ตอนที่ 56 แกะผู้กลายเป็นพยัคฆ์
ยามเช้าสายหมอกลงปกคลุมผืนป่า ตัดกับแสงของดวงตะวันที่ลอยขึ้นสูงทอแสงสีส้มทำให้หมอกสลายตัวกลายเป็นน้ำค้างติดยอดไม้ เสียงฝีเท้าเคลื่อนที่ไม่ช้าไม่เร็วของกลุ่มนักเรียน 4 คน
กายประคองกรี ลินดินผู้โมโหง่ายเดินไปอย่างลำบากพอตัว ทางด้านของอาลีน่านั้นช่วยเหลือลูก้า คนบาดเจ็บสองคนกลายเป็นตัวถ่วงไปแล้ว แต่ถึงแบบนั้นกายก็ไม่อาจจะทิ้งทั้งสองคนได้
กายเคยดูในหนังมักจะพูดว่าให้ตัดใจทิ้งคนที่บาดเจ็บเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ตอนนี้มันไม่ได้ทำภารกิจแต่เป็นการหนี ถ้าเกิดทิ้งทั้งสองไปในสถานการณ์แบบนี้มัน ถือเป็นเรื่องที่โง่มาก อย่างแรกคือพวกผู้เล่นยังไม่เจอพวกเขา ถ้าเกิดทิ้งทั้งสองไง้แล้วพวกนั้นมาเจอ ถ้าเกิดมันจำลูก้าและกรีได้ ก็เดาได้ทันทีว่ากายและอาลีน่าไปทางไหน
ยกเว้นทั้งสองจะยอมสละตัวเองแบบวีรบุรุษละนะ แต่แน่นอนว่าเราคงไม่สบายใจถ้าให้ NPC มาตายแทนแบบนี้
กายกัดฟันเดินต่อไป
“เมื่อเห็นพลุสัญญาณแล้วใช่ไหม”
กรีที่หน้าขาวปากซีดถามกาย มันไม่ได้ออกไปดูแต่ก็ได้ยินเสียงอยู่
“มันคือพลุสัญญาณหยุดการทดสอบ ทางนั้นคงทราบเรื่องที่มีคนเข้ามาแทรกแซงการทดสอบแล้ว”
กายวิเคราะห์ตอบกลับไป
กรีพยักหน้าด้วยความหวัง อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ทำให้พวกกลุ่มโจรผู้เล่นไม่มีเวลามาไล่ล่าพวกเขา
“แม้การทดสอบจะหยุดไปแล้ว แต่เราก็ต้องถอยออกไปนอกป่าให้ได้แล้วค่อยไปที่จุดควบคุมภารกิจทดสอบในครั้งนี้ เพราะถ้าจะให้ตัดผ่านป่าไป พวกเราคงไปไม่ถึงและอาจจะปะทะกับโจรผู้เล่นได้”
ลูก้ากล่าวเสริม ขณะใช้ไม้ค้ำเดินต่อไป
ทั้ง 4 เดินมาได้ไกลมากแล้ว ตามการคาดการด้วยความเร็วของพวกเขา น่าจะประมาณ 2 ชั่วโมงก็สามารถออกไปที่แนวป่าได้แล้ว
จุดที่เดินนั้นแม้จะมุ่งไปยังตะวันออกของป่าที่ใกล้สุด แต่พวกมันคิดว่าควรจะระวังไว้ เพราะอาจจะเป็นเส้นทางที่พวกโจรใช้ถอยหนีได้ จงใจเลี่ยงทิศทางขึ้นเหนือไปเล็กน้อย แถวนั้นไม่มีโจรผู้เล่นมานัก
แคร็ก!
ในตอนนั้นเองเสียงบางสิ่งเหยียบกิ่งไม้แตกหักดังอยู่ไม่ไกลมากนัก พวกมันรีบหมอบลงอย่างรวดเร็ว
กายรีบกวาดสายตามองรอบทิศทางหาที่มาของเสียง เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทิศทางตรงมายังกายและพวกไม่ผิดอย่างแน่นอน
“เฮ้! มีใครอยู่ไหม?”
