“ฉันพร้อมแล้ว จริงๆ นะ ฉันจะเชื่อฟังแกทุกอย่าง แกก็ปล่อยฉันออกไป ถ้ามีคนรู้ว่าพ่อของแกอยู่ในตาราง แกก็จะขายขี้หน้าไม่ใช่เหรอ”
อวี๋หมินหมิ่นเองก็รู้ว่าไม่สามารถขังเขาได้ตลอด มองไปยังพ่อของตนเอง จึงแข็งใจบอก “เอาล่ะ งั้นพ่อจำเอาไว้ หลังจากออกไปแล้ว อย่างแรกคือห้ามเล่นการพนัน”
“แน่นอน แน่นอน”
“สอง ห้ามไปเที่ยวป่าวประกาศหลอกคนอื่นว่าหนูเป็นลูกพ่อไปทั่ว ไม่งั้น…”
“เรื่องนี้ แกก็เป็นลูกสาวของฉันอยู่แล้วนะ จะเรียกว่าหลอกได้ยังไง ยังไงซะฉันไม่เอาชื่อแกไปพูดก็พอแล้ว ฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องพูด แกเป็นถึงภริยาประธานาธิบดีแล้ว เพียงพอให้เราอยู่รอดแล้ว”
“สาม ห้ามไปที่ทำเนียบหลิวลี่และสถานที่ที่หนูและท่านประธานาธิบดีไปปรากฏตัว”
“ได้ๆ ฉันเชื่อเธอ”
อวี๋หมินหมิ่นมองเขา คิดว่าถึงจะปล่อยเขาออกไปแล้ว ก็ต้องให้คนคอยจับตามองเขาไว้อยู่ดีเพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาก่อเรื่องอีก
เธอหันไปบอกกับผู้ดูแล “งั้นรบกวนคุณช่วยปล่อยเขาออกมาด้วยนะคะ”
“ครับ ได้ครับ ผมจะรีบปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” ผู้ดูแลเข้าไปเปิดประตู
อวี๋หมินหมิ่นบอก “ยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ ฉันจะออกไปก่อน พวกคุณก็จัดการตามลำดับขั้นตอนตามปกติของพวกคุณก็พอค่ะ”
เธอคร้านจะสนใจพ่อ ถ้าพูดคุยกับเขาอีกก็คงจะยิ่งจะปวดหัวเข้าไปใหญ่
ยังไม่ทันถึงทำเนียบหลิวลี่ บอดี้การ์ดก็ยื่นโทรศัพท์มาให้เธอ
เธอมองแล้วพบว่าเป็นกู้จิ้งหมิงนั่นเอง
จะว่าไป เธอพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่มีเบอร์ติดต่อกู้จิ้งหมิง
ปกติถ้ามีอะไร ก็จะฝากหลินต๋ามาแจ้ง
กู้จิ้งหมิงถาม “พ่อคุณถูกปล่อยออกมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ ปล่อยออกมาแล้ว”
“เดี๋ยวผมจะให้คนจับตามองเอาไว้ คุณไม่ต้องกังวลนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณยังโทรมาเองอีก แต่ว่าเดี๋ยวฉันจะบันทึกเบอร์คุณเอาไว้ ฉันยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของคุณเลย”
อีกฝ่ายเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นจึงบอก “ได้ คุณกลับมาแล้วค่อยคุยกัน”
อวี๋หมินหมิ่นกลับไปถึงทำเนียบหลิวลี่ เห็นกู้จิ้งหมิงยื่นโทรศัพท์มาให้
อวี๋หมินหมิ่นถามอย่างแปลกใจ “นี่อะไรคะ”
“โทรศัพท์เอาไว้ใช้เฉพาะกับผม ในนี้มีเบอร์โทรผม ต่อไปถ้าโทรหาผมก็ใช้เบอร์นี้โทร ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้น่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นมองโทรศัพท์ที่ดูธรรมดา ทว่าสวยงาม “ป้องกันการดักฟังหรือเปล่าคะ”
“โทรศัพท์มือถือที่ปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง ยังไงคุณก็รับไปใช้เถอะ”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มพลางรับมา สำรวจโทรศัพท์ พบว่ามันก็เหมือนกับโทรศัพท์ทั่วไป สามารถทำอะไรได้เหมือนๆ กัน
