กงจี้เองก็แปลกใจ เขาเป็นอีกคนที่ไม่คิดว่าฝูฉูจะไม่เต็มใจรับความรู้สึกดี ๆ จากเจียงหยุนชาน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าแววตาเจือความคาดไม่ถึง “ข้าได้ยินไป๋จีบอกว่าเจ้ากับเจียงหยุนชานสนิทสนมกันดี ยามปกติถือว่าสนิทสนมกลมเกลียวกัน ครั้งนี้เจียงหยุนชานสละเวลาไปที่ภูเขาเพื่อตามหาเจ้าโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของเขา แล้วอะไรที่ทำให้เจ้าไม่เต็มใจล่ะ ?”
ฝูฉูคำนับอย่างหนักแน่น “ท่านชายมีทัศนะเฉียบแหลม ข้าสนิทกับคุณชายเจียงจริง แต่เพราะเขาเป็นพี่ชายของแม่นางเจียงผู้ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือท่านชาย ข้าจึงต้องต้อนรับเขาอย่างสมเกียรติก็เท่านั้น ข้าไม่ได้คิดอะไรกับเขาเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกขอบคุณคุณชายเจียงมากที่ยอมเสี่ยงไปตามหาข้า แต่การขอบคุณไม่ได้หมายความว่าข้าจะแต่งงานกับเขา ในภายภาคหน้าคุณชายเจียงจะต้องหาคู่ครองที่รักเขาและเขาก็รักนางเจออย่างแน่นอน แต่หญิงคู่ครองคนนั้นไม่ใช่ข้า”
เจียงหยุนชานหน้าซีดลงเรื่อย ๆ แต่เขากลับสงบอย่างประหลาดขณะที่ก้าวเข้าไปก้มหน้าคำนับกงจี้ “คุณชายกง ข้าขอบคุณความเมตตาที่มีให้ แต่โปรดอย่าบังคับนางเลย ในเมื่อแม่นางฝูฉูไม่เต็มใจ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด ข้าขอตัวกลับก่อนนะ”
เจียงหยุนชานหมุนตัวจากไป ทว่าเจียงป่าวชิงกลับไม่ได้ตามออกไป ตอนนี้ควรให้เจียงหยุนชานสงบจิตสงบใจคนเดียวจะดีที่สุด
ฝูฉูชะงักไปเล็กน้อย นางไม่คิดว่าเจียงหยุนชานจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร
กงจี้รู้สึกหงุดหงิด เขาพูดห้วน ๆ “อืม ในเมื่อเจ้าไม่ซาบซึ้งในพระคุณก็ช่างเถอะ”
ความดีใจวาบผ่านดวงตาของฝูฉู นางรีบคำนับกงจี้อีกครั้ง
เซยู่เสียฝืนยืนอยู่เป็นเวลานาน แม้จะมีจูฮัวประคองไว้อยู่ตลอดเวลา และนางก็ลงน้ำหนักตัวของตัวเองไว้ที่จูฮัวเป็นส่วนใหญ่ แต่ข้อเท้าของนางรับน้ำหนักไม่ไหวตั้งนานแล้ว ตอนนี้เจ้านายและลูกน้องคู่นี้จึงเซไปเซมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เซยู่เสียพยายามฝืนทนไว้ นางไม่กล้าพูดอะไรด้วยเพราะกลัวว่ากงจี้จะลงโทษพวกนางอีกครั้ง
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางรู้อยู่แก่ใจ สองสามครั้งนี้ต่างบอกว่านางมาตามหาพี่สาว แต่แท้จริงแล้วนางมีจุดประสงค์อื่น นั่นก็คือนางต้องการมาหากงจี้ต่างหากล่ะ
เป็นโชคร้ายของนางที่การเดินทางของกงจี้มักจะเป็นความลับอยู่ร่ำไป พี่ฝูฉูก็ไม่เคยเผยความลับแม้แต่นิดเดียว นางเองก็เพิ่งสรุปสิ่งเหล่านี้ได้จากเบาะแส ถึงได้ตื่นเต้นรีบรุดมาตามหาเขาที่นี่
ใช่ นางชื่นชมกงจี้มาเป็นเวลานานแล้ว
ไม่เกี่ยวกับสถานะที่ยิ่งใหญ่ของกงจี้ แต่สิ่งที่นางชื่นชมก็คือเขาคนนี้ ไม่ว่าเขาจะเหี้ยมโหดหรือคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างไร นางก็ชอบเขามาก
เมื่อสองปีก่อน นางเคยมีโอกาสพบกงจี้สองสามครั้ง นับตั้งแต่นั้น ชายผู้หล่อเหลาคนนี้ก็อยู่ในใจนางตลอดมา
เซยู่เสียพยายามฝืนร่างกาย แม้ขาจะเมื่อยล้าข้อเท้าจะเจ็บปวดรวดร้าวแทบล้มทั้งยืน สายตาของนางก็ยังมองกงจี้อย่างลุ่มหลง
