ถ้าเป็นไปได้ ตอนที่มาถึงเมืองหลง ฉันไม่มีวันเลือกที่จะอยู่กับเขา” เหลิ่งรั่งปิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ “การออกแบบแลนมาร์คเมืองหลงเป็นความฝันของฉัน ฉันไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด”
“…” ไซ่จี้จวิ้นขมวดคิ้วเป็นปม นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด เขาไม่สามารถที่จะให้โอกาสในการออกแบบกับเธอ และไม่มีปัญญาแย่งเธอมาจากหนานกงเยี่ย
“คุณไซ่คะ คุณบอกว่าคุณชอบฉัน เป็นความจริงหรอคะ?” เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ คล้ายกับเด็กน้อยที่กำลังรอคำตอบจากคุณหนู
“ให้ผมควักหัวใจให้คุณดูไหมครับ” ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มด้วยความเศร้า
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอแค่คุณช่วยฉันสักเรื่องหนึ่งก็พอแล้ว”
“คุณพูดมาได้เลยครับ” ไซ่ตี้จวิ้นมองไปที่เหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ เขาดีใจมากที่เธอยอมขอความช่วยเหลือจากเขา
เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “โปรเจคโรงแรมอิมพีเรียล ต้องการเหล็กเส้น HRB-4 จำนวนมาก ฉันอยากให้คุณขายเหล็กเส้น HRB-3 ให้กับลั่วเฮิ่ง แต่ต้องส่งใบรายงานการทดสอบของเหล็กเส้น HRB-4”
ไซ่ตี้จวิ้นขมวดคิ้วเป็นปม เขาเข้าใจแล้ว เหลิ่งรั่วปิงต้องการให้เขาปลอมแปลงเอกสาร ทำใบรายงานการทดสอบเหล็กเส้นคุณภาพต่ำให้กลายเป็นเหล็กเส้นคุณภาพสูง จากนั้นขายให้กับลั่วเฮิ่ง แต่ว่า ทำไมเธอถึงต้องทำแบบนี้”
“รั่วปิง การรองรับน้ำหนักของ HRB-3 น้อยกว่า HRB-4 มากนะครับ คุณแน่ใจหรอว่าจะนำมันมาใช้กับโปรเจคโรงแรมอิมพิเรียล มันจะไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ ฉันเป็นคนออกแบบโรงแรมอิมพิเรียล ฉันรู้ดีว่าต้องใช้เหล็กเส้นเบอร์ไหนถึงจะเหมาะกับโครงสร้างตัวอาคารที่สุด การใช้เหล็กเส้น HRB-4 เป็นการสิ้นเปลืองเงินเปล่าๆ เหล็กเส้น HRB-3 ต่างหากที่เหมาะสมในการใช้ที่สุด”
ไซ่ตี้จวิ้นขมวดคิ้วเป็นปม เขามองดูเหลิ่งรั่วปิงด้วยความไม่ใจ
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มอย่างมีสง่า “คุณมีคำถามอยากจะทำมากมายใช่ไหมคะ ความเป็นจริงคุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ ฉันเป็นผู้หญิงที่รักเงินมาก การที่ฉันทำแบบนี้ เพราะฉันจะทำการค้ากับลั่วเฮิ่ง ลั่วเฉิ่งเป็นคนรับผิดชอบการจัดซื้อวัสดุถ้าหากว่าคุณสามารถช่วยฉันได้ เขาก็สามารถได้รับเงินค่าเหล็กเส้น HRB-4 จากแผนกลงทุน จากนั้นก็แค่ตัดค่าใช้จ่ายของเหล็กเส้น HRB-3 แค่นี้เขาก็สามารถได้รับกำไรจากส่วนต่างของเหล็กทั้งสองขนาดแล้ว และตัวฉันเองก็สามารถได้รับส่วนแบ่งจากเขา”
คิ้วที่ขมวดเป็นปมของไซ่ตี้จวิ้นคลายตัว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สดใส “รั่วปิง คุณต้องการเงินมากมายขนาดนี้เชียวหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงเองก็คลายยิ้ม “ฉันไม่เคยรังเกียจเงินมาก” เหลิ่งรั่วปิงเงียบไปพักหนึ่ง “แน่นอนค่ะ ถ้าหากว่าคุณกลัวจะได้รับผลกระทบ ฉันก็จะไม่บีบบังคับคุณ”