ด้านใน มีเบอร์ของเขาบันทึกเอาไว้ บันทึกเอาไว้ว่ากู้จิ้งหมิง
เธอยิ้มออกมา คิดว่าเบอร์โทรศัพท์ของเขาก็นับว่าเป็นความคืบหน้าระหว่างความสัมพันธ์ของเธอกับเขาได้แล้ว
——
หลินเช่อกลับมาถึงบ้าน แวะไปเล่นกับเสี่ยวหวังจื่อสักพัก หวังจื่อคุ้นเคยกับบ้านแล้ว ทุกวันจะมีสาวใช้ที่คอยดูแลโดยเฉพาะ แต่ละวันนั้นผ่านไปอย่างสุขสบาย
หลินเช่ออดอิจฉาไม่ได้ อุ้มหวังจื่อขึ้นมาบ่นพึมพำ “แกนี่มันดีจริงๆ เลยนะ ได้อยู่ที่ดีขนาดนี้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เหมือนฉันที่ไหนล่ะ ต้องลำบากลำบนไปงานเลี้ยงสตรีอะไรก็ไม่รู้”
สาวใช้บอกว่าหวังจื่อต้องกินอาหารแล้ว หลินเช่อจึงรีบวางมันลง
ใครจะรู้ว่าเจ้าหมาน้อยนั่นจะวิ่งวนไปมาไม่ยอมอยู่นิ่ง หลินเช่อรีบบอก “นี่ อย่าให้มันหายไปไหนนะคะ รีบตามไปดูเร็วเข้า”
สาวใช้ยุ่งอยู่กับการจับสุนัข หาอะไรมาขวางทางมันเอาไว้
หลินเช่อรีบบอก “โอ๊ะ ระวังอย่าให้มันบาดเจ็บนะ หวังจื่อยังเล็ก ถ้าบาดเจ็บแล้วจะรักษายากค่ะ”
สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
แต่ว่า พอมัวแต่กลัวว่าจะทำให้หวังจื่อบาดเจ็บ พวกเธอจึงช้าลง ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่อการวิ่งไล่จับเอาเสียเลย
หวังจื่อซุกซน ทุกคนต่างพากันวิ่งวุ่นเพื่อจับมันไว้
จนกระทั่งกู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามา เห็นสาวใช้ทุกคนต่างวิ่งวุ่นไปหมด
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ”
หลินเช่อยืนอยู่บนโซฟา ตอบกู้จิ้งเจ๋อ “กำลังหาหวังจื่อ หวังจื่อไปไหนแล้วไม่รู้ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเหล่าสาวใช้อย่างจนปัญญา
หลินเช่อบอก “หวังจื่อยังเด็กอยู่ สงสัยจะกลัวคนเยอะก็เลยหนีไปแอบที่ไหนไม่รู้น่ะค่ะ”
สาวใช้ยืนอยู่ตรงนั้น กวาดตามองดู สงสัยจะมัวแต่ตามหาเจ้าหมาน้อยจนไม่ได้สนใจอย่างอื่น จนตอนนี้บ้านเละเทะขึ้นมาขนาดนี้
แม้มันจะไม่ได้รกมาก แต่ว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นคนละเอียดลออ เห็นแบบนี้คงจะไม่พอใจเป็นแน่
ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกเกรงกลัวกู้จิ้งเจ๋อขึ้นมา ทุกคนสงบนิ่ง ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั้งห้อง
หลินเช่อเอ่ยขึ้นมา “มีอะไร รีบหาสิคะ น่าจะยังอยู่ในบ้านนี้ คงยังไม่ได้ออกไปไหนหรอกค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อกำลังขมวดคิ้ว ไม่นานก็โบกมือส่งสัญญาณ “เร็วหน่อย รีบหา”
ทั้งยังหันกลับมาสั่งให้เหล่าบอดี้การ์ดช่วยกันตามหาด้วย
เหล่าสาวใช้ต่างพากันตกใจไปตามๆ กัน
แต่กู้จิ้งเจ๋อรักหลินเช่อขนาดนี้ก็ทำให้พวกเขามีความสุขเช่นกัน
ไม่นานก็มีคนเอ่ยขึ้น “หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว”
