คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา – ตอนที่ 125 มาก่อนได้ก่อน / ตอนที่ 126 คำพูดของหมอถือเป็นสิ้นสุด

ตอนที่ 125 มาก่อนได้ก่อน

จางซื่อไม่ได้พูดอะไร ไม่ว่าอย่างไรไป๋จื่อก็เป็นคนนอก จะเป็นหรือตายไม่เกี่ยวข้องกับนางแม้สักนิด บุตรสาวตนเองมีความสุขสิถึงจะสำคัญที่สุด

“เจินจู บัดนี้ไป๋จื่อไม่อยู่แล้ว งานในบ้านคงจะต้องให้เจ้าเป็นคนทำ ไม่อาจเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว”

เจินจูพยักหน้าหงึกหงัก “ได้เจ้าค่ะ ต้องการให้ข้าทำอะไร ท่านแม่บอกข้าก็พอ สิ่งที่ไป๋จื่อทำได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกัน มีหรือข้าจะทำได้ด้อยกว่านาง”

ผู้เป็นมารดาถอนใจเสียงหนึ่ง ในใจของนางรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง เจินจูเด็กคนนี้ ตั้งแต่เล็กไม่เคยได้ทำงานอะไร ทุกครั้งเวลาที่มีเรื่องก็จะเรียกไป๋จื่อ เห็นตนเองเป็นคุณหนูของสกุลไป๋ เห็นไป๋จื่อเป็นสาวใช้ของตนเอง มารดาของตนไม่ได้ว่าอะไร ท่านย่าและหลิวซื่อยิ่งทำเป็นมองไม่เห็น ทำให้เจินจูเคยชิน ตอนนี้เริ่มให้นางทำงานบ้าน ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะทำได้หรือไม่

หลังจากไป๋จื่อส่งเมิ่งหนานและองครักษ์จินไปแล้ว ครั้นกลับถึงสกุลหู จ้าวหลานก็จูงนางเพื่อไปถามไถ่ “จื่อเอ๋อร์ เจ้าพูดเร็ว ใบสั่งยาที่เจ้าเขียนให้ใต้เท้าเมิ่งเมื่อครู่ แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเขียนหนังสือได้ตั้งแต่เมื่อใด ทั้งยังเขียนใบสั่งยาได้อีก”

ไป๋จื่อกล่าว “ท่านแม่ หลายปีมานี้ข้าอยู่ข้างกายไป๋เสี่ยวเฟิงตลอด จึงเขียนหนังสือเป็นตั้งนานแล้ว ใบสั่งยานี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าเรียนมาจากตำราแพทย์ ก็แค่ใช้ตามที่เรียนมาเท่านั้น”

จ้าวหลานเชื่อครึ่ง สงสัยครึ่ง “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ”

“เป็นเช่นนั้นจริงเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นท่านคิดว่าอย่างไรเล่า” ไป๋จื่อพยักหน้าอย่างจริงจัง

ฝ่ายมารดามองบุตรสาวตรงหน้า อีกฝ่ายยังคงเป็นบุตรสาวของนาง แต่คล้ายกับไม่ใช่บุตรสาวคนที่นางคุ้นเคย ดีที่นางยังคงจิตใจดีและเชื่อฟังเฉกเช่นเมื่อก่อน

“เอาล่ะ ท่านแม่ อย่าคิดเพ้อเจ้อเลยเจ้าค่ะ ท่านไปพักผ่อนเถอะ ตอนบ่ายยังต้องไปดูที่นาของพวกเราอีกนะเจ้าคะ”

จ้าวหลานรับคำเสียงหนึ่ง ก่อนจะหมุนกายไปที่เรือนไม้ด้านหลัง

ครั้นมองส่งจ้าวหลานจากสกุลหูไปแล้ว คราวนี้ไป๋จื่อก็หันไปมองโถงเรือน ยิ้มกล่าวว่า “ออกมาเถอะ”

เงาร่างของหูเฟิงเดินออกมาจากเงามือด้านหลังประตูโถงเรือน เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้าของไป๋จื่อ เขาจ้องไป๋จื่อเขม็งด้วยสายตาเย็นชา “ดูท่าทางเจ้าคงจะรู้แล้วว่าข้าจะพูดอะไร”

ไป๋จื่อยักไหล่ “แน่นอน นอกเสียจากเจ้าจะเร่งให้ข้ารักษาเจ้าแล้ว เจ้ายังจะพูดอะไรกับข้าอีกเล่า”

