ตอนที่ 61 รวมตัวหลังจบการทดสอบ
โลกราชัน
นครดาราฟ้า สถาบันศาสตร์นักรบ อาคารโรงพยาบาล
วันที่ 3 เดือน 2 ปีดาราที่ 997 เวลา 10.00 น.
อากาศยังคงร้อนแรงสมกับเป็นหน้าร้อน ยังดีที่หลายวันก่อนมีฝนตกมันจึงช่วยบรรเทาลงไปได้มา
กายผู้แบกกล่องไม้เดินออกมาจากโรงพยาบาลกําลังตรงไปยังห้องพักพลางปาดเหงื่อบนใบหน้าเป็นบางครั้ง
วันนี้คือวันที่สองหลังจากนอนรักษา แม้แผลของชายหนุ่มจะยังไม่หายดี แต่อาการโดยรวมนั้นหายเกือบจะเป็นปกติแล้ว พละกําลังกลับคืนมาเกินครึ่งแล้วเช่นกัน
นอกจากของส่วนตัวแล้ว กายยังยาทะเลสีครามมาที่เหลืออยู่ครึ่งขวด ขณะรับยาทะเลสีครามมามันก็สงสัยว่าทําไมทางหมอถึงไม่ให้ตนกินให้หมดจะได้หายเร็วขึ้น แต่พอฟังจากนางพยาบาลสาวสวยที่ชื่อ เบลล์ อัสลิน นางพยาบาลที่ดูแลตนเองว่า ยาทะเลสีครามหนึ่งขวดสามารถแบ่งดื่มได้สองชุด ผู้บาดเจ็บดื่มไปเพียงครึ่งขวดก็เพียงพอ ถ้าดื่มมากไปกว่านั้นก็ไม่มีผลอะไร
ยาทุกชนิดย่อมมีข้อจํากัด นี้คือสิ่งที่กายเรียนรู้
บางทีในโลกราชันอาจจะมียาชนิดที่ดื่มแล้วแผลหายในทันที เหมือนยาในเกมอื่น ๆ ที่มักจะมีอยู่ แต่กายรู้ว่าด้วยระดับตนตอนนี้คงยากจะได้ครอบครอง
กายถือยาครึ่งขวดเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างดี
ในเมื่อทางอาจารย์ใหญ่แอดดิสันเป็นคนมอบมาให้เพื่อรักษาเราและไม่เก็บที่เหลือคืนไป ก็แสดงว่าทางนั้นได้ให้เป็นเหมือนกับของขอบคุณที่ช่วยเหลืออาลีน่า ดังนั้นเราควรจะเก็บมันไว้ให้ดี
กายยิ้มออกมาอย่างพอ
เมื่อมาถึงหอพัก กายเปิดประตูเข้าไปก็ต้องขมวดคิ้วชนกันอย่างไม่รู้ตัว ภายในห้องมีกลิ่นอับชื้นจากการที่ไม่มีอากาศถ่ายเทหลายวัน
แต่ตอนนี้กายไม่มีเวลา เพราะมันต้องรีบแต่งตัวและไปที่สนามประลองกลางปราสาท พิธีประกาศผลสอบจะเริ่มในอีกไม่ถึงชั่วโมง
ตอนนี้เวลา 11.30 น. เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง กายคํานวณเวลาในใจคร่าว ๆ หลังจากหมองดูนาฬิกาหน้าหอพัก
“เดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการห้องแล้วกัน” มันพึมพําก่อนจะรีบเก็บของทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง กล่องไม้ใส่ชุดเกราะเกล็ดทมิฬถูกสอดไว้ใต้เตียง
หลังจากเปลี่ยนเสื้อมาเป็นชุดนักเรียนชั้นปี 1 สถาบันศาสตร์นักรบ เสื้อและกางเกงสีเทาซึ่งปักสัญญาลักษณ์ดาวหกแฉกที่แทนดวงดาวและหมู่เมฆที่แทนท้องฟ้าของนครดาราฟ้า กายยัดหนังสือบันทึกช่างโลหะและกระเป๋าเงินเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพิเศษที่อยู่ด้านใน