หลินเช่อรีบเข้าไปอุ้มมา อุ้มหวังจื่อเอาไว้แน่น
“เฮ้อ อย่าวิ่งไปทั่วอีกนะ”
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้วมุ่น “เลี้ยงเจ้านี่… รู้หรือยังว่ามันวุ่นวายน่ะ”
“ได้ยังไง วุ่นวายก็วุ่นวาย แต่ว่ามันก็เป็นสีสันในชีวิตนี่คะ จริงสิ ฉันอยากพามันไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อไม่รู้จะพูดอะไร “เล็กขนาดนี้ จะเอาไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน”
“ฉันยังไม่เคยพาไปเลย ไปเดินเล่นหน่อยก็ได้ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อทำได้เพียง “ก็ได้”
เธอถาม “คุณจะไปด้วยกันไหมคะ”
“ถ้าไม่ไป ให้เธออุ้มหมาไปเดินเล่นคนเดียว แล้วเกิดหลงขึ้นมาจะทำยังไง”
เธอได้แต่คิดในใจ เธอไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ แต่เมื่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอก็แอบดีใจอยู่ดี มองตามหลังกู้จิ้งเจ๋อไป ทั้งสองอุ้มเจ้าหมาน้อยแล้วเดินออกไปพร้อมกัน
สวนสาธารณะด้านนอก มีสุนัขกำลังวิ่งเล่นอยู่บนสนามหญ้า ที่นี่นับว่าเป็นเขตที่พักอาศัยที่หรูหรา บริเวณรอบข้างล้อมรอบไปด้วยคฤหาสน์มากมายหลายหลัง
ในสวนสาธารณะมีหลายคนพาสุนัขมาเดินเล่น พาเด็กน้อยออกมาเล่นสนุกกันที่นี่
หลินเช่อกอดเจ้าลูกสุนัขในอ้อมแขนแน่น หยอกเล่นกับมัน “น่ารักจังเลย หวังจื่อ หวังจื่อของเราน่ารักที่สุดเลย”
เธอวางมันลงกับพื้น มองดูเจ้าสุนัขตัวน้อยวิ่งกลับไปกลับมา หลินเช่อคอยมองดูมันอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่าง
รอบข้างมีเด็กๆ กำลังเล่นกันอยู่ หลินเช่อบอก “คุณดูสิคะ เจ้าหมาน้อยกำลังมีความสุขเลย วิ่งไปทั่วเลยค่ะ”
“ใช่ อะไรก็ไม่ต้องทำ ได้รับการดูแลจากเธอขนาดนั้น แน่นอนว่ามันต้องมีความสุขสิ”
“ทำไมล่ะ มันนำพาความสุขมาให้เรา นั่นคือสิ่งที่มันทำค่ะ ทำไมคะ คุณไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลยเหรอไง”
“ไม่เคย”
“ทำไมล่ะคะ”
“วุ่นวาย”
“เหอะ ฉันว่ามันวุ่นวายได้ไม่เท่าคุณหรอกค่ะ”
“เธอว่าไงนะ”
“เปล่าค่ะ เปล่าค่ะ…”
“เสียเวลาขนาดนี้ เธอรู้ไหมว่าเวลาเท่านี้น่ะเธอสามารถอ่านเอกสารได้มากมายแค่ไหน หรือไปเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ ได้เยอะขนาดไหน”
“เอาล่ะ โลกของเด็กเรียน ไม่เหมือนกับพวกเรา” หลินเช่อบอก “ตอนฉันเด็กๆ ยังเคยแอบเลี้ยงกระต่ายอยู่ไม่กี่วัน ต่อมาถูกหลินอวี่เจอเข้า เธอก็แอบเอากระต่ายฉันไปให้ห้องครัว ทำซุปกระต่าย”
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว
หลินเช่อเล่าต่อ “ต่อมาฉันเลยคิดว่า คงจะต้องรอให้ฉันย้ายออกไปก่อน มีบ้านเป็นของตัวเองก่อนถึงจะเลี้ยงอะไรได้สักตัว”
ตอนนั้นเอง มีสุนัขตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา
หลินเช่อตกใจ รีบพุ่งเข้าไป “กรี๊ดดด ไม่ได้นะ หวังจื่อ…”
Related