ตอนที่ 363
อับอาย
“เดินทางปลอดภัยนะหลานๆ”พวกป้าๆหลังจากเลี้ยงส่งจบแล้วก็มารอส่งพวกชิงชิวกันที่สถานีรถไฟ โชคดีที่พวกผู้ชายดื่มกันจนเมาไม่ได้มาส่งด้วยไม่อย่างนั้นได้ทำคนรอขึ้นรถไฟมีปัญหาแน่ๆ
“ขอรับ”อวิ๋นอี้ยิ้มกว้างพลางประสานมือคารวะพวกป้าๆอย่างนอบน้อม ส่วนชิงชิวนั้นหลังจากคารวะพวกท่านป้าแล้วก็หันไปล่ำลากับแม่และน้องๆเสียยกใหญ่ คราวนี้กลับไปไม่ทราบจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ เพราะงานองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงไม่ใช่ว่าจะลาง่ายๆ แถมตำแหน่งของชิงชิวยังหาตัวแทนยากเสียเหลือเกิน
“มาเถอะน้องชิว เรานั่งไปด้วยกัน”อวิ๋นอี้ว่าพลางพาชิงชิวเดินเข้าไปในตัวรถไฟ คราวนี้ชิงชิวเดินทางไปกลับด้วยตนเอง แถมเงินที่ขายปิ่นปักผมของไป๋หลินไปใช้มันยังจ่ายคืนไปจนหมดทำให้เงินมันพอจะขึ้นรถไฟตรงที่นั่งรวมเท่านั้น แต่ถึงมีเงินพอชิงชิวก็ยังไม่อยากใช้จ่ายสุรุ่นสุร่ายขนาดนั้น มันไม่ใช่องค์จักรพรรดิที่มีเงินมากมายเหลือใช้เสียหน่อย
“ไม่ว่าจะนั่งกี่ครั้งก็ยอดเยี่ยมจริงๆนะเจ้ารถไฟนี่”อวิ๋นอี้พูดด้วยท่าทีเหมือนผู้เชี่ยวชาญ เจ้านี่เป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในเมือง ทำให้มันดูเป็นคนมีความรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรชิงชิวก็ไม่คิดว่ามันจะไปสอบได้เกิน 10 อันดับแรกเสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะเมืองของชิงชิวพึ่งจะมีการสอนหนังสือเมื่อ 6 ถึง 7 ปีก่อนเอง ถึงจะบอกว่าเก่งที่สุดนเมืองก็เถอะแต่ก็ระดับอ่านออกเขียนได้คล่องเท่านั้น
“ต้องขอบคุณองค์จักรพรรดิจริงๆที่คิดค้นเจ้านี่ขึ้นมา”อวิ๋นอี้พูดพลางยิ้มบางๆ
“คนคิดค้นมาคือท่านรูบี้ต่างหาก”ชิงชิวถอนหายใจพลางมองบนกับความขี้คุยของอวิ๋นอี้ แม้มันจะไม่เมาเหมือนเมื่อวานแต่ความน่ารำคาญไม่น้อยลงเลย
ชิงชิวต้องทนกับความขี้โม้ของอวิ๋นอี้ไปตลอดทาง อยู่ดีๆมันก็พูดเรื่องเหมือนจะฉลาดออกมาลอยๆ ทำเอาชิงชิวได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้ผู้ร่วมทางคนอื่นๆ บางเรื่องที่อวิ๋นอี้โม้ขึ้นมาถึงกับมีคนบางคนขำเสียด้วยซ้ำ
“ถึงเมืองหลวงสักที”ชิงชิวไม่เคยดีใจที่ได้ลงจากรถไฟขนาดนี้มาก่อน ไม่น่าเชื่อเลยว่าการเดินทางกับใครบางคนมันจะเหนื่อยขนาดนี้
“ไปกันเถอะน้องชิว เมืองหลวงอยู่ทางนี้”อวิ๋นอี้ว่าพลางยืดอกเดินนำทั้งๆที่ตัวมันเตี้ยกว่าชิงชิวเสียอีก ทำให้ชิงชิวได้แต่ส่ายหน้าเดินตามมันไป
“รู้หรือเปล่า เมืองหลวงตอนนี้ติดตั้งดวงไฟที่ใช้พลังงานจากหินอัสนีไปทั้งเมืองหลวงเลย ตอนกลางคืนสว่างไม่ต่างจากตอนกลางวันเลยนะ”อวิ๋นอี้เริ่มโม้ต่อเหมือนลืมไปว่าชิงชิวเองก็ทำงานในวังหลวงเช่นกัน ตอนพาองค์หญิงมาเดินเที่ยวในเมืองมันเห็นจนชินตาแล้ว
“อ่อ ข้าลืมไปว่าเจ้ามาทำงานในเมืองหลวง คงเคยเห็นแล้วสินะ พวกสาวๆที่บ้านเราไม่เคยเห็นสักคนพอข้าพูดออกมาพวกนางก็ขอให้ข้าเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยนะ”อวิ๋นอี้หัวเราะพลางเดินไปทางวังหลวงต่อ ท่าทางมันรู้ทางดีเหมือนกัน หรือที่มันบอกได้งานในวังหลวงจะเป็นเรื่องจริง?
