บทที่ 55
ข้าชื่อฉูจงฉวน
ท้องไส้ของฮู่อู๋ปั่นป่วนไปหมด
ใครมันจะไปคิดว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านพลังวิญญาณมารอการระบุตัวตนของสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ที่ตั้งประมูลอยู่กันพร้อมหน้าขนาดนี้
ต่อให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ แต่เขายอมรับความผิดและขออภัย การตัดสินใจก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง
ถ้าไม่ติดที่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเพื่อนของนายน้อยเจ็ด
โอกาสที่เขาจะรอดนั้นยากมาก
มันเป็นงานที่มีโอกาสในการเลื่อนขั้นยากที่สุด การเป็นคนขนสินค้าด้านในโกดังนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับความชื่นชอบ ชีวิตนี้ไม่ต้องคิดเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเลย
มู่เฉิงกำลังขมวดคิ้ว เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้
“โอ้ ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ” ฉูจงฉวนเองก็ขมวดคิ้วและพูดติดตลกว่า “มู่เฉิง เจ้าไม่อยากจะพูดอะไรหน่อยเหรอ”
“จะให้ข้าจะพูดอะไรล่ะ ข้าแค่มาที่นี่เพื่อขายของ”
“เรื่องนี้มันเกิดจากเจ้า” ฉูจงฉวน พูดเชิงล้อเล่น “จะว่าไปแล้วดูเหมือนว่า เจ้าจะเป็นคนที่พูดเป็นคนแรกนะ ว่าเจ้าสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์นี่เป็นของปลอม”
“เจ้าจำผิดแล้วล่ะ” มู่เฉิงกล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็ได้ ๆ ถ้าเจ้าว่าอย่างนั้น”
ฉูจงฉวนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
นายน้อยตระกูลมู่ที่มีชื่อเสียงอย่างมู่เฉิง เขาคงจะไม่ได้รับอันตรายจากเรื่องนี้และก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับมันอีก
อย่างไรก็ตามฉูจงฉวนก็มีความสุขมากที่เขาสามารถทำให้มู่เฉิงหน้าซีดพูดไม่ออกได้ เขายินดีมากที่ได้เจอกับลั่วอู๋ในวันนี้
เป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ
มู่เฉิงนำหินสายรุ้งกลับมาแล้วหันหลังกลับไป
มันเสียเวลาที่จะอยู่ที่นี่ต่อ มันคงจะดีกว่าถ้าเขาออกไปก่อนแล้วค่อยกลับมาที่โรงประมูลอีกครั้งเพื่อขายหินสายรุ้ง เขาต้องหาเวลาในการหาเงินเพื่อเข้าร่วมการประมูลสินค้า
นั่นคือเป้าหมายที่มีความสำคัญสูงสุด
หยินหนานมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เจ้าหนุ่ม เท่านี้ก็พอใจเจ้าแล้วสินะ”
“ใช่แล้ว” ลั่วอู๋พยักหน้า
หยินหนานกล่าวด้วยความโล่งใจ “เจ้าจะเข้าไปข้างในเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการประมูลสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์กับข้าได้รึเปล่า ข้าสามารถสัญญากับเจ้าได้ว่าโรงประมูลของเราจะไม่คิดค่านายหน้าใด ๆ สำหรับการประมูลครั้งนี้”
โดยทั่วไปโรงประมูลจะคิดค่านายหน้า 5% ถึง 10%
หากมูลค่าของสินค้าที่ถูกประมูลสูง ค่านายหน้าที่โรงประมูลได้รับก็จะสูงตาม
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ไม่ ไม่เป็นไร ข้าไม่ต้องการทำการประมูลผ่านโรงประมูลเฉิงเทียน”
หยินหนานกำลังรีบพูดต่อ “ใจเย็น ๆ นะเจ้าหนุ่ม ถึงนี่จะเป็นความผิดของโรงประมูลเฉิงเทียนก็จริง แต่ข้าจะให้บัตรสมาชิกพิเศษ เจ้าสามารถซื้อของในร้านในเครือของเฉิงเทียน พร้อมส่วนลด 20% และ ..”
