หลังจากผ่านเหตุการณ์คราวก่อนที่เกือบถูกลดตำแหน่ง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของอวี๋หมิงหลางก็เพิ่มขึ้นอีกระดับ
“ผมจะบอกพวกคุณให้นะ คนที่มีเรื่องกับผมไม่มีจุดจบที่ดีหรอก ฮ่าๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณไม่มีปัญญาดิ้นรนอยู่ในวงการได้หรอก การแข่งครั้งนี้คุณแพ้เละเทะแน่ ฮ่าๆๆ”
หลังจากที่จ้าวต้าเผ้าพูดจาถากถางจนพอใจแล้วก็ฮัมเพลงค่อยๆเดินจากไป
เสี่ยวเชี่ยนมองตามเขาอย่างเย็นชา ไอ้คนหน้าไม่อาย
“ไม่รู้ว่าต้าอีที่อยู่ข้างในรับมือคนเดียวไวหรือเปล่า”
เสี่ยวเชี่ยนเป็นห่วงต้าอีมาก อันที่จริงผลการแข่งขันที่แสนน่าเบื่อนี้จะเป็นอย่างไรเธอก็ไม่ได้แคร์หรอก
เธอแค่อยากให้ต้าอีแสดงความสามารถของตัวเองให้เต็มที่ ต่อให้แพ้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ไม่กระทบจิตใจ ไม่ทำลายความมั่นใจและไม่เป็นอุปสรรคต่ออนาคตของต้าอีเป็นพอ
เสี่ยวเชี่ยนกำลังเป็นห่วงคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและพี่สะใภ้รอง แต่เสี่ยวเฉียงกลับกำลังมองตามจ้าวต้าเผ้าที่เดินหายลับไป
“เสียวเหม่ย คุณไปหาแม่ตรงที่นั่งคนดูนะ แม่ผมไปขอตั๋วมาแล้ว คุณไปให้กำลังใจต้าอีในฐานะคนดูเถอะ”
“แล้วนายล่ะ?”
“ผม…มีธุระนิดหน่อย” อวี๋หมิงหลางพูดเสียงขรึม
จ้าวต้าเผ้าประสบความสำเร็จในการพูดจาถากถางเสี่ยวเชี่ยน เขาสะใจมาก
เขาฮัมเพลงตลอดทางที่เดินไปเข้าห้องน้ำ รูดซิปทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วก็ไปล้างมือ จากนั้นก็ยืนโทรศัพท์ข้างอ่างล้างมือ
“ผมเองนะครับ เด็กนั่นขุดหลุมดักตัวเองซะแล้ว ฮ่าๆ ยังไม่ทันถึงพรุ่งนี้ให้คนของเราลงมือ วันที่สองมันก็ขาดแข่งแล้ว ขำเป็นบ้า ฮ่าๆ”
“ขาดแข่งเหรอ?”
“ใช่ครับ ผู้ช่วยมันไปลงแข่งแทน ผู้ช่วยมันเป็นแค่นักศึกษาปริญญาตรี แล้วจะสู้คนอื่นได้ยังไง มันตกรอบแน่ ต่อให้สู้ได้แล้วไงล่ะ มันไม่ได้ลงแข่งเองให้ผู้ช่วยแข่งมันผิดกติกาอยู่แล้ว คุณรีบหาคนไปเป่าหูพวกคนไข้เก่าๆของมันดีกว่า ขอแค่หามาได้สักคนมันก็จะหมดสิทธิ์เป็นนักจิตวิทยาบำบัด”
“อย่าเพิ่งประมาทไป รอดูผลก่อนค่อยว่ากัน เพื่อเป็นการไม่ประมาท อย่าเพิ่งให้คนไข้สมมติที่ร่วมมือกับพวกเราวันพรุ่งนี้ล่าถอย พวกเราต้องหาทางเล่นงานมันทุกทาง”
“ครับ ท่านฉลาดมากจริงๆ ทำทุกอย่างรอบคอบ…เห้ย”
ขณะที่กำลังรายงานสถานการณ์อยู่นั้น พอจ้าวต้าเผ้าเงยหน้าขึ้นเห็นเงาคนที่สะท้อนในกระจกก็ถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ มือสั่น โทรศัพท์ตกลงไปในอ่างล้างมือ
ภายในกระจกนั้นได้สะท้อนเงาคนร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของเขาราวกับผี
“เห้ย แกจะทำอะไร” จ้าวต้าเผ้าตกใจตัวสั่น เขาเห็นดวงตาของคนๆนั้นกำลังยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
“เดาดูสิ?”