จากนั้นก็จัดการใส่รองเท้าคู่เก่าที่มีรอยขาดหลายจุด กายมองหัวนิ้วโป้งที่โผล่ออกมามันฝืนยิ้มกับสภาพของตนเอง
“เฮ่อ…หลังจากประกาศผลสอบแล้ว คงต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าและของใหม่”
กายคิดไปถึงของที่อยู่ในกระเป๋าซึ่งโดนอาลีน่ายิงจนของกระจายไปทั่วปา
“ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ไม่ซื้อทั้งชุดและโรงเท้าสํารองไปซะก็ดี เปลืองเงินชะมัด” แต่ถึงกายจะคิดแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงมันรู้ดีว่าเตรียมตัวไปพร้อมดีกว่าไม่เตรียมอะไรเลย อีกอย่างในตอนนั้นของพวกนั้นก็ช่วยให้ชายหนุ่มรอดมาได้ ไม่อย่างนั้นคงโดนเล่นงานจนพ่ายแพ้ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมันคงมาเก็บของเดินออกจากห้องพัก แทนที่จะแต่งตัวเดินไปที่สนามประลองกลางปราสาท
กายเดินมาถึงสนามประลองกลางปราสาทก่อนเริ่มประมาณ 10 นาที ตอนนี้ผู้คนชั้นปี 1 เข้ามารวมกันที่นี่จํานวนมาก
แต่ไม่มากเหมือนครั้งก่อน…
กายกวาดสายตามอง ถ้าหักจากนักเรียนที่ตายไป 183 คน ก็คงเหลือคนมากกว่านี้ แต่ยังต้องหักคนที่สอบตกและโดนแย่งชิงเหรียญตราไป นักเรียนเหล่านั้นจะโดนไล่ออกไปในทันที ไม่จําเป็นต้องเข้าร่วมให้เสียงเวลา
“ประมาณร้อยคนกว่าคนไม่เกินสองร้อยคน” กายกลืนน้ำลายอีกใหญ่เมื่อได้ตัวเลขออกมา
จากหนึ่งพันเหลือสองร้อย สถาบันศาสตร์นักรบคัดคนโหดอย่างมาก..! แต่บางที่อาจจะน้อยกว่านี้ถ้าไม่มีกิลด์กะโหลกแดงมาก่อเรื่อง
ในตอนนั้นเองอาลีน่าและอีกสองคนประกอบด้วย ลูก้าและหญิงสาวที่ชื่อ เอนาย่า เดินเข้ามาหากาย มันสังเกตทั้งสามคนในทันที
อาลีน่านั้นปกติเหมือนเช่นเคย ในสายตามีความภาคภูมิใจอยู่เต็มเปี่ยม ทางด้านลูก้ายังคงเดินเหมือนคนเจ็บขา แต่ไม่ได้ใช้ไม้ค้ำอาจจะเพราะแผลใกล้หาย หรือไม่ลูก้าก็แค่ไม่อยากให้ตัวเองดูอ่อนแอในสายตานักเรียนคนอื่น ๆ แต่ดูแล้วจะเป็นอย่างแรกมากกว่า
เพราะในเมื่อเขายังได้รับการรักษาด้วยยาทะเลสีคราม ลูก้าก็คงได้แบบเดียวกัน
แต่สุดท้ายคือ เอนาย่า สายตาของเธอดูขุ่นมัวราวกับเจอเรื่องแย่ ๆ มามันยังแฝงความโกรธแค้นที่เห็นได้อย่างชัดเจนด้วย
ถ้าเราจําไม่ผิดตอนนั้นอาลีน่าหนีรอดออกมาพร้อมกับ กรีและ ลูก้า แต่เอนาย่าไม่ได้ตามออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ตาย แต่ คงโดนโจรผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงจับไปสินะ
พอคิดมาถึงตรงนี้ กายก็ไม่อยากจะคิดว่าเธอจะโดนอะไรมาบ้าง
อาลีน่าเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้ากาย หญิงสาวมองกายสักพักทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มันต่างเงียบมองกันและกัน จนกระทั่งในที่สุดกายขี้เกียจเล่นจ้องตากับคนที่คิดแต่แข่งขัน
