เหลียงโหย่วซินใกล้จะอายุห้าสิบปีแล้ว มีสาวเล็กสาวน้อยมากมายจากบ้านเล็ก เขาทำงานหนักทุกวันและเพิ่งมีเหลียงจื้อถงลูกชายคนเดียวตอนอายุใกล้จะสามสิบปี
ตั้งแต่เหลียงจื้อถงเกิดมา เขาก็กลายเป็นสิ่งล้ำค่าอันเป็นที่รักของตระกูลเหลียง คนในบ้านปล่อยให้เขาทำตัวไร้สาระและก่อเรื่องวุ่นวายไปวัน ๆ ได้โดยที่ไม่ถูกต่อว่า พวกเขาเลี้ยงเขาจนกลายเป็นชายกินจุรูปร่างอ้วน ไม่พอ ยังมีนิสัยเหิมเกริมไม่รู้จักเกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น
เหลียงโหย่วซินรีบเดินเข้าไปในลานบ้าน แล้วเขาก็เห็นเหลียงจื้อถงปิดตาซ้าย หลังจากที่บรรเทาความเจ็บปวดในตอนแรกเริ่มได้แล้ว เหลียงจื้อถงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและต้องการให้คนมาถลกหนังของไอ้ผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นที่ทำเขา
วันนี้เหลียงจื้อถงถูก ‘คุณชายช่าง’ เขวี้ยงมีดแทงทะลุฝ่ามือข้างขวา ถึงแม้เหลียงโหย่วซินจะรู้สึกเหมือนมีมีดกรีดลึกอยู่ในใจ ทว่าถ้ารักษาบาดแผลดี ๆ ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่หาย
แต่ตอนนี้ลูกชายคนเดียวกลับมาถูกสาวใช้คนหนึ่งทำให้ตาข้างซ้ายเหมือนจะบอด เหลียงโหย่วซินจะทนไหวได้อย่างไรกัน ? เขารู้สึกสงสารลูกชายจับใจ ไฟโกรธจึงผสมผสานเข้าด้วยกันกับความเลียดชัง
เขาย่างสามขุมเข้าไปถามเหลียงจื้อถงด้วยเสียงอันดัง “ถงเอ๋อร์ ตาเจ้าไปโดนอะไรมา ?!”
เหลียงจื้อถงจำพ่อของเขาได้จากตาข้างเดียว ดวงตาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมีน้ำตาไหลพราก เขาร้องไห้และรีบฟ้องพ่อของเขายกใหญ่ “ท่านพ่อ หญิงชั้นต่ำนั่นทำให้ตาซ้ายของข้ามองไม่เห็น! ท่านรีบฆ่ามันให้ข้าที ไม่สิ! ข้าจะเป็นคนถลกหนังของนางด้วยตัวข้าเอง!”
เหลียงจื้อถงชี้เจียงป่าวชิงที่ยืนอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด
เหลียงโหย่วซินงัดมือที่เหลียงจื้อถงใช้ปิดตาข้างซ้ายออก เขาพบว่าตาข้างซ้ายของลูกชายเขียวเป็นวงกว้าง เห็นได้ชัดว่ามันบวมเป่งไม่อาจลืมตาขึ้นได้
เหลียงจื้อถงส่งเสียงร้องอย่างต่อเนื่อง ตาข้างซ้ายที่ปิดแน่นมีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา
“ท่านพ่อ รีบจัดการหญิงชั้นต่ำนั่นให้ข้าเร็วเข้า!” เขากัดฟันพูด
เหลียงโหย่วซินเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้ที่ถงเอ๋อร์ของเขาไม่เคารพคุณชายช่าง จนทำให้คุณชายช่างลงมือสั่งสอนเขาก็ยังถือว่าพอเข้าใจได้อยู่ แต่หญิงคนใช้ชั้นต่ำโหดเหี้ยมคนหนึ่ง เหตุใดนางถึงกล้าลงมือกับถงเอ๋อร์ของเขาได้ขนาดนี้
เหลียงโหย่วซินหันหน้าไปมองเจียงป่าวชิงและพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึม “เป็นเจ้าหรือที่ทำร้ายถงเอ๋อร์ ?”
เจียงป่าวชิงตอบอย่างว่องไว “ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจว่าตัวข้าเพียงแค่ตีโจรก็เท่านั้น”
“โจรรึ ?” เหลียงโหย่วซินกัดฟันถาม
เจียงป่าวชิงถามกลับอย่างโจ่งแจ้ง “แล้วทำไมถึงจะไม่ใช่โจรล่ะเจ้าคะ ? ข้ากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง โจรอย่างเขาก็เจาะรูหน้าต่างแอบมองข้า ภายใต้ความกระวนกระวายใจ ข้าทำได้เพียงตีโจรด้วยกล่องใส่ของแต่งหน้า” เจียงป่าวชิงเผยสีหน้าสงสัยออกมาให้เห็น “อ๊ะ! หรือว่านี่ไม่ใช่โจร ?”