“แกเป็นใคร…โอ๊ย”
จากนั้น เสียงก็ตัดไป…
ผ่านไปสามสิบวินาทีก็มีคนวิ่งออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จ้าวต้าเผ้าตบประตูพลางตะโกน “มีคนอยู่ข้างนอกไหม ผมไม่อยากอยู่ในห้องน้ำเหม็นๆนี่ มีคนขังผมไว้ในนี้…”
ทำร้ายร่างกายหรือด่าล้วนผิดกฎหมาย ย่อมทำไม่ได้
แต่ว่า…ถ้ามือเผลอไปล็อคประตูเข้า แบบนั้นก็ไม่เป็นไรสินะ?
ห้องน้ำที่อยู่ทางด้านนี้ค่อนข้างห่างไกล อยู่ลึกสุด แทบไม่มีคนเข้ามาใช้ จ้าวต้าเผ้าอยากรีบปลดทุกข์ เห็นห้องน้ำทางอื่นคนเยอะจึงมาเข้าตรงนี้ ปรากฏว่าใครจะไปคิดว่าจะถูกขังไว้ในนี้
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงจ้าวต้าเผ้าที่ถูกรมด้วยกลิ่นห้องน้ำก็เริ่มอยากอาเจียน ทำไมห้องน้ำของสถานีโทรทัศน์ถึงมีส้วมตันด้วย? แล้วนี่ขี้ใครมีใบกุยช่ายด้วย แหวะ
“มีใครอยู่ไหม…” จ้าวต้าเผ้าตะโกนจนเสียงแหบ มือก็ทุบประตูจนเจ็บไปหมด
ในที่สุดก็มียามรักษาความปลอดภัยมาเดินลาดตระเวน ตอนที่ได้ยินเสียงจากในห้องน้ำเกือบคิดว่ามีผี พอเปิดประตูเข้าไปก็พบจ้าวต้าเผ้าที่ใบหน้าพะอืดพะอม
“คุณยังโอเคไหมครับ?”
“ผมจะแจ้งตำรวจ มีคนขังผม แย่งเอามือถือผมไปด้วย…”
“โทรศัพท์คุณก็ยังอยู่ในมือนี่ครับ?” ยามคนนั้นชี้
เพียงแต่แบตโทรศัพท์ถูกโยนไปในกองขี้พอดี คนแบบนี้ต้องใจดำขนาดไหน ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าแต่หยิบออกมาไม่ได้
จ้าวต้าเผ้ามองโทรศัพท์มือถือที่ไร้แบตแล้วโวยวายกับยาม
“มันถอดแบตโทรศัพท์ผมออกแล้วโยนไปตรงนั้น มันยังดูบันทึกการโทรของผมด้วย”
“เอ่อ เรื่องแบบนี้ ตำรวจไม่น่าจะรับแจ้งนะครับ?” ไม่ใช่ปล้นเงินปล้นโทรศัพท์เสียหน่อย
“เขาทำร้ายคุณไหมครับ?”
“เปล่า…แต่มันขังผมไว้ในส้วม”
“เรื่องนี้ก็คงไม่รับแจ้งเหมือนกันครับ” ยามคนนี้ค่อนข้างฉลาด ตอนที่เขาเข้ามาเขาเห็นแล้ว มองภายนอกดูไม่ออกว่าประตูห้องน้ำถูกคนล็อคหรือว่ามันพังเอง กลอนถูกล็อคอย่างเป็นธรรมชาติมาก
ถ้ามันล็อคเอง หากกลายเป็นเรื่องใหญ่ทางสถานีก็ต้องรับผิดชอบ
‘สถานีโทรทัศน์คือบ้านเรา เงินเดือนรักเรา เราก็รักมัน’ ความคิดนี้ได้ฝังรากลึกอยู่ในใจของยามคนนี้ เดี๋ยวต้องไปรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าแล้ว ไม่แน่อาจได้รับคำชมด้วย
“จะไม่รับแจ้งได้ไง ผมจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้” จ้าวต้าเผ้าต้องทนดมกลิ่นเหม็นอยู่ตั้งนาน เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“คุณเห็นใบหน้าคนๆนั้นชัดเจนไหมครับ?”
