด แต่พอเห็นว่าเป็นใครกายก็ยิ้มออกมาและทำท่าทางน่าสงสาร
“อรุณสวัสดิ์ครับเจ๊ซาเรีย”
ใช่แล้ว คนที่เขกหัวกายไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นซาเรีย เธอเข้ามาที่ด้านทางประตูหลังของร้านทำให้ไม่มีเสียงเปิดประตูกายจึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
“นายมานอนทำอะไรที่นี่ บอกแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ที่นอน”
“ผมเห็นเจ๊ไม่อยู่จึงคอยเฝ้าที่ร้านให้” กายพูดออกมาด้วยท่าทีที่ชอบธรรม ราวกับมันคือความจริงซะยิ่งกว่าความจริง
ซาเรียมองไปที่กายก็รู้สึกว่าเด็กนี่เริ่มหน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรก ๆ ที่มาก็ดูจะปกติดี กลับกลายเป็นว่ามันไม่ต่างจากไทเลอร์เลย
ไทเลอร์ที่ตอนนี้กำลังนั่งทำธุระส่วนตัวอยู่บนคอห่านจามออกด้วยความงง “หรือฉันเป็นหวัดกัน”
กลับมาที่ซาเรียหลังจากเขกหัวกายไปอีกทีเธอก็เดินไปเก็บของหลังร้าน แต่ก่อนไปก็ตะโกนบองกาย “นายกลับไปได้แล้ว วันหลังอย่ามานอนนี่อีก”
“ครับ ไม่ต้องห่วงผมจะไปดูบ้านวันนี้อยู่พอดี” กายพูดจบก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะซื้ออาหารแช่แข็งในตู้มากินและรีบออกจากร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8
เขากำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านที่จองเอาไว้เมื่อวาน มันไม่ไกลมากนักกายจึงเลือกจะเดินไป มันช่วยให้เขายืดเส้นยืดสายได้ดีที่สำคัญประหยัดได้อีกสักเล็กน้อยก็ยังดี
หลังจากกายมาถึงก็เจอกับนายหน้าที่รับผิดชอบพากายไปดูบ้านกำลังยืนรออยู่แล้ว ชายคนนั้นมองกายด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่ากายจะยังดูเด็กขนาดนี้
“สวัสดีครับ คุณคือคนที่มาจองซื้อบ้านไว้ใช่ไหม ผมชาลส์ รับผิดชอบพาคุณดูบ้านหลังนี้”
“ผมกาย”
กายยื่นมือไปจับมือของชาลส์ ทั้งสองแนะนำตัวกันเสร็จชาลส์ก็พากายเดินเข้ามาในบ้าน ในตอนนั้นเองชาลส์ก็เหมือนจะห้ามใจไม่ให้ถามได้ จึงหันมาถามกาย “คุณอายุ 19 จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ”
“แน่นอน จริงสินี่คือหลักฐานการจ่ายค่ามัดจำ มันมีอายุของผมระบุอยู่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เอ้อ…เปล่าไม่มีครับ เราเข้าไปดูบ้านกันเถอะ”
ในบ้านมี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และโรงจอดรถพร้อมด้วยลานกว้างรอบ ๆ บ้าน ถึงมันจะเก่า แต่ก็ดูกว้างก็ที่กายเห็นในภาพที่ลงไว้พอสมควร
“เป็นไงบ้างครับ แม้บ้านดูจะเก่าหน่อย แต่ถ้าจัดการทำความสะอาดมันสักหน่อยก็ดูดีเหมือนใหม่ อีกอย่างตรงนี้อยู่ใกล้กับย่านบันเทิงและการค้าพอสมควรมันจึงดูดีเป็นอย่างมาก คุณคิดว่ายังไง”
“แน่นอนบ้านมันเหมาะสมกับราคาดี” บ้านหลังนี้แม้จะเก่าแต่นั่นคือเหตุผลที่ราคามันถูกขนาดนี้ แค่ 500,000 บิทต่อปีเท่านั้น ถ้าสภาพมันดูดีกว่านี้ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 700,000 ถึง1,000,000 บิท แน่นอนว่ากายคงไม่มีปัญญาเช่า
“ถ้างั้นคือ??” ชาลส์เน้นย้ำอีกที