ครั้งนี้ข้อเท้านางเคล็ด แต่ในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดี นางได้พบกับกงจี้อีกครั้ง รู้อย่างนี้แล้ว ต่อให้นางต้องขาขาด นางก็ยินดี
เดิมทีที่กงจี้เรียกเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานให้มาที่นี่ อันที่จริงเขามีความคิดที่จะมอบฝูฉูให้อยู่ในฐานะภรรยาของเจียงหยุนชาน แต่ในเมื่อฝูฉูไม่เต็มใจ เรื่องนี้ก็แล้วกันไป
กงจี้โบกมือไปมาอย่างหมดความสนใจ “ฝูฉู พาน้องสาวเจ้าออกไปได้แล้ว”
ฝูฉูถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย “ขอบคุณท่านชาย วันพรุ่งข้าจะพานางไปส่งยังที่ที่สมควร”
กงจี้ไม่ปฏิเสธ
เซยู่เสียหน้าซีดทันที นางกัดริมริมฝีปากล่างอย่างเศร้าใจ แต่ถึงอย่างไรนางรู้ดีว่ากงจี้มีท่าทีเย็นชาแบบนี้อยู่เสมอ ฝูฉูพี่สาวของนางคงเป็นหญิงเพียงคนเดียวที่สามารถอยู่ข้างกายเขาได้นาน
ฝูฉูพาเซยู่เสียออกจากห้อง ตอนที่ออกมาจากในห้อง เซยู่เสียหันกลับไปมอง แต่นางกลับพบว่ากงจี้กำลังมองเจียงป่าวชิงคนนั้น
สายตาแบบนั้น!
เซยู่เสียชะงัก นางไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นจากชายผู้ที่นางเคารพยำเกรงและแอบหลงใหลมาก่อน นั่นมันทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างไร้สาเหตุ
ฝูฉูเห็นน้องสาวเหม่อ ๆ จึงดึงนางออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูห้องไปด้วย
เซยู่เสียเอ่ยถามฝูฉูด้วยเสียงที่เบามาก “พี่ เจียงป่าวชิงนั่นเป็นใครกันแน่ ? เหตุใดนางยังอยู่…” ‘ในห้องของคุณชายกงได้อีก ?’ ประโยคหลังเซยู่เสียไม่ได้พูดออกมา
ฝูฉูจุ๊ปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หยุดพูด! กลับไปคุยกันที่ห้อง”
ที่พักของฝูฉูเป็นหนึ่งในห้องเล็ก ๆ สองสามห้องซึ่งอยู่หลังบ้าน ถึงแม้ว่ามันจะเล็ก แต่กลับเป็นระเบียบ สะอาด และจัดแต่งสวยงามน่าอยู่
เมื่อสองพี่น้องเข้ามาในห้อง ฝูฉูก็ปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนาทันที
เซยู่เสียค่อย ๆ นั่งลงบนเตียง “พี่ ตอนนี้พี่พูดได้แล้วใช่ไหม ?”
ฝูฉูถลึงตาใส่เซยู่เสีย “เจ้านี่ก็เอาแต่ใจจริง ๆ!” นางลังเลไปสักครู่ จากนั้นก็พูดกับเซยู่เสียด้วยเสียงเบาราวกระซิบ “ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้เจ้าจะต้องกลับแล้ว แต่ข้าต้องกำชับเจ้าสักหน่อย เจียงป่าวชิงคนนั้นน่ะ เจ้าห้ามไปยุแหย่นางเด็ดขาดเลยนะ เพราะนางเป็นคนข้างกายของท่านชายกง นางมีความสามารถและถูกให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้ แม้แต่ข้ายังต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหาผิดใจกับนาง เจ้าเข้าใจไหม ?”
เซยู่เสียรู้สึกสงสัย “หืม… ข้าเห็นว่านางเป็นแค่เด็กสาวชนบทธรรมดาที่อยู่บ้านข้าง ๆ ก็เท่านั้น ไม่คิดว่านางจะสามารถอยู่เหนือกว่าความรักความห่วงใยที่พี่คอยติดตามดูแลอยู่ข้างกายคุณชายกงมาเป็นเวลาสิบปีได้เช่นนี้”
ฝูฉูนึกถึงตรงจุดนี้ นางก็รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านใจจนถึงกับต้องกดขมับแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “พอได้แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องอยากรู้ให้มันมากนัก ครั้งนี้เจ้าเอาแต่ใจและหนีออกจากบ้านมาแบบนี้ ครั้งหน้าเห็นทีว่าข้าต้องให้พ่อผูกเจ้าด้วยเชือกเสียให้รู้แล้วรู้รอด!”