เหลียงโหย่วซินมองสาวใช้ที่มีน้ำมีนวลตรงหน้าซึ่งพูดจาฉะฉานมีเหตุมีผล เขาก็รู้สึกเจ็บขมับขึ้นมาอย่างกะทันหัน …ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าลูกชายของเขาคิดจะทำอะไร เขาคงเห็นสาวใช้คนนี้ทั้งน่ารักทั้งมีน้ำมีนวลจึงอยากใกล้ชิดกับนาง
“ท่านพ่อ อย่าไปฟังนางพูดจาเหลวไหลนะ! ข้าแค่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างในจึงคิดว่ามีโจรอยู่ในนั้น” สมองของเหลียงจื้อถงทำงานเร็วอยู่พอสมควร เขาแก้ต่างให้ตัวเองเสียงดังโดยที่ยังคงปิดตาข้างซ้ายไว้อย่างนั้น “ใครจะไปรู้ว่าหญิงชั้นต่ำคนนี้จะลงมือโหดเหี้ยมกับข้า อีกอย่าง นางเป็นเพียงคนรับใช้ต่ำต้อย แต่กลับกล้าทำร้ายคนอย่างข้า ท่านพ่อ รีบจับนางมัดเร็วเข้า”
“หืม ใครกันที่คิดจะมัดสาวใช้ของข้า ?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของกงจี้ดังมาจากหัวโค้งในตัวบ้าน ไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว
เหลียงโหย่วซินรู้สึกใจคอไม่ดีทันที ขณะเดียวกัน ท่านซุนก็มาด้วย เขาเดินมาตรงกลางลานบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึง ปากก็เอ่ยถามขึ้นว่า “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
ครั้งนี้เหลียงจื้อถงรู้ดีว่าไม่สามารถให้หญิงชั้นต่ำคนนั้นเป็นฝ่ายได้ฟ้องก่อน เขาชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ท่านขอรับ ข้าเดินผ่านลานบ้านและได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแปลกประหลาด พอเข้ามาก็เห็นว่าประตูกับหน้าต่างปิดไว้อย่างแน่นหนาจึงคิดว่ามีคนกำลังทำผิดอยู่ในห้อง ข้าเพียงแค่คิดจะหาคำตอบก็เลยเจาะรูบนหน้าต่าง แต่ใครจะไปรู้ว่าหญิงชั้นต่ำคนนี้ เอ่อ… สาวใช้คนนี้… นางจะลงมือกับข้า นางใช้ของแข็งตีกระแทกจนตาข้างซ้ายข้าบอด! สาวใช้คนนี้ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมมาก จู่ ๆ ก็เข้ามาทำร้ายร่างกายคนอื่น เห็นได้ชัดว่านางมีจิตใจต่ำช้าชั่วร้าย คนดุร้ายเช่นนางติดตามอยู่ข้างกายคุณชายช่าง เห็นทีจะเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเขาแล้ว”
มาถึงตอนนี้ข้าหลวงซุนถึงจะรู้ว่าเป็นสาวใช้ของคุณชายช่างที่ลงมือทำร้ายเหลียงจื้อถง
เหลียงจื้อถงเป็นเด็กซื่อบื้อที่ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล แต่เหลียงโหย่วซินผู้เป็นบิดาของเหลียงจื้อถงรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเขา หากว่าปลอบไม่ดีก็คงจะเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
อันที่จริง… ถ้าสาวใช้คนนี้เป็นสาวใช้ธรรมดา ๆ ข้าหลวงซุนก็คงส่งนางออกไปเพื่อทำให้เหลียงโหย่วซินกับเหลียงจื้อถงคลายความโกรธเคืองโดยที่ไม่คิดอะไรแล้ว แต่สาวใช้คนนี้กลับไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา
นางเป็นสาวใช้ของคุณชายเย็นชาตรงนั้น!
ท่านซุนมองกงจี้เล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าอึมครึมของกงจี้ ก็เหมือนมีอะไรมากระทบอยู่ในใจเขาอย่างไรอย่างนั้น
“หลานช่าง เจ้ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงรึ ?”
ซุนจงอี้แสร้งทำเป็นถามกงจี้ด้วยท่าทางลำบากใจ แต่กงจี้ไม่สนใจ เขาหันไปมองเจียงป่าวชิง “ชิงยู่ เจ้าว่ายังไงล่ะ ?”