“ไม่เป็นไร ความโกรธของข้าหายไปแล้ว” ลั่วอู๋ส่ายหัว
“มันคือฮู่อู๋ที่ใส่ร้ายข้า ตั้งแต่ที่เขาถูกลงโทษ เรื่องนี้ก็จบลงแล้วไม่จำเป็นต้องเก็บค่าชดเชย”
หยินหนานรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจความหมายของลั่วอู๋
“เจ้าหนุ่ม แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ต้องการตั้งประมูลผ่านโรงประมูลเฉิงเทียนของเรากันล่ะ” หยินหนานถามอย่างระมัดระวัง
ลั่วอู๋ คิดและพูดอย่างจริงจัง “เพราะข้าไม่ชอบโรงประมูลเฉิงเทียน ข้าไม่ต้องการเข้าประตูโรงประมูลเฉิงเทียนอีก”
สีหน้าของหยินหนานแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำนั้น
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังคงโกรธอยู่
เขาเข้าใจลั่วอู๋ผิดไป
นี่คือตัวตนของลั่วอู๋ เป็นสิ่งที่เขาเป็น
ถ้าเขาโกรธจริง ๆ ละก็ เขาจะโกรธเหมารวมโรงประมูลเฉิงเทียนไปด้วย แทนที่จะบอกว่าเขาไม่ได้โกรธ
มันจบแล้ว
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะยังลังเลบ้าง เกี่ยวกับการกลับไปที่โรงประมูลเฉิงเทียน
“ตัวตนที่แท้จริงของน้องชายลั่วนั้นเป็นสุภาพบุรุษ ห่างไกลจากคำว่าคนหน้าซื่อใจคดมาก” หวังฉีหัวเราะและตบไหล่ลั่วอู๋ “ไปที่โรงประมูลในเครือคฤหาสน์ชวนเทียนของข้าสิ สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์นั้นมีค่าเพียงพอแล้ว สำหรับมาตรฐานการประมูลสินค้าของเรา เมื่อการประมูลเริ่มขึ้นข้าจะจัดที่นั่งที่ดีที่สุดให้เจ้าเลย”
การประมูลสินค้า
สิ่งที่สามารถขึ้นมาบนเวทีการประมูลต่างก็เป็นสินค้ามีค่าที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
และผู้ที่สามารถมีส่วนร่วมในการประมูลสินค้าได้มีเพียงแค่คนรวยหรือผู้มีฐานะ
ผู้คนต่างมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความอิจฉา
นี่เป็นโอกาสที่คนธรรมดาไม่สามารถเอื้อมถึงได้
ลั่วอู๋พยักหน้า “ตกลง”
เขาประทับใจในตัวหวังฉีมาก เขาคนนี้มีบุคลิกที่สดใสและตรงไปตรงมา สะดวกสบายในการเข้าหาและพูดคุย
“ไปกันเลย ไปกันเลย ไปกัน” หวังฉีหัวเราะฮ่า ๆ แล้วนำทางลั่วอู๋ไป
หยินหนานได้แต่นั่งว้าวุ่น ที่หวังฉีเองก็จากไปด้วย “ท่านหวังฉี พวกเรายังมีอะไรที่จะต้องพูดคุยกันอีก ข้ามีคอลเลกชัน สินค้าหายาก … “
“ไม่ ไม่ เรื่องนั้นเราค่อยพูดถึงมัน ในครั้งต่อไปที่ข้ามาที่นี่อีก” หวังฉีโบกมือของเขาและไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
หยินหนานมีสีหน้าเศร้าหมอง
เขาคงจะไม่กลับมาอีกแล้วมันจะไม่มีโอกาสหน้า
เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ จึงจะเชิญเขามาเป็นแขกรับเชิญได้อีก
มันแทบไม่มีโอกาสอีกเลย
เขาไม่คิดว่าจะมีอีกครั้งที่ทำสำเร็จ
ความเห็นอกเห็นใจและเยาะเย้ยปรากฏขึ้นในสายตาของฝูงชน
“ฮู่อู๋ เจ้าคนชั่วและคนงานคนอื่น ๆ ทั้งหมดด้วย ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้ อธิบายซะว่าเกิดอะไรขึ้น” หยินหนาน คำรามและผู้คนในโรงประมูลเฉิงเทียน ก็ได้แต่ตกตะลึง
……
……
“เจ้าหนุ่ม”
ลั่วอู๋กำลังเตรียมจะไปที่รถม้าของคฤหาสน์ชวนเทียน ซึ่งเมื่อเขาได้ยินคนเรียกตัวเองเขาก็หยุดลงและหันกลับมา เขาก็พบว่าเจ้าของเสียงคือ ฉูจงฉวน
“ท่านต้องการอะไรรึเปล่า” ลั่วอู๋ถาม
ฉูจงฉวน ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าเราพบกันอีก ชื่อของข้าคือ ฉูจงฉวน”
“ข้ารู้ว่ามีคนจำนวนมากกำลังเรียกท่านว่า นายน้อยผู้แสนโรแมนติกของตระกูลฉู ฉูจงฉวน” ลั่วอู๋ พยักหน้า
ฉูจงฉวน พูดอย่างสุภาพ “ฉายามันก็แค่ฉายาน่ะ”
แต่เมื่อมองดูรอยยิ้มของเขา ก็รู้ได้ว่าเขาภูมิใจในฉายานั้น
“ชื่อของเจ้าล่ะ เจ้าหนุ่ม” ฉูจงฉวนดูเหมือนจะต้องการทำความรู้จักกับลั่วอู๋
ลั่วอู๋ตอบกลับไปว่า “ลั่วอู๋”
“นามสกุลลั่ว, มิน่าทำไมผมสีเงิน” ฉูจงฉวนสงสัย “เจ้าหนุ่ม เจ้าดูจะไม่ใช่คนในตระกูลลั่ว ที่เก่งด้านการปรับแต่งปีศาจและลิงเผือกสินะ”
ชื่อเสียงของตระกูลลั่ว เริ่มต้นจากการปรับแต่งสัตว์วิญญาณ
