“ของขวัญของนักพรตจื่อซียังไม่ทันมอบให้ ดูท่าข้าต้องเตรียมของขวัญอีกชิ้นแล้ว” มั่วชิงเฉินยิ้ม
ต้วนชิงเกอชำเลืองมองมั่วชิงเฉิน มุมปากยกขึ้น “ชิงเฉิน เช่นนั้นข้าก็ควรเตรียมของขวัญให้เจ้าอีกสักชิ้นใช่หรือไม่”
“หืม” ชิงเฉินไร้การโต้ตอบไปครู่หนึ่ง
ต้วนชิงเกอยื่นมือออกมา อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของมั่วชิงเฉิน “อย่าแกล้งโง่หน่อยเลย เรื่องของเจ้ากับลั่วหยางเจินจวินเป็นมาอย่างไร เห็นพวกข้าเป็นคนตาบอดรึ”
หน้าของมั่วชิงเฉินถูกย้อมเป็นสีแดงเข้มชั่วขณะ
ต้วนชิงเกอไม่ยอมปล่อย พูดต่อไปอีกว่า “การที่ข้ากับหลีลั่วคิดถึงเจ้าช่างเปล่าประโยชน์เสียจริง ผลสุดท้ายเจ้าก็ได้ดิบได้ดี ห้าสิบกว่าปีที่จากไปนี้ แม้แต่ข่าวคราวก็ยังไม่มี ที่แท้ก็มีความสุขอยู่กับลั่วหยางเจินจวินอยู่นี่เอง ช่างเป็นคู่รักที่ฟ้าดินมิอาจแยกออกจากกัน มีความสุขจนลืมบ้านเกิดของตัวเองไปแล้วหรือนี่”
“ชิงเกอ เจ้าล้อข้าเล่นแล้ว” มั่วชิงเฉินถอนหายใจ สีหน้าไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่น้อย
หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก นางคงเป็นเช่นนั้นแหละ
ต้วนชิงเกอถามนางต่อ “ชิงเฉิน รีบเล่าเถอะ หลายปีนี้แท้จริงแล้วพวกเจ้าไปที่ไหนกันมา แล้วเหตุใดถึงอยู่ด้วยกันได้”
“พวกข้าเดินทางไปดินแดนทั้งสิบฝั่งตะวันออกมา”
“ดินแดนทั้งสิบฝั่งตะวันออก พวกเจ้าไปที่นั่นกันได้อย่างไร” ต้วนชิงเกอตกใจเล็กน้อย
มั่วชิงเฉินตอบ “เพราะบังเอิญน่ะ เป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่ก็ไปถึงที่นั้นแล้ว คนท้องถิ่นที่นั่นกับเทียนหยวน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ละทวีปมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่เฟิ่งหลินโจว สตรีเป็นใหญ่ น่าประหลาดใจใช่หรือไม่”
“สตรีเป็นใหญ่หรือ”
“ใช่แล้ว สตรีที่นั่นสามารถเป็นเหมือนบุรุษเทียนหยวนของเรา สามารถแต่งสามีได้สามอนุอีกสี่” มั่วชิงเฉินอธิบาย
ครู่หนึ่งต้วนซิงเกอถึงแสดงสีหน้าออกมาช้าๆ ถอนหายใจตอบว่า “หนทางของผู้บำเพ็ญเพียรมีนับหมื่นสายจริงๆ การออกไปเปิดใจมองสิ่งใหม่ทำให้มองเห็นอะไรได้กว้างขึ้น หากข้ามีโอกาส ก็อยากจะออกนอกเทียนหยวนไปท่องเที่ยวดูสักครา”
“ควรเป็นเช่นนั้น” มั่วชิงเฉินตอบ ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องราวเมื่อตอนออกไปทำภารกิจกับหลัวอวี้เฉิง เก็บซากกระดูกของฝูเหิงเจินจวินและเหวินหนิงกลับจงหลาง
ดินแดนจงหลานและทวีปแห่งเทพไม่เหมือนกัน ทวีปแห่งเทพแบ่งพื้นที่ออกเป็นห้าส่วนประกอบด้วย เทียนหยวน สิบทวีป แดนไท่ไป๋ ทุ่งชื่อเจ่าและดินแดนทุรกันดาร ถึงแม้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ก็มีเส้นทางเดียวกัน ผิดกับดินแดนจงหลาน ที่มีเรื่องแปลกประหลาดเต็มไปหมด ผู้บำเพ็ญระดับสูงจำนวนมาก แม้แต่ชื่อก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