เสียงร้องตะโกนถามของเด็กหนุ่มดังขึ้น ฟังจากน้ำเสียงดูลนลานผสมความอ่อนล้า
กายหันไปมองตาอาลีน่าเป็นเชิงถามว่าควรจะเอายังไง แต่อาลีน่าคิดไปมาก็ขยับปากบอกแล้วแต่กาย
ทีนี้จะมาโยนให้ตัดสินใจ กายบ่นในใจไม่ให้เธอได้ยิน
ไม่รู้ว่ามันเป็นกับดักหรือนักเรียนคนนั้นบังเอิญเจอเราจริง ๆ ตอนนี้กลุ่มอ่อนแอมาก อย่างมากก็รับมือกับผู้เล่นได้แค่ 6 คน ตัวเราสองคน อาลีน่าสองคน และลูก้ากับกรีอย่างละคน..นี่คือขีดจำกัดแล้ว เอายังไงดีกาย คิดสิเพื่อน
กายตกลงไปในห้วงความคิด มันสั่งสมองคิดให้เร็วที่สุดว่าจะเอาอย่างไร เพราะตอนนี้นักเรียนชายคนนั้นตะโกนเรียกไม่หยุด ซึ่งอาจจะดึงดูดกลุ่มผู้เล่นมาได้
“อาลีน่าเหลือลูกธนูเท่าไหร่”
กายกระซิบด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
อาลีน่ายกนิ้วขึ้นมา 2 นิ้วเป็นการบอกจำนวนลูกธนู กายได้ยินก็จับค้อนขวานที่เหลือด้ามเพียงครึ่งไว้แน่น ก่อนจะปล่อยมืออกจากไหล่ของกรีวางหลบไว้ในพุ่มไม้
กายกระซิบออกมาอีกครั้ง “ลูก้าคอยดูแลกรี อาลีน่ากับฉันเราจะไปตรงนั้น แต่พอตอนออกไปเจอเจ้านั่น เจ้าไม่ต้องออกไป คอยเล็งลูกศรไปที่หัวของมันจากระยะไกล ถ้าเกิดมีอะไรผิดปกติยิงทิ้งไปเลย”
หมอนี่คิดจะเอาตัวเป็นเหยื่อล่อ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์..
อาลีน่ามองหน้ากาย แต่พอเห็นท่าทีจริงจังของกาย เธอก็พยักหน้าตกลง ยังไงซะก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
กายและอาลีน่าสองคนเดินอ้อมออกมาจากจุดที่ลูก้าและกรีซ่อนอยู่
…
“เฮ้ ได้โปรดออกมาเจอกันหน่อย ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย…” นักเรียนชายคนนั้นยังคงร้องตะโกนไม่หยุด
กายที่แอบดูอยู่หลังต้นไม้ก็ต้องตกใจ เพราะนักเรียนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเซนซา นักเรียนซื่อบื่อที่นั่งรถม้าลากมาคันเดียวกับกาย นักเรียนที่โดนหลอกถามเรื่องที่ซ่อนของเหรียญตราแล้วก็เอาออกมาให้ทุกคนดู
“หยุดตะโกนเสียงดังได้แล้ว”
กายเผยตัวออกไป ยังไงก็ควรให้หมอนี่หุบปากก่อนที่จะพากันซวยหมด
“ข้าว่าแล้วว่าต้องใช่เพราะได้ยินมีเสียงคนคุยกันจริง ๆ คนอื่นอยู่ไหนกัน” เซนซาเดินเข้ามาหากายสองก้าว กายถอยหลังในทันทีด้วยท่าทีระวังตัว
เมื่อเซนซนรู้ว่าตัวเองทำให้กายต้องระแวงมันก็หัวเราะกลบเกลื่อนก่อนที่จะรีบถามกายในทันที
“เจ้ารู้ไหม ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงมีโจรที่ไหนไม่รู้มาไล่โจมตี”
หมอนี่…แปลก…มันถามหาคนอื่น แต่รีบเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะคิดว่าเสียมารยาทหรือรู้ว่าเราไม่ไว้ใจกัน