“ผมไม่กลัวครับ” ไซ่ตี้จวิ้นมองดูเหลิ่งรั่วปิงด้วยสายตาจริงจัง “ต่อให้คุณสั่งให้ผมไปบุกน้ำลุยไฟผมก็ไม่กลัว”
มองดูแววตาจริงจังของไซ่ตี้จวิ้น เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เธอกำลังหลอกใช้ความรักที่เขามีให้ตนเอง ถึงแม้ว่าการหลอกใช้เขาจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขา แต่นั่นก็เป็นการทำลายความรู้สึกที่เขามีให้กับเธอ แต่เพื่อแก้แค้น เธอยินดีที่จะเป็นคนสารเลว ถ้าในอนาคตข้างหน้ามีโอกาส เธอจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ของเขาอย่างแน่นอน
นานครู่หนึ่ง ไซ่ตี้จวิ้นหัวเราะออกมา “ถ้าหนานกงเยี่ยรู้ว่าคุณใช้วิธีนี้ในการหลอกเอาเงินจากเขา เขาจะสติแตกไหม”
เหลิ่งรั่งปิงเบะปาก “เขารวยจะตาย คงไม่สนใจเงินแค่นี้หรอกมั้งคะ”
ไซ่ตี้จวิ้นคลายยิ้ม แต่มีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่า หัวใจของเขาเจ็บปวดมาก เขายอมให้เธอยู่ข้างกายเขา แล้วคอยคิดหาวิธีเล่นงานเขายังดีเสียกว่า
*****
หลังจากไซ่ตี้จวิ้นตอบตกลง เหลิ่งรั่วปิงก็รีบนัดเจอลั่วเฮิ่งในทันที เธอมีเวลาเป็นของตนเองอีกแค่สามวัน ดังนั้นเธอจำเป็นต้องรีบทำให้ลั่วเฮิ่งไว้ใจเธอ
ห้องอาหารภายในร้านกาแฟหรูของเมืองหลง เหลิ่งรั่วปิงคนช้อนของตนเองไปมาอย่างมีสง่า ใบหน้าของเธอแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆ วันนี้และที่แห่งนี้ เธอจะล่อศัตรูของเธอให้เดินผ่านด่านนรกด่านแรก
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบางของเธอขยับเล็กน้อย เสียงของเธอดังขึ้น “เชิญเข้ามาค่ะ”
เป็นไปตามคิดที่เอาไว้ ลั่วเฮิ่งเดินเข้ามาด้วยความเหนื่อยหอบ เขาคงรอให้เธอนัดเจอเขามานานแล้ว เหลิ่งรั่วปิงเพิ่งโทรหาเขาเมื่อกี้ตอนที่เธอมาถึงร้านกาแฟ เธอบอกไปว่าอยากจะเชิญเขาออกมาพูดคุยกัน เขาก็ตกลงในทันที ลั่วเฮิ่งใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงที่นี่แล้ว
“คุณลั่ว คุณรีบไหมคะ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม พร้อมกับมองลั่วเฮิ่งอย่างพิจารณา เขาเป็นคนที่ลามกอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่กล้าทำอะไรเหลิ่งรั่วปิง แต่ตอนที่เห็นผู้หญิงสวยๆ อย่างเหลิ่งรั่วปิงยิ้ม หัวใจของเขาก็รู้สึกปรารถนาอยากได้ ด้วยเหตุนี้ขาของเขาจึงอ่อนแรง จนเกือบจะตกเก้าอี้
“คุณเหลิ่งนัดเจอผมแบบนี้ ผมจะกล้าชักช้าได้ยังไงครับ” ลั่วเฮิ่งยิ้มกว้าง “คุณเหลิ่งนับวันก็ยิ่งมีเสน่ห์นะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม “คุณลั่วปากหวานจริงๆ นะคะ” เงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ได้ข่าวว่าลูกสาวของคุณประสบอุบัติเหตุถูกโคมไฟหล่นทับ ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างคะ อาการหนักรึเปล่า”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของลั่วเฮิ่งดูเศร้าลงไป เขาถอนหายใจ “เป็นความโชคร้ายของลูกสาวผมจริงๆ ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในห้างสรรพสินค้าเสิ้งหวา ลูกสาวของผมเสียโฉม คิดว่าหลังจากรักษาตัวแล้วคงต้องทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้แน่ๆ เฮ้อ เป็นหญิงเป็นนางมีรอยแผลเป็นอยู่ที่หน้าแบบนี้ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเธอจะแต่งงานได้ยังไง”