“ตกลง ผมต้องทำเรื่องโอนที่ไหน” กายเปิดบัญชีของตัวเองขึ้นมา
“สามารถโอนผ่านบัญชีของสำนักงานอสังหาริมทรัพย์ส่วนกลางเขต 7 โดยระบุจากรายการที่จองไว้เมื่อวานก็ได้แล้วครับ” ชาลส์ตอบด้วยรอยยิ้ม เพราะถ้าเขาสามารถหาผู้เช่าบ้านได้ ชาลส์ก็ยังได้ค่าเปอร์เซ็นต์จากราคาที่กายจ่ายด้วย
กายไม่รอช้าก็จัดการจ่ายเงินค่าเช่าที่เหลืออีก 450,000 บิท เขามองดูตัวเลขลดลงไปอย่างรวดเร็ว กายเหลือเงินแค่ 200,400 บิท
ชาลส์พูดต่อ “นี่คือเอกสารสัญญาซื้อคุณว่างมือลงไปที่นี่ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย”
กายวางมือลงไปตามที่ชาลส์บอกมา
“เรียบร้อยแล้วครับ ถ้ามีปัญหาอะไรสามารถติดต่อผมได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“แน่นอน”
เสร็จเรื่องทุกอย่างแล้วชาลส์ก็ออกจาบ้านไปในทันที เหลือเพียงกายที่ยืนมองดูบ้านอย่างภูมิใจอยู่คนเดียว “นี่จะเป็นบ้านหลังใหม่ของฉัน”
หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงกายก็จัดการสำรวจดูว่าอะไรบ้างที่ควรจะเปลี่ยนใหม่หรือไม่ ก่อนที่เขาจะออกไปและหาซื้อของที่ต้องการ ซึ่งมันมีของหลายอย่างที่เขาต้องซื้อเข้ามา
นี่เป็นครั้งแรกที่กายซื้อของเข้าบ้านมันจึงดูวุ่นวายเล็กน้อย โชคดีที่ทางห้างที่กายไปมีบริการในการให้คำแนะนำละมีชุดสินค้าเกี่ยวกับบ้านอยู่แล้ว ก็จึงแค่บอกความต้องการและจ่ายเงินก่อนที่จะรอคนมาส่งของถึงหน้าบ้าน
“ทำไมฉันถึงใช้เงินได้เก่งแบบนี้กัน หรือว่ามันเป็นเพราะห้างพวกนี้ สถานที่นี่อันตรายมาก” กายรีบออกจากห้างก่อนที่เงินในกระเป๋าของเขาจะไหลออกหมด
หลังจากออกไปนับชั่วโมงเขาก็กลับเข้ามาบ้าน มันเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว กายจึงหากินอะไรง่าย ๆ ไปก่อน และหันไปจัดการลงมือถือของเก่า ๆ ทิ้งออกไป ทั้งพรมเช็ดเท้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ฝุ่นที่เกาะอยู่บนหลังคาหนาเป็นนิ้ว ฟิลเตอร์กรองอากาศที่ถูกใช้จนเก่า
“พวกเขาไม่คิดจะดูแลบ้านก่อนที่จะปล่อยให้ลูกค้าเช่ากันหรือไง” กายทำไปก็บ่นไปไม่หยุด อันที่จริงแล้วมันมีบริการพวกนี้อยู่ แต่แน่นอนว่าราคามันไม่ได้ถูก
ตืด…
ในตอนนั้นเองก็มีสายโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ของกาย เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ไม่ใช่ใครอื่นมันคือไทเลอร์ที่โทรเข้ามา
“นายอยู่ไหน”
“ฉันอยู่บ้านเช่าตอนนี้เก็บของอยู่ มีอะไรหรือเปล่า”
“เดี๋ยวหลังเลิกงานฉันไปหา ส่งที่อยู่มาด้วย”
“ได้ จริงสิฉันติดเลี้ยงอาหารนายอยู่มื้อหนึ่ง นายอยากกินอะไร”
“ฮ่า ๆ ถ้านายเลี้ยงฉันก็ไม่เกรงใจอย่างนั้นก็ขอเป็นหมอไฟฉลองบ้านขึ้นบ้านใหม่เป็นยังไง”
“ดีงั้นก็กินหมอไฟ ฉันอยากกินอะไรร้อน ๆ อยู่ พอดี ไว้ตอนเข้ามานายซื้อเข้ามาก็แล้วกันอย่าลืมบอกเมญ่ามาด้วยล่ะ เธอช่วยฉันมากกว่านายอีกดังนั้นเธอควรจะได้กินด้วย”
“ไม่ต้องห่วงอันที่จริงเธอชวนฉันไปกินหม้อไฟ แต่ว่านายอาสาเลี้ยงฉันเลยมาจะพาเธอมากินบ้านนายพอดี ฮ่า ๆ ”
“ไอ้เวรนี่ เออตามใจก็แล้วกัน อย่าลืมทำเรื่องล่าออกให้ฉันด้วย”