“ขอบคุณสําหรับยาทะเลสีคราม”
กายขอบคุณเรื่องยาทะเลสีครามเพราะถ้าไม่ได้ยาทะเลสีคราม มันอาจจะต้องนอนอีกหลายวันจน หรืออาจจะครึ่งเดือน ทําให้โดนผู้เล่นส่วนใหญ่ไล่ตามระดับพลังได้ นั้นจะทําให้ในแดนสงครามกายต้องลําบากอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไร เราหายกัน”
อาลีน่าตอบกลับมาแบบห้วน ๆ ด้วยท่าทีของผู้ชนะก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ กายที่ไม่คิดว่าเธอจะตอบสนองแบบนี้ มันก็ถึงกับทําอะไรไม่ถูก ปล่อยให้อาลีน่าเดินออกไป
อาลีน่าเดินออกไปได้สองสามเก้าหญิงสาวก็ยิ้มมุมปากโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
กายยังนิ่งอยู่ มันรู้สึกเส้นเลือดที่ขมับเต้น ตุบ! ๆ กําลังจะตัดสินใจว่าจะไปท้าสู้กับเธอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยหรือเปล่า เราอุสายยอมพูดก่อนแต่เธอยังมาวางท่าใส่อีก เฮ่อ…ลูกผู้ชายไม่ควรรังแกผู้หญิง
อันที่จริงแล้วกายไม่มั่นใจว่าจะชนะ ด้วยสภาพมันตอนนี้ ไม่ควรจะทําตัวโดดเด่นจะดีที่สุด
ในตอนนั้นเองก็มีมือมาสะกิดที่ด้านหลัง ชายหนุ่มหันหน้าไปก็ต้องตกใจ เพราะไม่มีใครอยู่ในสายตา
“ผีหลอก!” กายพูดด้วยความตกใจ แต่พอมองห่างไปสองสามเมตรมันเห็นมีอายืนอยู่ และต่ำลงไปด้านหน้ามีเสียงหายใจฟัดฟัดไม่พอใจดังอยู่
กายก้มลงไปมองเห็นลิลี่มองด้วยรอยยิ้มตายด้านจากนั้นเธอยกหมัดขึ้นมาพลางช้า ๆ
“เออ..เดี๋ยวก่อน ข้า…อัก!”
ยังไม่ทันที่มันจะพูดจบประโยคน์หมัดของลิลี่ก็ชัดเข้าไปที่ท้องดัง อุ๊ก! งอตัวด้วยความจุกหลังจากนั้นลิลี่ก็ทําท่าเป่าหมัดเบา ๆ
มีอาเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมา เธอรู้สึกสงสารกายแต่ก็ขําไปด้วยเช่นกัน มีอาเดินเข้าไปดูกายว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า
กายยิ้มออกมาอย่างอื่นขม มันไม่น่าพูดแบบนั้นเลย
“เจ้าไหวไหม”
“ไม่เป็นอะไร ข้าแข็งแรงขึ้นมากแล้ว”
กายฝืนยิ้มให้มีอา ที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บมากอย่างที่คิดดูเหมือนลิลี่ยังยั้งมือไว้
“เขากลายเป็นนักรบฝึกหัดขั้นสองแล้ว” ลิลี่พูดออกมาอย่างมั่นใจ
เธอรู้ได้ยังไง!
กายมั่นใจว่ามันยังไม่ได้บอกใครถึงเรื่องนี้
“ลิลี่มีความสามารถพิเศษ เวลาเธอโจมตีใครจะสัมผัสถึงระดับของคนที่โดนเธอจู่โจมได้”
มีอาอธิบายอย่างง่าย ๆ ทางด้านลิลี่ก็ยืนยิ้มกอดอกด้วยความภาคภูมิใจ กล่าวเสริมว่า “มันคือความสามารถตั้งแต่เกิด”
น่าสนใจมาก!