ถึงแม้ลั่วเฮิ่งจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยตัณหา ไม่สนใจครอบครัว แต่ถึงอย่างไรลั่วซูเยียงก็เป็นลูกในไส้ของเขา ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นห่วงเธอเท่าไหร่ แต่การที่เธอต้องเจอเรื่องแบบนี้ เขาก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน
เมื่อเห็นศัตรูเจ็บปวด ภายในใจของเหลิ่งรั่วปิงรู้สึกมีความสุขมาก แต่เธอก็ยังคงแสแสร้งและแกล้งทำเป็นสงสาร “เฮ้อ น่าสงสารจังเลยนะคะ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงถูกโคมไฟหล่นทับได้ แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบเรื่องไปถึงไหนแล้วคะ”
“คุณอวี้ไป่หันซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเสิ่งหวา เขายอมรับว่าเป็นความผิดของทางห้างสรรพสินค้า เขายินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่างครับ ตอนนี้ก็กำลังประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเตรียมชดใช้ค่าเสียหาย” สำหรับอวี้ไป่หัน ลั่วเฮิ่งไม่กล้าเอาผิดเขา การที่ฝ่ายนั้นยินดีจ่ายค่าเสียหาย เขาก็ดีใจที่จะรับเอาไว้แล้ว
เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้ว เธอรู้ดีว่าอวี้ไป่หันเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าอวี้ไป่หัน แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมเสียเปรียบแบบนี้ จากนิสัยของเขาแล้วน่าจะไม่มีวันยอมจบเรื่องง่ายๆ แบบนี้ อีกทั้งคนที่ฉลาดอย่างมู่เฉิงซีก็ไม่มีวันที่จะจบคดีทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คำตอบ
“คุณลั่วอย่าเศร้าไปเลยค่ะ การแพทย์ในตอนนี้พัฒนาไปไกลมากแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าลูกสาวคุณต้องรักษาได้แน่นอนค่ะ”
“เฮ้อ ถึงแม้การแพทย์ในตอนนี้จะพัฒนามาไกลมาก แต่ตอนนี้หน้าของลูกสาวผมได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งคุณหมอบอกว่ามียาชนิดหนึ่งปนอยู่ในบาดแผลด้วย และยาพวกนั้นส่งผลต่อเนื้อเยื่อ ทำให้ไม่สามารถรักษารอยแผลเป็นได้แล้วครับ”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกสะใจ ในเมื่อคิดจะให้ศัตรูเจ็บปวดกับการเสียโฉม เธอจะให้โอกาสพวกเขาในการรักษา? วันนั้น เหลิ่งรั่วปิงเทยาชนิดหนึ่งลงไปในมีด เมื่อยาชนิดนี้สัมผัสกับเลือดก็จะเข้าสู่ผิวหนัง ทำลายเนื่อเยื่อของร่างกาย ส่งผลให้กระทบต่อการรักษาบาดแผล ดังนั้นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของลั่วซูเยียงจึงไม่มีวันรักษาหาย
ผงยาชนิดนี้เป็นตัวยาเฉพาะของวิหารซีหลิง เป็นตัวยาที่นักฆ่ารัตติกาลกุหลาบพิษใช้โดยเฉพาะ ก่อนจะมาเมืองหลง เหลิ่งรั่วปิงได้แอบขโมยมาหนึ่งห่อ และเธอก็ได้ใช้กับลั่วซูเยียงพอดี
เหลิ่งรั่วปิงแสร้งทำเป็นถอนหายใจ “คุณลั่วทำใจให้สบายนะคะ ถึงแม้รอยแผลเป็นบนใบหน้าจะไม่สามารถรักษาได้ แต่ตระกูลลั่วก็มีเงินมากมาย คุณหนูลั่วไม่มีวันลำบากหรอกค่ะ”
ลั่วเฮิ่งพยักหน้า จากนั้นพูดด้วยความเจ็บใจ “ถูกครับ ลูกสาวของผมทำเป็นแค่ใช้เงินไปวันๆ เท่านั้น!”