“จริงสิ ข้าเซนซา ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร”
“เดวิน”
“เดวิน ข้ารู้ว่าเจ้าระวังตัว แต่สบายใจได้ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้ามีตราสัญญาลักษณ์สองอันแล้ว พอสอบผ่านอย่างสบาย อีกอย่างพลุสัญญาณหยุดการทดสอบยิงขึ้นเมื่อคืนนี้แสดงว่าเราไม่ต้องสู้กันแล้ว พวกเจ้ากำลังจะเดินออกไปจากป่าใช่ไหม ให้ข้าไปด้วยเป็นไง อย่างน้อยก็คอยช่วยกันระวังตัวได้”
เซนซาเสนอตัวและบอกข้อดีของตัวเองไป
“มาคนเดียวเหรอ”
“คนเดียว”
ทั้งสองจ้องกันสักพักจนในที่สุด ก็มีเสียงไอดังออกมาจากป่า มันคือเสียงของกรีที่หน้าซีดไอจนหมดสติไป
กายรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ค่อยดีแล้ว ถ้ายังไม่รีบออกจากป่าไปกรีได้ตายแน่
“มีคนบาดเจ็บเหรอ ให้ข้าไปช่วยอีกแรงอย่างน้อยก็ช่วยแบกเขาออกไปจากป่าได้ ข้ารู้ทางออกตรงนี้ดี เพราะในตอนเริ่มทดสอบข้าเข้ามาแถว ๆ นี้พอดี”
“เราต้องการให้เขาช่วย” อาลีน่าลดธนูลงเดินออกมาจากด้านหลัง
“ถ้ามันมีคนมาด้วยคงออกมาแล้ว พวกเราต้องพากรีออกจากป่าและไปที่จุดควบคุมภารกิจทดสอบโดยเร็วเพื่อช่วยชีวิตกรี”
อาลีน่าบอกกับกาย กายพยักหน้าตกลง ทั้งสามรับกลับไปช่วยกรี กายและเซนซาแบกกรีซ้ายขวาก่อนที่จะรีบพาตัวกรีเดินไปตามทางที่เซนซาบอกอย่างรวดเร็ว หลังสุดเป็นอาลีน่าที่อยู่ทางขวาลูก้าประคองกันวิ่งตามคนข้างหน้ามา
“ทางนี้”
เซนซาชี้ไปยังทางหนึ่ง มันไม่รกมาก แต่ก็ใช่ทางเรียบซะทีเดียว
ทั้งสามออกเดินทางกันเรื่อย ๆ ผ่านไป 20 นาทีกายคิดว่าแบบนี้ไม่ดีกับกรีอย่างแน่นอน
“หยุดแล้วทำเปลสนามให้กรีไหม”
กายเสนอไป กรีเจ็บมากจากแผลที่ขยับไปมา แต่เซนวาก็รีบปฏิเสธในทันที
“เราจะถึงทางออกแล้ว น่าจะใกล้ ๆ นี่แหละ ไว้ค่อยทำตอนออกไปก็ได้”
สายตาของเซนซาดูจะรีบร้อนมาก มันคิดจะเดินต่อ แต่แล้วกายก็หยุดนิ่งไม่ขยับ มันถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เจ้าบอกว่าได้เหรียญตราคบแล้วใช่ไหม อีกเหรียญเจ้าไปเอามาจากไหน”
การถามของกายสร้างความงุนงงให้กับอาลีน่าและลูก้าที่อยู่ด้านหลังมาก ทั้งสองไม่เข้าใจว่ากายจะมาถามอะไรตอนนี้
กายจับจ้องไปที่เซนซา มือหนึ่งเลื่อนไปจับค้อนขวาน เซนซาก็ไม่พูดอะไร และแล้วในตอนนั้นเองมันก็ยิ้มออกมาอย่างโง่
“ฮ่า ๆ เจ้าจำไม่ได้เหรอว่ามีคนบนรถม้าลากมันอยากได้เหรียญตราของข้า จึงตามมาเพื่อจัดการข้าแต่เพราะดวงดีข้าจึงเอาชนะมันมาได้ ข้าโชคดีเฉย ๆ น่าอายชะมัด”