พวกเขามีชื่อเสียงในด้านการฝึกฝนปีศาจและลิงเผือก
พวกมันเป็นสัตว์วิญญาณระดับเพชรที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่อัตราในการปรับแต่งทำซ้ำนั้นแย่มาก
แต่ตระกูลลั่ว พวกเขามีวิธีที่ไม่เหมือนใครในการปรับแต่งความสามารถในการสืบพันธุ์ของพวกมัน
ลั่วอู๋ขยิบคิ้วของเขาและยอมรับอย่างไม่เต็มใจ “ใช่ แต่ข้าไม่ใช่ นายน้อยของตระกูลลั่วแล้ว ข้าเป็นแค่ลูกชายที่ถูกเนรเทศและถูกขับออกจากบ้านหลักของตระกูล”
“ลูกชายที่ถูกเนรเทศ” ฉูจงฉวนมองลั่วอู๋ ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างประหลาดใจ “ไม่จริงน่า ถึงแม้มิติพลังวิญญาณของเจ้าจะไม่สูงมาก แต่ระดับทองแดง 6 ในวัยเด็กเท่าเจ้าในหมู่เพื่อน ๆ อย่างน้อยเจ้าก็ถือว่าเป็นระดับกลางเลยนะ”
ลั่วอู๋ส่ายหัว ดูเหมือนเขาไม่เต็มใจที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฉูจงฉวนเข้าใจความหมายท่าทางของอีกฝ่าย เขาฉลาดมากที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ แต่พูดคุยกันเพียงสองสามคำแทน
“เอาล่ะ แล้วสาวน้อยคนนี้เป็นคนรักของเจ้ารึเปล่า” ฉูจงฉวนมองดูที่หลี่หยินและถามด้วยความอยากรู้
แก้มของหลี่หยินมีสีแดงเรื่อ นางรีบส่ายหัวอย่างรีบเร่ง “ข้าเป็นเพียงแค่คนรับใช้ของนายน้อยเจ้าค่ะ”
“สาวใช้อย่างนั้นหรือ ไม่หรอกมั้ง” ฉูจงฉวนพูดพร้อมกับยิ้ม “แมวผีในมือของเจ้าเป็นสัตว์วิญญาณที่หายากมาก มันเป็นหนึ่งในสหายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักฆ่า”
“เป็นแบบนั้นเหรอเจ้าคะ” หลี่หยินลูบหูอันอ่อนนุ่มในอ้อมแขนของนางพลางรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย “ปรากฏว่าเสี่ยวหลวนเป็นสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งมาก ข้าได้มันมาจากนายน้อยเจ้าค่ะ”
เจ้าแมวผีตัวน้อยกลิ้งเกลือกในอ้อมแขนของหลี่หยินตาสีเหลืองอำพันอันว่างเปล่า เผยให้เห็นความน่ารักอันไม่มีที่สิ้นสุด
“ เจ้าหนุ่ม เจ้าคงต้องฝึกหนักหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นระดับมิติวิญญาณของสาวใช้เจ้าได้ตามทันเจ้าแน่” ฉูจงฉวนพูดเชิงล้อเล่น
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็รู้สึกตัว
หลี่หยินได้มาถึงระดับทองแดงมิติ 4 แล้วโดยไม่รู้ตัว
เร็วสุด ๆ !
นางเพิ่งฝึกมาได้ไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าคุณสมบัติของหลี่หยินนั้นจะสูงกว่าของตัวเขาเองมาก
“ เนื่องจากข้าชื่นชอบในความงาม … ” ฉูจงฉวนแสดงร่องรอยของความรู้สึกลึก ๆ ในสายตาของเขา น้ำเสียงของเขาอยู่ในระดับต่ำและความอ่อนโยนของเขาก็เหมือนกับสายน้ำ “แม่นาง จะสะดวกไหมหากข้าจะเชิญท่านไปพายเรือ เพลิดเพลินไปกับดวงจันทร์ยามค่ำคืน”
หลี่หยินก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก
“ฉูจงฉวนเจ้าคิดจะทำอะไร”
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของลั่วอู๋ หลี่หยินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข
ดูเหมือนว่านางจะยังคงมีความสำคัญมาในสายตาของนายน้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าล้อเล่นน่ะ” ฉูจงฉวนขำ รอยยิ้มเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ประสบความสำเร็จอย่างซุกซน “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวไปก่อน หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก”
หลังจากนั้นฉูจงฉวนก็หันหลังกลับและเดินจากไปอย่างอิสรเสรี
“ ฮ่าฮ่า สมกับเป็นคนตระกูลฉู, ฉูจงฉวน หนึ่งในวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงในแดนใต้ ช่างเป็นคนที่น่าสนใจ ข่าวลือเกี่ยวกับเขาดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงสินะ” หวังฉีพูดด้วยรอยยิ้ม
ลั่วอู๋ยักไหล่
ใช่เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เป็นคนที่ดีน่าคบหา
หากจะมีเขาเป็นเพื่อนมันก็ไม่เลว