น้ำเสียงของเขาไม่ดังไม่เบา แต่มันกลับเย็นยะเยือกแบบมีความแหลมคมราวกับใบมีดแฝงไว้
ชิงยู่หรือเจียงป่าวชิง เมื่อสักครู่นางยังมีท่าทางด่าฟ้าดินอยู่เลย ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัว นางหลบหลีกไปอยู่ข้างกงจี้และพูดขึ้นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ท่านชายเจ้าคะ ท่านอย่าไปฟังไอ้คนลามกคนนั้นพูดเหลวไหลนะ ข้าน้อยอยู่ในห้องอย่างซื่อตรง จะกล้าออกไปที่ไหนได้ยังไงกัน เป็นเพราะข้าน้อยกลัวว่าจะสร้างความวุ่นวายให้กับท่านชาย อีกอย่าง พอข้าน้อยได้ยินฝีเท้าคนจากด้านนอก ข้าน้อยจะกล้าออกไปที่ไหนได้ล่ะเจ้าคะ จากนั้นข้าน้อยก็เห็นว่ามีคนแอบดูอยู่ตรงหน้าต่างจึงคิดในใจว่าถ้ามีธุระอะไร ทำไมไม่มาเคาะประตู การแอบดูเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่โจรแล้วจะเป็นอะไรได้อีก ? ภายใต้ความกระวนกระวาย ข้าน้อยจึงต้องปกป้องตัวเอง แต่ใครจะไปคิดว่าโจรคนนั้นจะเป็นคุณชายท่านหนึ่ง แต่ก็นะ… ใครบอกว่าคุณชายจะทำเรื่องเลวร้ายไม่เป็นล่ะ ?”
กงจี้พยักหน้าอย่างช้า ๆ “อืม เจ้าพูดถูกเป็นอย่างยิ่ง”
ซุนจงอี้ได้ยินดังนั้น เขาก็รู้ทัศนคติของตนเองทันที จึงทำการตัดสินใจในตอนนั้นเสียเลย
เหลียงโหย่วซินได้ยินเจียงป่าวชิงพูดอย่างมีเหตุมีผล และผลักความผิดมาที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา เขาก็เกือบพูดคำว่า ‘หาเหาใส่หัว’ ออกมาแล้ว ทว่าเขาเพียงทำหน้าขรึม “ได้! แม้ว่าพฤติกรรมของลูกชายข้าจะไม่เหมาะสมจึงทำให้แม่นางเข้าใจผิด แต่แม่นางสามารถตะโกนเรียกคนได้มิใช่รึ ? องครักษ์ออกจะเยอะแยะขนาดนี้ พวกเขาปกป้องความปลอดภัยของแม่นางได้แน่ …แต่แม่นางกลับกระทำชั่วร้ายอย่างเช่นหยิบของหนักมาทำร้ายดวงตาของลูกชายข้าแบบนี้”
เจียงป่าวชิงยกกล่องเหล็กเล็ก ๆ ในมือขึ้น นั่นเป็นกล่องเล็ก ๆ สีแดงที่มีรูปดอกโบตั๋นแกะสลักบนพื้นผิวกล่อง ดูประณีตงดงามเป็นอย่างยิ่ง “ของหนักอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ? ท่านผู้นี้ก็พูดตลกแล้ว หากว่าข้าน้อยมีเจตนาตั้งใจจะทำร้ายคุณชายท่านนั้นจริง ๆ ก็คงจะใช้ของหนักอย่างเช่นม้านั่งหรือไม่ก็กาน้ำชาไปแล้ว ที่ใช้กล่องสีแดงนี่ก็เพราะตื่นตระหนกและรีบที่จะปกป้องตัวเอง”
เหลียงโหย่วซินตกตะลึงจนพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ซุนจงอี้ยังอยู่ ณ ตรงนี้และเขามีเจตนาจะไกล่เกลี่ยจึงรีบพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน สาวใช้ของหลานช่างไม่มีเจตนาทำร้ายใครจริง ๆ เด็กมันก็แค่ใช้สิ่งของมาปกป้องตัวเอง พูดไปพูดมาก็เหมือนจะเป็นหลานเหลียงที่คิดไม่ดีพอจึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดครั้งนี้ ต่อไปทำอะไรระวังหน่อยก็แล้วกัน …ท่านเหลียง ข้าว่าบาดแผลที่ตาของหลานเหลียงควรรีบไปให้หมอดูอาการจะดีกว่า ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือพาหลานเหลียงไปรักษาก่อน”
เรื่องนี้กำลังจะถูกประทับตราและตัดสินแล้ว มันคือเรื่องเข้าใจผิด และเป็นการอ่อนข้อให้เหลียงโหย่วซินกับเหลียงจื้อถงไปในตัว
เหลียงโหย่วซินเข้าใจความหมายของท่านซุนทันที เขาแค้นเจียงป่าวชิงถึงขั้นกัดฟัน แต่ยังต้องประดับรอยยิ้มบนใบหน้าเพื่อคงภาพลักษณ์ไว้ให้ดูดี “อืม ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ”
คำพูดนี้แทบจะแค่นออกมาจากในซอกฟัน
เจียงป่าวชิงหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ เหอะ! คนสกปรกโสมม ข้าหลวงซุนยังเรียกเขาว่า หลานเหลียง ในขณะที่ก็เรียกกงจี้ว่า หลาน เช่นกัน เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขาเอาคนสกปรกโสมมเช่นนี้มาพูดเปรียบกับกงจี้น่ะสิ
คิดไปคิดมา นางก็คิดได้ว่า ‘ไม่มีทางเทียบกงจี้ได้หรอก!’
.
Related