แต่ล้วในตอนนั้นเองเซนซาก็ตวัดดาบฟาดเข้าไปที่ไนเรลจากด้านหน้า ไนเรลที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วยกค้อนขวานขึ้นมากันดาบที่คิดจะฟันทั้งตัวมันและกรี
เซนซารีบผลักตัวของกรีใช่กายก่อนที่มันจะยกดาบขึ้นมาจะแทงทั้งสองพร้อมกับ อาลีน่าที่พอจะทำอะไรได้ก็กระโจนเข้าหาเซนซาจนทั้งเธอและมันล้มลงไปอีกทาง ลูก้ารีบเข้ามาดึงตัวกรีออกจากกาย
กายรีบลุกขึ้นกำค้อนขวานในมือแน่นตรงเข้าหาเซนซา แต่อาลีน่าโดนเซนซาถีบจนกระเด็นมาด้านหลัง กายไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าไปรับตัวของอาลีน่า
“เจ้ามันสอดรู้สอดเห็นแค่ตามไปก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว” เซนซาพูดด้วยความหงุดหงิด มันปัดเศษดินออกจากตัว สภาพของเซนซาแทบไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ท่าทีเหนื่อยล้าก็หายไปจนหมด
ที่ผ่านมามันคงแกล้งสินะ…
กายเดาออกในทันที
อาลีน่าด้วยความสงสัย แม้เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เซนซาไม่เป็นมิตรอย่างที่คิดแน่นอน
“คนที่ฆ่าลันต้าคือเจ้าสินะ”
ทันทีที่กายพูดออกไป อาลีน่าก็เหมือนจะนึกอะไรออก
“ศพที่ต้นไม้”
กายพยักหน้าให้กับอาลีน่าเป็นการยืนยัน อันที่จริงมันพึ่งจะนึกหน้าของศพที่นอนตายออก มันคือลันต้าชายที่จะเล่นพยัคฆ์ห่มหนังแกะกับเซนซา ดูแล้วลันต้าคงจะตามเซนซาจนเจอ แต่ปัญหาที่มันเคยคิดบนรถม้าว่า เซนซาแกล้งเป็นเพียงนักรบฝึกหัดขึ้น 1 หรือไม่ตอนนี้ได้รับคำตอบแล้ว
“ปลอมตัวเป็นเพียงนักรบฝึกหัดขั้น 1 แล้วยังรีบร้อนพาพวกเราออกจากป่าอีก ตกลงที่กำลังจะไปใช่นอกป่าจริง ๆ ใช่ไหม”
“แต่ที่น่าสงสัยอีกอย่างทำไมเจ้าถึงไม่ใช้พลุสัญญาณยิงขอความช่วยเหลือ หรือเพราะข้างหน้าไม่มีทหารอยู่แต่เป็นอย่างอื่น”
“โจรพวกนั้น”
อาลีน่าและลูก้าพูดออกมาพร้อมกัน พวกมันกำลังวิ่งเข้าไปที่ลังโจร ถ้าอย่างนั้นเซนซาก็คือสายของโจร อาลีน่าและลูก้ารู้สึกเหลือเชื่อมากจากข้อสรุปของตัวเอง
เซนซาไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ มันเพียงยิ้มออกมาเท่านั้น
“เพราะอะไรทำไมถึงเป็นสายโจร”
อาลีน่าถามด้วยความเกลียดชัง ตอนนี้ถ้าเธอมีธนูอยู่ในมือคงยกขึ้นมายิงเซนซาแล้ว แต่น่าเสียดายเธอทำมันตกไปเมื่อสักครู่
หรือว่าต้องใช้แหวน.. หญิงสาวสัมผัสแหวนที่นิ้วของเธอเบา ๆ
“หึ…หลานสาวของอาจารย์ใหญ่ผู้ทรงเกียรติแอดดิสันคงไม่เข้าใจหรอก แต่เจ้าอาจจะเข้าใจ เดวิน! คนที่สามารถเข้าเรียนสถาบันศาสตร์นักรบด้วยโควตากองทัพเหมือนกับข้า”
กายหรี่คิ้วขมวดตาจับจ้องไปที่เซนซา มันรู้จักชื่อของเรา…