หูเฟิงมีสีหน้าไม่พอใจ “ตอนนี้เข็มเงินก็มีแล้ว เงินซื้อยาก็มีแล้ว เจ้ายังรออะไรอยู่อีก”

เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้าตรงหน้านางเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม ราวกับเด็กที่ยากนักจะได้ลูกกวาดสักเม็ดหนึ่ง ทว่าจู่ๆ ลูกกวาดก็ถูกคนแย่งไป ช่างน่าน้อยใจนัก

นางอดไม่อยู่ หัวเราะก๊ากออกมาเสียงหนึ่ง ดวงตาโตโค้ง เผยฟันที่เรียงตัวสวยแถวหนึ่ง ลักยิ้มเล็กๆ ตรงพวงแก้มคล้ายกับปรากฏออกมา

ไป๋จื่อชี้หูเฟิง พลางหัวเราะว่า “เจ้าคงไม่ได้รู้สึกอิจฉา ที่ข้ารักษาให้ใต้เท้าเมิ่งก่อนกระมัง”

ชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวว่า “ธรรมดาแล้วใครมาก่อนย่อมได้ก่อน ข้ามาก่อนชัดๆ แต่เจ้ากลับปล่อยปละไม่สนใจข้า แล้วรักษาให้เขาก่อน”

บัดนี้นางยิ่งหัวเราะมากขึ้นไม่ยอมหยุด คนผู้นี้ ยามที่พูดล้อเล่นด้วยสีหน้าจริงจัง ช่างน่าหัวร่อเสียจริงๆ เลย

“เอาล่ะๆ เจ้าอย่าโกรธเลย วันนี้ข้าจะรักษาให้เจ้า”

หูเฟิงกอดอก ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย “วันนี้หรือ? กี่ยาม?”

เหอะ…ช่างไม่อดทนเอาเสียเลย

“ตอนนี้ ตอนนี้ได้หรือไม่” นางยอมแพ้แล้ว ด้วยสายตากดอัดของเขาในตอนนี้ นางเลือกที่จะยอมแพ้

เขากลับหลังหันไป แล้วกล่าวกับนางสองคำอย่างเฉยชา “ตามมา”

ไป๋จื่อเบ้ปาก จากนั้นถึงแลบลิ้นใส่เงาหลังของเขาด้วยความหมั่นไส้

เมื่อหูเฟิงเข้าไปในห้องของตนเองแล้ว ไป๋จื่อก็ตามเข้าไป นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางได้เข้าห้องของอีกฝ่ายเลยทีเดียว

……….

ตอนที่ 126 คำพูดของหมอถือเป็นสิ้นสุด

ห้องของเขาไม่ใหญ่มาก นอกจากเตียงแล้ว ใต้หน้าต่างยังมีโต๊ะหนังสือตัวเก่าอยู่ตัว บนนั้นวางกาน้ำชาและถ้วยชาเอาไว้ ไปจนถึงตำราปกหนังที่เก่าขาดเล่มหนึ่ง

ตรงมุมห้องตั้งตู้ไม้และเก้าอี้ไม้อยู่สองตัว ล้วนจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แม้จะดูแล้วอยู่อย่างง่ายๆ แต่กลับเก็บกวาดได้สะอาดสะอ้านมาก ไม่มีกลิ่นแปลกๆ เช่นที่ห้องทั่วไปมีเลย

“มองพอหรือยัง มองพอแล้วก็เริ่มเถอะ” หูเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้มีพนักพิงที่หน้าโต๊ะหนังสือ

ไป๋จื่อลากเก้าอี้มาจากตรงมุมห้อง นั่งลงตรงหน้าเขา ก่อนจะยื่นมือไปจับดูชีพจรของเขาตรงข้อมือ

เขาคิดจะชักมือของตนเองกลับตามสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อนิ้วมือนุ่มนวล เกลี้ยงเกลาของนางสัมผัสเขา ทันใดนั้นเขาพลันปล่อยวางความคิดนั้นทิ้งไป ปล่อยให้นางจับมือข้อมือของเขาไว้

ชีพจรของเขามั่นคงมาก แต่ครั้นนางสัมผัสโดนเขา ชีพจรกลับเริ่มเร็วขึ้นในทันที

นางช้อนสายตามองเขา แววตาคล้ายมีความขบขัน “เป็นอะไรไป ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสตรีจับมือของเจ้ามาก่อนเลยหรือ”

แววตาของชายหนุ่มวูบไหว สีหน้าบนใบหน้ารูปงามซ่อนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์จากด้านหลัง แม้จะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่กลับรู้สึกได้ถึงความเก้อเขินของเขาแจ่มชัดนัก