นี่เป็นครั้งแรกที่มันพึ่งได้ยิน NPC บางคนมีความสามารถพิเศษ ลิลี่เกิดมามีทั้งพละกําลังที่มาก และยังรับรู้ระดับของคนที่เธอโจมตีได้ด้วย โดยปกติแล้วจะไม่สามารถรู้ระดับของคนอื่นได้ นอกจากการคาดการฝีมือในตอนสู้กันหรือในกรณีที่ปลดปล่อยพลังจนอีกคนสัมผัสได้ ถึงจะระบุระดับได้อย่างถูกต้อง
แต่ลิลี่ไม่จําเป็น เธอรู้ได้หลังจากโจมตีโดนตัวคู่ต่อสู้ทันทีไม่ว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือไม่ก็ตาม
ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่หลายนาทีก่อนจะแยกเข้าไปยืนประจําแถว ตอนนี้ทุกคนในสนามประลองกลางต่างก็ยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบราวกับกองกําลังทหารขนาดย่อม ๆ ซึ่งจะเรียกแบบนี้ก็ไม่ผิด เพราะสถาบันศาสตร์นักรบ ถ้าจะพูดให้อย่างชัดเจนก็คือโรงเรียนเตรียมทหารระดับสูงให้เข้ารับใช้กองทัพ
12.00 น.
สนามประลองกลาง
เสียงฝีเท้าของเหล่าอาจารย์ต่างเดินมารวมกันด้านหน้านักเรียนชั้นปีหนึ่ง เหมือนกับเช่นตอนที่พวกเขาเคยรวมตัวก่อนเข้ารับการทดสอบ อาจารย์อิกลิน อาจารย์เฟรา อาจารย์เอลลิน สุดท้ายอาจารย์คาร์เตอร์ แต่สีหน้าของอาจารย์ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดเจน
ยกเว้นอาจารย์อิกลินที่ยังเข้มข็งเหมือนเดิม กายเสริมในใจ
หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ใหญ่แอดดิสันก็ก้าวขึ้นมา บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับหนักอึ้งขึ้นมา กายสัมผัสได้คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
สายตาที่ทรงอํานาจของอาจารย์ใหญ่แอดดิสันมองไปยังหลานสาวของตัวเอง อาลีน่าก้มหัวให้กับอาจารย์ใหญ่แอดดิสันอย่างนอบ นอม
อาจารย์ใหญ่แอดดิสันกวาดสายตาจนไปหยุดอยู่ที่กาย แอดดิสันจ้องกายด้วยตรวจสอบสองสามวิก่อนจะชักสายตากลับโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เล่นเอาชายหนุ่มเหงื่อแตกไปทั้งตัวราวกับอาบน้ำ
เกิดอะไรขึ้น! สายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง หรือว่าความลับที่เราเป็น NPC จะแตกแล้ว ไม่น่าใส่สิ ถ้าแบบนั้นเราคงไม่ยืนรอดมาถึงตรงนี้คงจะโดนอาลีน่าชักดาบฆ่าทิ้งในทันทีไปแล้ว
ต้องเป็นเรื่องอื่น แต่คือเรื่องอะไร ช่างมันต้องนี้ต้องตีเนียนเป็นเดวินจากหมู่บ้านนายพราน
กายรีบผ่อนลมหายใจปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว มันต้องไม่ทําตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม ตอนนี้มันมีสถานะเป็นเดวิน
อาจารย์ใหญ่แอดดิสันหลังจากเลิกจับจ้องกาย ก็คิดในใจด้วยความพอใจ
เด็กนี่ไม่เลว…คงเป็นคู่แข่งให้กับอาลีน่าได้
หลังจากนี้อาลีน่าคงพัฒนาขึ้นอีกมาก
อาจารย์ใหญ่แอดดิสันเก็บซ่อนออร่าพลังของตนเอง ก่อนจะเปิดปากกล่าวถึงเรื่องแรก
“การทดสอบในครั้งนี้ ข้ารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง การตายของนักเรียนชั้นปี 1 จํานวน 183 คนคือเรื่องน่าเศร้า แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ทางเราไม่นิ่งนอนใจและปล่อยให้ผู้ที่ลงมือลอยนวลไปอย่างแน่นอน ทางเราได้เตรียมแผนตอบโต้ไว้แล้ว”
มาแล้ว! ความฉิบหายของผู้เล่น..
กายกล่าวในใจและจับจ้องคําพูดของอาจารย์ใหญ่แอดดิสัน ทางนครดาราฟ้าไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปอยู่แล้ว และเป็นไปตามที่กายคาดการ พวกเขาวางแผนตอบโต้กลับไปอยู่