พูดถึงเรื่องฝูเหิงเจินจวิน นางมีลางสังหรณ์เล็กน้อย วิถีการบำเพ็ญเพียรของดินแดนจงหลาน เทียบกับเทียนหยวนแล้วน่าจะสูงกว่าหนึ่งระดับ
บางที ควรหาโอกาสออกไปท่องเที่ยวดูสักครา
“ชิงเฉิน” มั่วชิงเกอสะกิดนาง
มั่งชิงเฉินเรียกสติตัวเอง หันไปถามว่า “อะไรหรือ”
ต้วนชิงเกอยิ้ม “อะไรเสียอีกเล่า เจ้าอย่างแกล้งโง่อีกเลย ที่ข้าถามเจ้าคือเจ้ากับลั่วหยางเจินจวินลงเอยกันได้อย่างไร”
มั่วชิงเฉินเงียบสักพักก่อนเม้มปากตอบว่า “ความจริงข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหน ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเดินไปตามทางของมัน จนข้ารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าเขาเข้ามาอยู่ในใจของข้าเรียบร้อยแล้ว”
“ช่างดียิ่ง” ต้วนชิงเกอถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลายปีมานี้ที่มั่วชิงเฉินไม่ได้อยู่ในพรรค นางเห็นการกระทำของเหอกวงเจินจวินก็รู้สึกตกใจ ที่แท้เหอกวงเจินจวินปฏิบัติกับชิงเฉินเพราะมีใจให้!
แม้รู้ว่าเหอกวงเจินจวินพยายามอดทนปิดกั้นตัวเองมาโดยตลอด แต่นางแอบกังวลว่าถ้าเกิดมั่วชิงเฉินกลับมาแล้ว ความปรารถนาที่อดกลั้นอยู่ในใจมาเนิ่นนาน ภายใต้วันเวลาแห่งความคิดถึงและห่วงใยที่สั่งสมไว้อย่างเงียบๆ หากช่องว่างแตกออก ในอนาคตคงยากจะรักษาแผลในใจได้
หากคำว่ารักคำนี้ เป็นสิ่งที่พูดออกมาได้ยากที่สุด เกรงว่าในฐานะผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดที่สามารถมองเห็นและเผชิญหน้าได้นั้น กลับยากจะปฏิเสธิออกไปได้
ก็เหมือนกับเทพเซียนในตำนานเล่าขาน ล้วนเคยมีความรู้สึกพลาดพลั้ง ถูกผลักลงไปกลายเป็นตำนานแห่งโลกมนุษย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่เดินทางในเส้นทางบำเพ็ญเพียร ย่อมมิอาจหลีกเลี่ยงผู้คนที่อยู่ด้านหน้าได้
ผู้บำเพ็ญเพียร แท้จริงแล้วสามารถควบคุมความปรารถนาต่างๆ ในใจของตนได้ และความปรารถนาเหล่านั้น ก็จะอยู่ในความสมดุลของธรรมชาติช่วงเวลาหนึ่ง บ่อยครั้งท่านสามารถถูกมันยั่วยวนได้มากกว่าเดิม ใจหนึ่งกลายเป็นเซียน ใจหนึ่งเข้าสู่มาร
ต้วนชิงเกอค่อยๆ คิดเรื่องนี้ แล้วยิ้มออกมา บัดนี้ตนเข้าใจแล้วว่ามีแต่ความรักเท่านั้นที่มิอาจปล่อยวางได้
ท่านอาจารย์เคยเตือนสติไว้ว่า ร่างกายของนางมีธาตุหยินบริสุทธิ์ ทำให้มิอาจหลีกเลี่ยงนิสัยที่ไร้การตอบสนองจากสิ่งรอบข้างได้ ดูเหมือนจะอ่อนโยนและอบอุ่น แต่ความจริงสันโดษและเยือกเย็น ยากจะให้บุรุษรับรู้ถึงความจริงใจ แต่ถ้าหัวใจเกิดเต้นขึ้นมา หากเป็นเนื้อคู่ที่สวรรค์บันดาลนับว่าดี แต่หากเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสม ใจเปรียบดั่งทะเลไร้คลื่น