“ได้ แล้วเจอกันตอนเย็น”
กายคิดถึงหม้อไฟมันจะน่ากินขนาดไหน อันที่จริงแล้วในชีวิตนี้เขายังไม่เคยกินแม้แต่ครั้งเดียว เพราะไม่มีเงินจะไปกิน
“วันพิเศษก็ต้องกินอะไรที่มันพิเศษหน่อย” กายเหมือนจะได้รับแรงกระตุ้นรีบจัดการบ้านให้เข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็ว
…
หลังจากนั้น 2 ทุ่มตรงไทเลอร์และเมญ่าก็มาถึงที่บ้านของกาย พวกเขามีหน้ากากกันฝุ่นปิดมาด้วย วันนี้อากาศไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ค่าฝุ่นขึ้นสูงกว่าวันปกติมากนัก
กายรีบเปิดประตูหน้ารั้วหน้าบ้านให้ทั้งสองเข้ามาก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
“ฟู่…วันนี้ฝุ่นเยอะมากอากาศก็หนาวอีก” ไทเลอร์บ่นขณะที่ถอดหน้ากากออก ในมือทั้งสองของเขายังมีกล่องเหล็กบรรจุอาหารมาด้วย
“ก็ใครใช่ให้นายไปซื้อถึงร้านดังขนาดนั้นกัน ถึงได้รอนานขนาดนี้ยังไง” เมญ่าบ่นออกมา แต่เธอก็ยังยิ้ม เพราะร้านที่ว่านี่คือร้านที่เธออยากกินอยู่แล้ว ที่สำคัญคนที่ไปต่อคิวก็คือไทเลอร์ เขาไปรอซื้อก่อนที่ไปรับเธอที่ทำงานเพราะไม่ต้องการให้เธอไปยืนรอด้วย
ร้านอาหารที่ขายพวกเขามีทั้งบริการสองแบบคือนั่งกินที่ร้านกับสั่งกลับบ้าน ไทเลอ์เลือกแบบสั่งกลับบ้านมามันคือชุดราคา 5000 บิท ราคาถือว่าแรงมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือของคุณภาพดีจริง ๆ
ในนี้มีเนื้อสังเคราะห์ C4 หลากประเภทต่างกันไป มันมีทั้งแบบที่ให้สัมผัสแบบกุ้ง ไก่ เนื้อ และหมู ยังมีพวกเส้นและพวกพืชสังเคราะห์แม้หน้าตามันจะไม่เหมือน แต่ทางร้านบอกว่ารสสัมผัสไม่ต่างกับเมื่อยุคเก่า ๆ อย่างแน่นอน
ตอนที่กายตัดสินใจให้ไทเลอร์ซื้อเขาถึงกับกัดฟัดแน่น แต่พอคิดว่านาน ๆ ทีก็ควรให้อะไรกับตัวเองบ้าง เขาจึงโยนเรื่องเงินออกไปก่อน
“นี่สินะผัก”
“ใช่ ลงมือกินกันเลยไหม”
กายและไทเลอร์เอาแต่มองดูของในกล่องทั้งสองใช้นิ้วเขี่ยไปเขี่ยมาเพราะไม่เคยเห็น จนเมญ่าทนไม่ไหวเลยต้องลงมือโชว์ฝีมือเอง
ใช้เวลาไม่นานน้ำก็เริ่มเดือด พวกเขาก็เริ่มลงมือกินกันทันที ซึ่งแน่นอนว่าคนที่สอนวิธีการกินก็คือเมญ่า เธอมองสองหนุ่มกินกันอย่างอร่อยก็ถึงกับยิ้มออกมา
กายไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้ แม้แต่ข้าวหน้าเนื้อ C5 ที่ร้านของซาเรียก็ยังเทียบไม่ติด ไม่สิต้องบอกว่าจนละอารมณ์กันมากกว่า
“เฮ้ นายรู้ใช่ไหมว่าฉันมีนายและเมญ่าที่ถือว่าเป็นเพื่อนที่มีอยู่น้อยนิดในชีวิต หวังว่าในอนาคตพวกเรายังจะเป็นเพื่อนกันเสมอ” กายพูดออกแต่เขาไม่ได้มองไปที่ไทเลอร์หรือเมญ่า
“แน่นอน” ไทเลอร์ตอบด้วยความจริงจังซึ่งสายตาก็ไม่ได้มองกายเช่นกัน
“ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นชิ้นสุดท้ายก็ควรจะให้ฉันถูกไหม”
“ฮ่า ๆ แน่นอน”
ไทเลอร์ตอบแล้วก็ถอนตะเกียบออกมา แต่ในจังหวะที่กายเผลอเขากลับใช้มือหยิบเนื้อเข้าปากไปในทันที
“เชี่ย เล่นโกงนี่หว่า”
“นายบอกเองนะว่าเรายังเป็นเพื่อนกัน แต่ฉันกับนายคือเพื่อนกัน ส่วนเมญ่าเป็นแฟน”
สามจะนั่งหัวเราะกันออกมาเพราะมุกของไทเลอร์ทันที