เขาชักมือของตนเองกลับไปในทันที ก่อนจะกล่าวเสียงสั่น “จะตรวจโรคก็ตรวจสิ จะกล่าวว่าจาที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันไปไย”

ไป๋จื่อหัวเราะเสียงเบา นางลุกขึ้นยืน แล้วหยิบห่อเข็มที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้อออกมา “หันไป ข้าจะฝังเข็มให้เจ้า”

หูเฟิงหันไปแล้ว สายตาจับจ้องอยู่ที่ต้นสาลี่ข้างนอกหน้าต่าง ต้นสาลี่ต้นนี้ปลูกไว้เมื่อสามปีก่อน หลังจากเขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาก็เป็นคนลงมือปลูกมันด้วยตนเอง สามปีถัดมา ต้นสาลี่ยังไม่เคยออกดอก ยิ่งไม่เคยให้ผล ทว่ากลับมีใบไม้เบ่งบานเต็มต้น

ไม่รู้ว่าวันที่ต้นสาลี่ออกดอกออกผล เขาจะตามหาความทรงในอดีตกลับมาได้แล้วหรือยัง

มือเล็กๆ ของนางคลำอยู่บนศีรษะของเขา เข็มเงินเล่มบางแทงเข้าจุดฝังเข็มที่จำเป็นบนศีรษะของเขาเข็มแล้วเข็มเล่า

เขาไม่รู้สึกเจ็บ แม้กระทั่งไม่มีความรู้สึกอะไรเลย จนนางถอนเข็มออก เขายังคิดว่านางยังไม่ได้เริ่มทำการรักษาด้วยซ้ำไป

“เสร็จแล้วหรือ” เขาถาม

นางพยักหน้า เก็บเข็มใส่ห่อ “เสร็จแล้ว”

“แต่ข้าไม่รู้สึกอะไรเลย” ถึงจะไม่เจ็บ แต่อย่างน้อยก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างสิ หรือว่าการรักษานี้เป็นเพียงการปาหี่

ไป๋จื่อเก็บห่อเข็มใส่ในอกเสื้อ ก่อนจะเงยหน้ามองหูเฟิงที่มีแต่ความครหาอยู่เต็มหน้า “ข้าบอกกับเจ้าไปแล้ว ว่าเลือดคั่งในสมองของเจ้าสะสมมาเป็นเวลานาน อยากจะละลายลิ่มเลือดเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุผลที่ไม่รู้สึกอะไรเลยแม้สักนิด นั่นเป็นเพราะข้าใช้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดรักษาเจ้า”

หูเฟิงเลิกคิ้ว “เจ้าหมายความว่า อาการป่วยของข้ายังมีวิธีรักษาอื่นอีกหรือ ทั้งยังเห็นผลเร็วกว่าวิธีที่เจ้าใช้ในตอนนี้ด้วย”

เด็กสาวพยักหน้า “แน่นอน วิธีการักษาของทุกๆ โรคล้วนมีมากมาย แต่สิ่งที่ข้าต้องทำ ก็คือเลือกวิธีการที่จะก่อให้เกิดอันตรายและเกิดผลข้างเคียงต่อคนไข้น้อยที่สุด ไม่ใช่เลือกวิธีการที่เร็วที่สุดเป็นอันดับแรก”

แต่หูเฟิงกลับถามขึ้นมาว่า “หากใช้วิธีการที่เห็นผลเร็วรักษาข้า อันตรายและผลข้างเคียงที่เจ้าพูดถึงคืออะไร”

ไป๋จื่อจ้องหน้าเขา จ้องดวงตาที่หยั่งลึกราวกับมหาสมุทรคู่นั้น “ไม่มีใครคาดเดาผลลัพธ์ที่แม่นยำได้ หูเฟิง เจ้าต้องรู้ได้ว่าอาการป่วยของเจ้าอยู่ที่สมอง และสมองเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในร่างกายของมนุษย์ ไม่อาจล้อเล่นได้ จะสร้างความเสี่ยงใดไม่ได้แม้สักนิด เพราะผลลัพธ์ของมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งจะรับไหว”

“หากข้าจะขอให้เจ้าใช้วิธีนั้นรักษาข้าเล่า”

นางส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้ ข้าไม่ยอม ในเมื่อข้ารับปากว่าจะรักษาเจ้า ก็เท่ากับข้าต้องมีความรับผิดชอบต่อเจ้า ข้าเป็นหมอ ข้ารู้ว่าควรจะรักษาอาการของเจ้าอย่างไรจึงจะดีที่สุด”

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset