“ท่านจื่อจิน ข้าไม่เข้าใจ! ให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาวไปก้มหัวคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนั้น! หลังจากวันนี้ไปข้า ชิงหยูผู้นี้ย่อมจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งมหาพิภพถงเทียนแล้ว!”
เมื่อจัดการส่งเย่หยวนเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วชิงหยูก็รีบเข้ามาแสดงความไม่พอใจต่อจื่อจินทันที
งานใหญ่มโหฬารอย่างงานประชุมโอสถสหภูมิภาคนี้ล้านๆ ปีมันจะเกิดขึ้นสักครั้ง
แน่นอนว่าเหล่ายอดคนจากกองกำลังค่ายสำนักใหญ่โตทั้งหลายต่างมารวมกันสิ้น ไม่มีที่ใดจะหลบซ่อนสายตาผู้คนไปได้
วินาทีที่ชิงหยูคุกเข่าลงนั้นมันก็เหมือนกับเขาได้ทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาวไปสิ้น มีหรือที่เขาจะทนรับได้?
จื่อจินนั้นมองดูพร้อมถอนหายใจยาว “ข้าต้องขออภัยด้วยจริงๆ ตัวข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์ท่านจึงได้สั่งเช่นนี้ออกมา แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามท่านสั่ง!”
ชิงหยูกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้ามึนงง “วิหารนักบวชนั้นอยู่สูงล้ำเหนือหัวผู้คนทั้งหลาย แต่ต่อหน้าอาณาจักรหทัยเมฆาเราแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีค่าใดมากมาย! ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ไม่เข้าใจเลย!”
จื่อจินจึงร้องตอบกลับมา “อาจารย์ท่านย่อมมีเหตุผล มันมิใช่เรื่องที่เราจะไปถามไถ่ได้ หากเจ้าคิดอยากโทษใครก็ไปโทษตัวเองเถอะที่ไปหาเรื่องเขาแต่แรก ไม่ว่าจะอย่างไรเขานั้นก็ได้รับการยอมรับจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ย่อมจะต้องมีทางรอดได้ต่อให้ข้าไม่ออกหน้า!”
ชิงหยูกัดฟันแน่นกล่าวออกมา “จะอย่างไรข้าก็ไม่คิดยอมรับ! หากข้ามีโอกาสข้าจะต้องเอาคืนมันให้ได้!”
จื่อจินตอบกลับไป “เจ้าก็อย่าได้กังวลให้มากไป งานประชุมโอสถสหภูมิภาคครั้งนี้มันมียอดอัจฉริยะมากมายมหาศาล ในหมู่คนทั้งหลายนั้นคนที่มีพรสวรรค์ไม่แพ้เขาผู้นั้นก็คงมีอยู่บ้าง เขานั้นมีตำแหน่งสูงล้ำด้วยอายุน้อยนิดแน่นอนว่าต้องถูกคนทั้งหลายคิดสงสัย เจ้ารอไปเถอะ เดี๋ยวก็จะได้เห็นเรื่องสนุกๆ เอง”
ชิงหยูเบิกตาขึ้นทันทีที่ได้ยิน สีหน้าของเขานั้นเริ่มกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง
ใช่แล้ว จะมีตำแหน่งเป็นรองมหาปราชญ์แล้วทำไม?
งานประชุมโอสถสหภูมิภาคครั้งนี้มันรวบรวมยอดฝีมืออัจฉริยะจากทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียนมาสิ้น
บางกลุ่มบางค่ายสำนักนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเสียด้วยซ้ำ!
มีหรือที่พวกเขาทั้งหลายจะยอมรับเด็กคนหนึ่งมาร่วมวง?
หากเย่หยวนนั้นเป็นศิษย์ของรองมหาปราชญ์นั้นก็ยังพอว่า แต่นี่เขากลับเป็นรองมหาปราชญ์!
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นกลายเป็นว่ามีรุ่นอาวุโสต่ำกว่าเย่หยวนไปรุ่นหนึ่ง มีหรือที่คนทั้งหลายจะทนทานรับได้?
จื่อจินหันไปมองพร้อมกล่าว “เย่หยวนนั้นได้ทำร้ายน้องชายของเล้งเทียนฉีมิใช่หรือ? เวลานี้ตัวเขานั้นน่าจะมีแต่ความไม่พอใจอย่างมากแน่ เจ้าลองไปหาเขาสิ บอกให้เขาส่งศิษย์ยอดอัจฉริยะออกมามันย่อมจะมีคนที่กล้าพอไปท้าทายหาเรื่องเย่หยวนแล้ว ตราบเท่าที่มันมิใช่คนของเราตรงๆ ข้าว่าอาจารย์ท่านก็คงไม่ว่าอะไร”
เมื่อชิงหยูได้ยินเขาก็ยิ้มกว้างออกมา “ทำไมข้าถึงคิดเรื่องนั้นไม่ได้กัน! ท่านจื่อจินฉลาดล้ำเสียจริงๆ ปลุกข้าให้ตื่นจากฝันร้ายนี้ได้ในทันที! รองมหาปราชญ์ใดๆ นั้นข้าจะเปิดเผยธาตุแท้ของมันให้โลกหล้าได้เห็นเอง!”