เซยู่เสียก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
……
หลังจากที่ฝูฉูออกไปแล้ว เจียงป่าวชิงก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่กงจี้ “นี่คุณชายกง ดูทำเข้าสิ อยู่ดี ๆ ไปจับคู่ให้คนอื่นเขาทำไม ?!”
กดจี้บดฟันกราม “เจียงป่าวชิง ยิ่งอยู่เจ้ายิ่งกล้าขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ ข้าหวังดีจะช่วยให้พี่ชายเจ้าสมหวัง…”
พูดมาถึงตรงนี้ กงจี้ก็ขมวดคิ้วและไม่พูดต่อ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่สำเร็จอย่างที่ใจเขานึก และดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะกระทบกระเทือนจิตใจเจียงหยุนชานอยู่พอสมควร
ทว่าในขณะเดียวกัน กงจี้ชื่นชมเจียงหยุนชานมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเรื่องนี้ ชายหนุ่มตัวเล็ก ๆ ที่อายุยังไม่มาก อีกทั้งยามปกตินิสัยก็นุ่มนวล กงจี้ไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้มแข็งขนาดนี้เมื่อเจอกับเรื่องที่สร้างความกระทบกระเทือนต่อจิตใจ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังไม่เสียกิริยาอีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก
“หึ ๆ ทำไมรึ ? เจ้าพูดต่อไม่ได้แล้วสิ” เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะ นางคิดว่าชนชั้นศักดินาที่มีอภิสิทธิ์เหล่านี้น่ารำคาญจริง ๆ จะพูดจะจาอะไรไม่ปรึกษาคู่กรณีก่อนล่วงหน้า กลับอาศัยเอกสิทธิ์เฉพาะตัวในการชี้การแต่งงาน ณ ที่แห่งนั้นเลย ทำเอาพี่ชายของนางเสียใจจนกลับบ้านไป
คิดถึงตรงนี้ เจียงป่าวชิงก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่กงจี้อีกครั้งพลางคิดในใจอย่างเผ็ดร้อน ‘เจ้ามันเนื้อร้ายของระบบศักดินาแท้ ๆ!’
กงจี้ถูกเจียงป่าวชิงถลึงตาใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาไม่รู้จะทำสีหน้ายังไง จึงกระแอมไอและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้ามานี่หน่อยสิ”
เจียงป่าวชิงมองกงจี้อย่างระมัดระวังก่อนจะเอ่ยถามหยั่งเชิง “อะไรล่ะ ?”
ทุกครั้งที่กงจี้เห็นเจียงป่าวชิงมีท่าทีระมัดระวังตัว ไฟโกรธที่มอดไปแล้วในใจของเขาก็กลับมาปะทุทุกครั้งไป
นางจะเตรียมตัวป้องกันเขาทำไมนักหนา ? ทำอย่างกับว่าเขาเป็นสัตว์ดุร้ายที่พร้อมเขมือบกลืนกินนางลงคออย่างนั้นแหละ
กงจี้แค่นเสียงหัวเราะเยาะหยัน “เหอะ ๆ ข้าจะหยิบดาบฟันเจ้าให้ตายยังไงล่ะ ไม่อย่างนั้นข้าจะเรียกให้เจ้าเดินมาหาทำไม ?”
กงจี้พูดมาแบบนี้ แทนที่เจียงป่าวชิงจะกลัว แต่นางกลับก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าท้าทาย
เจียงป่าวชิงคิดว่าเขาคงพูดโม้ล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง ถ้าหากว่าเขาคิดจะฆ่านางให้ตายจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ให้นางเดินไปหา เพียงแค่สลัดมีดสั้นจากที่ไกล นางก็หมดหวังแล้ว
เจียงป่าวชิงก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้ากงจี้ “ว่าไงล่ะ เจ้าจะทำอะไร ?”
“ยื่นมือมาสิ” กงจี้สั่ง
เจียงป่าวชิงก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย “เอ๊ะคุณชายกง! เจ้าจะทำอะไรกันแน่ ?”
เมื่อกงจี้เห็นท่าทีป้องกันตัวอย่างไม่รู้ตัวของเจียงป่าวชิง ไฟโกรธกองเดิมก็เผาไหม้ในใจของเขาทันที เขาไม่รีรอ คว้ามือเจียงป่าวชิงแล้วพลิกขึ้นด้านบนเผยให้เห็นฝ่ามือของนาง
ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะล้างฝ่ามือจนสะอาดดีแล้ว มันกลับยังคงมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย
“ปล่อยข้านะ!”