“อั๊ยย๊า เราอย่าพูดเรื่องเศร้ากันเลยนะคะ ที่วันนี้ฉันนัดเจอคุณลั่ว เป็นเพราะอยากจะคุยเรื่องธุรกิจกับคุณ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณลั่วสนใจทำธุรกิจนี้ไหม”
เมื่อได้ยินคำว่าทำธุรกิจ ดวงตาของลั่วเฮิ่งก็เปล่งประกายทันที สิ่งที่เขารักมากที่สุดในชีวิตคือเงิน รองจากนั้นถึงจะเป็นตัณหาต่างๆ สำหรับเขาแล้ว ทั้งเงินและตัณหาสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
“คุณเหลิ่งมีอะไรก็พูดมาตรงๆ ได้เลยครับ มีใครบ้างที่ไม่อยากได้เงินจริงไหมครับ”
“ฮ่าๆๆ…คุณลั่วเป็นคนตรงมากเลยนะคะ!” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะอย่างสดใส “อีกไม่นานโรงแรมอิมพีเรียลก็จะเริ่มทำการจัดซื้อเส้นเหล็กแล้ว ซึ่งต้องใช้เหล็กเส้น HRB-4 จำนวนมาก แต่ฉันที่เป็นนักสถาปัต ฉันคิดว่าความเป็นจริงเราใช้แค่ HRB-3 ก็เพียงพอในการรองรับน้ำหนักของตัวอาคารแล้ว คุณลั่วเป็นคนที่ฉลาด น่าจะเข้าใจความหมายของฉันนะคะ?”
ถึงแม้ลั่วเฮิ่งจะเป็นคนจิตใจสกปรก แต่เขาก็เป็นคนที่ฉลาด ดังนั้นเพียงแค่พูดนิดหน่อยเขาก็เข้าใจแล้ว หากสามารถจัดซื้อได้อย่างเนียบเนียน เพียงแค่นี้ก็จะได้กำไรมหาศาลแล้ว
“คุณเหลิ่งครับ นี่เป็นโอกาสดีในการหาเงิน แต่การทำเรื่องนี้ไม่ง่ายเลยนะครับ อีกทั้งต้องซื้อวัสดุของบริษัทไซ่เหวยเท่านั้น บริษัทไซ่เหวยเป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก การปลอมแปลงเอกสารจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม “คุณลั่วลืมไปแล้วหรอคะ ฉันกับประธานไซ่มีความสัมพันธ์กันยังไง?”