…
เวลานี้เย่หยวนได้มาถึงยังเขาขนนกบนเทือกเขาหทัยเมฆา ที่แห่งนี้มันคือที่พักที่ถูกจัดไว้ให้แก่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
“รองมหาปราชญ์!” จีโมเดินออกมาก้มหัวคารวะ
เวลานี้จีโมนั้นนับถือเย่หยวนเหมือนเป็นครูบาอาจารย์ไปอีกคนหนึ่งแล้ว
เย่หยวนพยักหน้ารับ “นำทางไปเถอะ”
“เชิญ!”
จีโมหันหน้าเดินกลับเข้าไปในโถงใหญ่ภายใน
โถงนั้นมันดูไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่ยามเฝ้าใดๆ
เวลานี้ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดแสนธรรมดากำลังนั่งอยู่ตรงกลางโถงใหญ่นี้พร้อมชุดโต๊ะชา
ไม่ไกลจากชายวัยกลางคนผู้นั้นมันก็มีคลื่นพลังยิ่งใหญ่อีกสิบสายกำลังก้มหัวลงด้วยท่าทางเคารพอย่างมาก
ครั้งแรกที่เย่หยวนได้เห็นชายผู้นั้น ตัวเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงความลึกลับอย่างถึงที่สุด!
ความรู้สึกนี้มันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าเหล่ารูปปั้นเทวาของเผ่าเทวานั้น
ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่กล่าวพูดใดๆ พร้อมมือที่ขยับอย่างไม่หยุด
ระหว่างมือของเขานั้นมันมีลูกบอลน้ำกำลังหมุนวนอยู่กลางอากาศพร้อมด้วยใบไม้สีเขียวที่ค่อยๆ ละลายอยู่ภายใน
ท่าทางการขยับตัวของเขานี้มันแฝงไปด้วยพลังแห่งยอดเต๋าอย่างหนักแน่น
ลูกบอลน้ำในมือของเขานั้นมันค่อยๆ พัฒนาไปราวกับโลกทั้งใบ
เขานั้นกำลังใช้วิธีการในการหลอมโอสถเต๋าในการต้มน้ำชงชานี้ สมชื่อว่าเป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเสียจริงๆ
และจู่ๆ ชายผู้นั้นก็ได้ยื่นฝ่ามือออกมาส่งลูกบอลน้ำนั้นทะลุห้วงมิติมาถึงตัวเย่หยวน
เย่หยวนนั้นทีแรกก็ยังมึนงง แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจและยื่นมือออกมารับลูกบอลน้ำนั้นไว้อย่างไม่ปล่อยให้น้ำแม้แต่หยดเดียวหลุดร่วงลงพื้นดิน
นี่มันคือชาที่ยังไม่สมบูรณ์ ยังอยู่ในระหว่างการหลอมและพร้อมที่จะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อ
แต่เจ้าชานี้มันจะดึงเอาคุณสมบัติของสมุนไพรใบชานั้นออกมาได้สิ้น
แม้ว่าจะเป็นการชงชา แต่วิธีการของมันนี้คือการหลอมโอสถ
เพียงแค่ว่าคนที่จะชงชาด้วยวิชาโอสถเช่นนี้ได้บนโลกหล้านี้มันคงมีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น
เย่หยวนนั้นเข้าใจทันทีว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลคิดทดสอบเขา!
การเป็นรองมหาปราชญ์นั้นมันไม่ง่าย!