เมื่อนั้นก็จงรักษาตัวเองให้ดีๆ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรากวิญญาณสวรรค์หรือผู้ที่มีคุณสมบัติพิเศษเหล่านั้น แทบจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน น้อยมากที่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาจะเก็บมาใส่ใจจริงๆ ความจริงไม่ใช่เพราะพวกเขาเกิดมาสูงส่ง แต่เพราะการได้มาซึ่งง่ายเกินไป แม้ความปรารถนายังไม่เกิดขึ้น ก็นับว่าได้รับแล้ว แน่นอนว่าสามารถไม่สนใจ หรือมองได้อย่างทะลุไปเลยก็ได้
ดังนั้นคนเหล่านี้ สามารถติดอยู่ในคำว่ารักคำเดียวได้ ขอเพียงมีรัก ก็ไม่สนใจหรอกว่าคุณสมบัติจะโดดเด่นเพียงใด จะฐานะสูงส่ง เป็นที่ชื่นชอบหรือไม่ มันเป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุด มิอาจควบคุมได้
เพราะความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกสิ่งคือความรัก ความรักคือทุกสิ่ง ไม่ว่าความรักเริ่มต้นขึ้นจากตรงไหน แต่เมื่อรู้ตัวอีกที ก็มิอาจถอนตัวได้แล้ว
ชิงเฉิน หากชิงเกอมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นสักวัน หวังว่าเจ้าจะยืนเคียงข้างข้า คอยเตือนสติข้า
“ชิงเกอ เหตุใดเจ้าจึงทำหน้าแปลกๆ ออกมาเช่นนั้น” มั่วชิงเฉินยื่นมือออกไปตรงหน้าแววตาที่สั่นระริกของชิงเกอ
ต้วนชิงเกอเม้มริมฝีปากก่อนรอยยิ้มอบอุ่นจะปรากฏออกมา “ก็กำลังคิดอยู่ว่า ควรมอบขอบขวัญแบบไหนให้สหายรักที่สุดของข้าอยู่นะสิ พวกเจ้าอีกไม่นานก็จะจัดพิธีบำเพ็ญเพียรคู่ขึ้นอีกใช่หรือไม่”
มั่วชิงเฉินยิ้ม “ไยต้องกังวลด้วยเล่า น้ำใจของเจ้าข้ารับรู้แล้ว พวกเราเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ ยังต้องสนใจของขวัญเหล่านั้นอีกหรือ เรื่องพิธีบำเพ็ญเพียรคู่ ข้าคิดว่าเจินจวินไม่กี่ท่านนั้นมิอาจรั้งตัวเขาไว้นานได้ เทียนหยวนเพิ่งจะบรรลุระดับก่อกำเนิด พลังปราณยังไม่คงที่ ไม่ช้าก็เร็วก็น่าจะกักตนแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นน่าจะสามารถเตรียมพิธีก่อนได้”
“มีเหตุผล แต่ก็ไม่แน่นะ แขกที่มาคราวนี้น่าจะไม่ต้องกลับไปแล้ว คงพักอยู่ที่นี่รอดื่มเหล้ามงคลอีกสักครา” ต้วนชิงเกอยิ้มตอบ
มั่วชิงเฉินส่ายหัว “ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
เยี่ยเทียนหยวนกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิด หากจัดงานสมรสใหญ่ เกรงว่าแขกที่มาคงไม่ได้มีแค่เหล่าผู้บำเพ็ญระดับก่อกำเนิดของแต่ละสำนัก ยังต้องเชิญของพวกมารและปีศาจร่วมงาน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้อีกด้วย
คิดถึงตรงนี้ มั่วชิงเฉินก็รู้สึกกังวล คิดว่าพิธีบำเพ็ญเพียรคู่ของพวกนางเกรงว่ามิอาจราบรื่นได้เหมือนวันนี้อย่างแน่นอน
“ชิงเฉิน ตอนนี้น่าจะถึงเวลาที่คู่แต่งงานใหม่กับเหล่าเจินจวินดื่มเหล้าแสดงความเคารพกันแล้ว พวกเราไปทักทายเจ้าสาวกันเถอะ” พูดจบต้วนชิงเกอก็ลุกขึ้นมา