ลั่วเฮิ่งอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ “ประธานไซ่ยินดีที่จะช่วย?” เขารู้ดีว่าเธอกับไซ่ตี้จวิ้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าไซ่ตี้จวิ้นจะช่วยเธอทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี้ เพราะเรื่องนี้กระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทไซ่เหวย
“ขอแค่คุณลั่วยินดีที่จะทำธุรกิจนี้กับฉัน เรื่องอื่นก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ”
“ฮ่าๆๆ…” ลั่วเฮิ่งหัวเราะเสียงดัง “จะมีใครบ้างที่ยอมนิ่งเฉยทั้งๆ ที่มีเงินมากองตรงหน้าละครับ ว่าแต่ทำไมคุณเหลิ่งถึงอยากช่วยผม”
เหลิ่งรั่วปิงแสยะยิ้ม นัยน์ตาของเธอเปล่งประกาย “เพราะฉันอยากจะทำธุรกิจกับคุณลั่วไงคะ ฉันเองก็เป็นคนที่รักเงินเหมือนกัน หลังจากจบเรื่องนี้ฉันขอ 30% นะคะ คุณลั่วโอเครึเปล่า”
“ครับๆ ฮ่าๆๆ…” ลั่วเฮิ่งหัวเราะอย่างมีความสุข เขาพอใจกับส่วนแบ่งนี้มาก อีกทั้งเขายังไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไรอีกด้วย ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น เขาสามารถโยนความผิดให้ไซ่ตี้จวิ้นทันที
เหตุผลที่เขายินดีเชื่อเหลิ่งรั่วปิงนั้น เป็นเพราะเขารู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนประเภทเดียวกับเขา เป็นคนที่ไม่เคยพอกับเรื่องเงิน ถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน ก็คงไม่ยอมไปนอนกับหนานกงเยี่ยและไม่ยอมไปยุ่งกับไซ่ตี้จวิ้น ความเป็นจริง การร่วมงานกับคนที่เห็นแก่เงิน เป็นอะไรที่น่าไว้ใจที่สุด ในทางกลับกันการร่วมมือกับคนที่ไม่เห็นแก่เงินต่างหากที่ไม่น่าไว้วางใจ
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม “คุณลั่วเป็นคนชัดเจนดีนะคะ การได้ร่วมงานกับคนที่ฉลาดเหมือนคุณ ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมากค่ะ โปรเจคโรงแรมอิมพีเรียลเป็นเพียงแค่โปรเจคเล็กๆ โปรเจคแลนมาร์คของเมืองหลงที่จะเกิดขึ้นต่างหากที่พวกเราสามารถโกยเงินมหาศาล”
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะบอกว่าโปรเจคแอมพิเรียลเป็นเพียงแค่โปรเจคเล็กๆ แต่หากสามารถปลอมแปลงเอกสารทุกอย่างได้สำเร็จนั้น ลั่วเฮิ่งสามารถได้รับเงินไปกว่าสามร้อยล้านหยวน
เม็ดเงินมหาศาลที่กำลังจะเข้ากระเป๋าทำให้ลั่วเฮิ่งแววตาเป็นประกาย เงินจำนวนมากนี้แทบจะทำให้ร่างกายของเขากลั่นน้ำมันออกมา ลั่วเฮิ่งยิ้มด้วยความดีใจเหมือนสุนัขที่ได้คาบกระดูก
“ตกลงตามนี้นะคะ สำหรับโปรเจคแลนมาร์คของเมืองหลง ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องงานออกแบบเอง พวกเราไม่จำเป็นต้องลงทุนก็ได้เงินเข้ากระเป๋าจำนวนมาก ธุรกิจแบบนี้ คุณลั่วรู้สึกดีไหมคะ”
“ดีครับ ทั้งหมดล้วนดำเนินตามการจัดการของคุณเหลิ่งได้เลยครับ” ลั่วเฮิ่งไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครง่ายๆ ตอนนี้เขายังไม่ไว้ใจเหลิ่งรั่วปิงเท่าไหร่ แต่เม็ดเงินที่ดีจะได้ทำให้เขากล้าเข้าไปเสี่ยง เขาจะรอดูว่าโปรเจคโรงแรมอิมพิเรียลจะดำเนินไปยังไงบ้าง ถ้าโปรเจคนี้ไม่มีปัญหา เขาก็สามารถไว้ใจเหลิ่งรั่วปิงได้แล้ว
แน่นอนว่าเหลิ่งรั่วปิงเองก็เดาความคิดของลั่วเฮิ่งได้ทั้งหมด นัยน์ตาของเธอหัวเราะเย้ยหยัน กระดูกชิ้นแรกที่เธอโยนไป สุนัขได้คาบไปแล้ว ไว้รอให้มันลิ้มรสหวานของกระดูกก่อน เธอจะได้โยนกระดูกอาบยาพิษไปให้มัน เพราะมันต้องงับกระดูกอย่างไม่ลังเลแน่นอน
หลังจากพูดคุยกับลั่วเฮิ่งเรียบร้อยแล้ว เหลิ่งรั่วปิงก็รีบกลับโรงแรมทันที ตอนนี้ดึกมากแล้ว
พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็เห็นร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟา เขาแผ่รังสีอำมหิตออกมา
หนานกงเยี่ย เขาเข้ามาได้ยังไง