เรื่องที่ว่าเขาจะมีคุณสมบัติพอที่จะเดินก้าวขึ้นไปนั่งตรงข้ามกับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหรือไม่นั้น มันก็อยู่ที่ผลการทดสอบครั้งนี้
หากเขาไม่ผ่าน มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็พร้อมที่จะไล่เขากลับทุกเมื่อ
เวลานี้เย่หยวนจึงไม่คิดออมมือใดๆ ปล่อยคลื่นยอดเต๋าออกมาจากร่างกาย
พร้อมกันนั้นเย่หยวนก็จับลูกบอลน้ำนั้นหมุนวนด้วยตราหยินหยางที่ด้านหลัง
เมื่อยี่เห็นเช่นนั้นเขาก็หรี่ตาลงพร้อมรอยยิ้มที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
พร้อมๆ กันนั้นเหล่าศิษย์ของเขาทั้งหลายก็ต้องสั่นสะท้าน
เพราะแม้พวกเขาจะได้ยินเรื่องราวของเย่หยวนมามากมาย แต่นี่มันก็ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเย่หยวนลงมือจริงๆ
ในใจของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันย่อมจะยังมีความสงสัยต่อดาวรุ่งแรงอย่างเย่หยวนนี้บ้าง
ต่อให้พวกเขาจะได้ยินว่าเย่หยวนนั้นเป็นยอดคนเก่งกาจปานใดก็ตาม
เพราะนี่มันคือธรรมชาติของคน หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดเราก็ยังเกิดความสงสัยขึ้นมาได้
แต่เวลานี้เมื่อได้เห็นมันกับตา พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมอาจารย์ของตนจึงได้เลือกเย่หยวน
คลื่นยอดเต๋าที่ออกมาจากตราหยินหยางนั้นมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะแยกออกได้เลยว่ามีระดับใดกันแน่
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันเปี่ยมล้นไปด้วยความลึกลับยากที่พวกเขาจะเข้าใจ!
ความรู้สึกนี้มันเป็นสิ่งที่พวกเขาได้เจออยู่ตลอดเวลาเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ตน แม้ว่ายอดเต๋าของเย่หยวนนี้มันจะยังดูไม่สมบูรณ์ ห่างไกลจากความหนักแน่นของอาจารย์พวกเขาไปมาก
แต่เย่หยวนนั้นก็มียอดเต๋าเป็นของตัวเองแล้ว!
เรื่องนี้พวกเขาทั้งหลายย่อมจะเข้าใจได้ดี!
เย่หยวนนั้นขยับร่างกายด้วยท่าทางสุดเป็นธรรมชาติราวกับสายน้ำที่เคลื่อนไหลจนทำให้ผู้คนที่มองดูรู้สึกสดชื่นขึ้นมาจับใจ
แต่จู่ๆ นิ้วของเขาก็ขยับส่งเอาลูกบอลน้ำนั้นพุ่งกลับมา
ยี่ยิ้มรับก่อนจะยื่นมือออกไปหลอมชงน้ำชานี้ต่อ
เขานั้นหลอมกลั่นมันได้อย่างหนักแน่นราวกับมีเขาแห่งถงเทียนอยู่เบื้องหลัง แตกต่างจากท่าทางของเย่หยวนอย่างสิ้นเชิง
จากนั้นเขาก็ขยับฝ่ามืออีกครั้งส่งเจ้าชานั้นพุ่งออกมา
เย่หยวนก็รับมันไว้และเริ่มหลอมต่อด้วยท่าทางอ่อนช้อย!
คนทั้งสองนั้นหลอมและโยนชานั้นไปมาอยู่ด้วยรอยยิ้มกว้างอีกหลายครั้ง
ที่ด้านข้างเหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างมองดูภาพตรงหน้าด้วยปากอ้าค้าง
เพราะคนผู้นี้กลับสามารถหลอมชาเต๋ากับอาจารย์ของพวกเขาได้!
จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
แน่นอนว่าการละเล่นเช่นนี้ยี่ก็ย่อมเคยเล่นกับพวกเขาทั้งหลาย
แม้จะเป็นศิษย์ที่ติดตามยี่มานับสิบล้านปี พวกเขาก็ยังไม่อาจจะทำเช่นนี้ได้
การหลอมนั้นมันดูเหมือนง่ายแต่แท้จริงแล้วยิ่งส่งผ่านกันไปหลายครั้งมันก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น
โดยปกติแล้วยิ่งเป็นรอบส่งหลังๆ นั้นพวกเขาก็จะยิ่งไม่อาจตามทันจนหลายครั้งทำให้ชาเต๋านี้แตกสลายลง
แต่เย่หยวนกลับยืนรับส่งชาเต๋ากับยี่ได้อย่างไม่มีท่าทีลำบากแม้แต่น้อย!
ไม่ว่าตัวยี่จะหลอมอย่างไร เย่หยวนก็จะรับมันไว้หลอมต่อและส่งกลับมาได้
แค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียวมันก็เหนือล้ำกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้แล้ว!
จากนั้นนิ้วของยี่ก็ขยับส่งลูกบอลน้ำชานั้นลงกาน้ำชาไปอย่างสวยงาม ไม่มีน้ำชาแม้แต่หยดเดียวที่ร่วงออกมาภายนอก
จากนั้นมันก็เกิดกลิ่นหอมกรุ่นลอยขึ้นทั่วโถงใหญ่
จากนั้นมันก็กระจายไปทั่วทั้งเขาขนนก!
ครานี้ไม่ว่าจะเป็นซอกมุมใดในเขาขนนกนั้นมันก็จะมีกลิ่นหอมนวลของชานี้ปกคลุมไว้สิ้น!
…………..