“มันปิดหน้า ผมเห็นไม่ชัด”
ยามส่ายหน้ากับจ้าวต้าเผ้า “คุณครับ คุณทำงานเหน็ดเหนื่อยเกินไปหรือเปล่าก็เลยเห็นภาพหลอน? ทางสถานีกำลังจัดแข่งขันนักจิตวิทยาบำบัดอยู่ ไม่งั้นเดี๋ยวถ้างานเลิกแล้วลองไปให้พวกเขาดูหน่อยไหมครับ?”
จ้าวต้าเผ้าโกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
นั่นสินะ…
เขาไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่ได้ถูกด่า ทรัพย์สินก็ไม่ได้หาย อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครขังเขาเอาไว้ แจ้งตำรวจไปจะมีประโยชน์อะไร?
ผู้ชายที่ปิดหน้าปิดตาไว้คนนั้นเป็นใครกัน? น่าสงสัย…
อวี๋หมิงหลางใกล้ถึงหน่วยแล้ว พี่ใหญ่โทรมาหาเขาจึงรับสายผ่านหูฟังบลูทูธ
“พี่ใหญ่สืบเบอร์ได้ยัง?”
“ไม่ได้ เป็นเบอร์แบบใช้แล้วทิ้ง หาไม่ได้ว่าเป็นของที่ไหน ไม่ได้ใช้ชื่อจริงซื้อด้วย” พี่ใหญ่พูดอย่างเซ็งๆ
“สืบไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก คนที่กล้าเล่นงานเมียผมย่อมรอบคอบเป็นธรรมดา แต่มันก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าเบื้องหลังจ้าวต้าเผ้ามีคนบงการอยู่ ส่วนเรื่องอื่นผมไม่รีบ จะเจ้าเล่ห์แค่ไหนช้าเร็วมันก็ต้องเผยตัวออกมา”
“เดี๋ยวพี่จะสืบเรื่องเงินเข้าออกบัญชีของจ้าวต้าเผ้าในช่วงนี้ ดูว่าจะพอมีเบาะแสอะไรบ้างไหม ทางด้านน้องสะใภ้นายก็ระวังหน่อย อย่าให้เขาเสียเปรียบได้”
“เข้าใจแล้วครับ”
อันที่จริงเวลานี้อวี๋หมิงหลางอยากไปดูเสี่ยวเชี่ยน ต้าอีกำลังแข่งแทนเธออยู่ แต่เขายังมีงานที่หน่วย โดดไปไม่ได้ ทำได้แค่ออกมาอย่างเคียดแค้น จากนั้นก็ส่งข้อความบอกเสี่ยวเชี่ยน
เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนนั่งอยู่ข้างแม่อวี๋ในฐานะผู้ชมด้านล่าง เธอมองต้าอีที่อยู่บนเวที ในใจรู้สึกโล่งอก
สีหน้าต้าอีไม่ได้ดูกังวล ยังดูนิ่งมาก
ดูท่าก่อนแข่งพี่รองจะช่วยพูดให้เธอมั่นใจ คนที่ทำให้ต้าอีใจเย็นลงได้นอกจากเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็มีพี่รองนี่แหละ
“เสี่ยวเชี่ยนจ๊ะ หนูว่าต้าอีจะไหวไหม?” แม่อวี๋หวั่นใจแทนลูกสะใภ้ที่ต้องจับพลัดจับผลูขึ้นไปแข่งแทน
ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่ต้องช่วยตัวประกันสองคนนั้น มีเหรอจะเข้าไปแข่งไม่ได้?
“ไหวค่ะ หนูมั่นใจในตัวต้าอี” สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนเป็นกังวลมากที่สุดก็คือต้าอีจะเครียดมากเกินไป กลัวต้าอีจะหมดความมั่นใจเพราะการแข่งครั้งนี้
แต่ดูจากสีหน้าของต้าอีแล้วก็วางใจได้