“พี่อี้ ท่านเบาเสียงลงหน่อยเถอะ”ชิงชิวแทบจะหาอะไรมาปิดหน้า เพราะอวิ๋นอี้ดันพูดออกมาเสียงดังลั่นราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ทราบว่ามันมาจากบ้านนอก
“มีอะไรต้องอายกัน ข้าเป็นคนพูดเสียงดัง เจ้าก็น่าจะรู้”ได้ยินอวิ๋นอี้พูดเช่นนั้นชิงชิวก็ถอนหายใจ ก่อนจะเดินช้าลงอีกหน่อยจะได้อยู่ห่างจากอวิ๋นอี้มากๆ หากมันใช้วิชาล่องหนหายตัวได้ตอนนี้มันก็อยากจะใช้
“เอาล่ะถึงแล้ว”อวิ๋นอี้ว่าพลางเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่งของวังหลวง ซึ่งภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำชิงชิวประหลาดใจไม่น้อย เพราะมีคนจำนวนมากกำลังต่อคิวเข้าวังหลวงกันอยู่
“นี่มันอะไรกัน”ชิงชิวงงไปทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ปกติการเข้าวังไม่ใช่ใครก็เข้าไปได้ จะมีแต่พวกขุนนางที่มีบ้านส่วนตัวอยู่นอกวังกับคนงานไม่กี่พวกที่เดินทางเข้าออกวังในแต่ละวัน ทำให้ชิงชิวไม่เคยเห็นคนจำนวนมากต่อคิวรอเข้าวังแบบนี้มาก่อน
“พวกเขาก็คือคนที่สอบผ่านยังไงล่ะ แต่ก็ไม่ได้เก่งเท่าข้าหรอกนะ”อวิ๋นอี้ว่าพลางเดินเข้าไปต่อแถว ทำให้ชิงชิวเองก็เดินไปอยู่ข้างๆอวิ๋นอี้เช่นกัน นี่หากไม่ใช่ว่าพวกท่านป้าฝากอวิ๋นอี้ไว้กับมันละก็มันจะไปเข้าประตูหน้าแล้วไม่มาต่อแถวแบบนี้หรอก
“เข้าไปได้”หลังจากแถวเริ่มขยับมาจนชิงชิวสามารถมองเห็นประตูวังได้ ชิงชิวก็พบว่าคนเหล่านี้พกม้วนกระดาษติดตัวมาด้วย เมื่อยื่นให้ทหารดูพวกมันก็จะปล่อยเข้าไปทำให้คนที่กำลังต่อแถวอยู่ขยับไวมาก ไม่นานก็คงเข้าวังไปจนหมด
“อยู่นี่เอง”อวิ๋นอี้ว่าพลางหยิบม้วนกระดาษแบบเดียวกับที่คนอื่นๆยื่นให้ทหารเฝ้าประตูดูออกมา เจ้าหมอนี่เข้าวังได้จริงๆเสียด้วย นี่หรือว่าจะมีการสอบจริงๆแล้วอวิ๋นอี้ก็บังเอิญสอบได้เป็นจอหงวนจริงๆงั้นเหรอ
“น้องชิว เจ้าไม่มีใบอนุญาตหรือ”อวิ๋นอี้ถามพลางมองมาที่มือชิงชิว
“ไม่มีขอรับ”ชิงชิวตอบพลางกระพริบตาปริบๆ จะว่าไปวันแรกที่มันเข้าวังก็มีหรอก แต่ตอนนี้มันไม่ต้องใช้อะไรเพื่อเข้าวังแล้ว มันแค่เดินผ่านประตูไปเฉยๆก็พอ
“ไม่มีแล้วเจ้าจะเข้าวังอย่างไรกัน ท่าทางเราคงต้องแยกทางกันตรงนี้เสียแล้ว”อวิ๋นอี้ส่ายหัวพลางทำหน้าท่าทางเสียดาย เจ้านี่ยังคิดว่าชิงชิวไม่ได้ทำงานในวังหลวงอยู่อีกสินะ
“คนต่อไป”ระหว่างนั้นแถวก็ขยับมาจนถึงคราวของอวิ๋นอี้เสียที มันยืดอกเดินออกไปพลางยื่นม้วนกระดาษให้ทหารเฝ้าประตู นายทหารเปิดอ่านครู่หนึ่งก็ม้วนมันเหมือนเดิม
“เข้าไปได้”นายทหารพูดจบอวิ๋นอี้ก็หันมายิ้มให้ชิงชิวรอบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าวังไปด้วยท่าทีเหมือนชนชั้นสูงอะไรสักอย่าง
“ชิงชิว ทำไมเจ้ามาอยู่นี่ล่ะ”ยังเดินไปได้ไม่ถึง 10 ก้าวอวิ๋นอี้ก็ได้ยินเสียงทหารเฝ้าประตูพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าพาคนในหมู่บ้านมาส่งขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ ทหารเฝ้าประตูพวกนี้คือพวกรุ่นพี่ที่ฝึกมากับมันในกรมทหารนั่นเอง
“เจ้าจะมาต่อแถวทำไมกัน เข้าทางประตูหน้าก็จบแล้ว”นายทหารบ่นพลางมองแถวที่อยู่ด้านหลังชิงชิว จำนวนคนเยอะแบบนี้มาตั้งแต่เช้า นี่ชิงชิวต้องต่อคิวอยู่กี่สิบนาทีกันกว่าจะเข้ามาถึงตรงนี้ได้
“ข้ากลัวว่าพี่ชายแถวบ้านจะหลงทางก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนมันน่ะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มออกมา
“ลำบากแย่เลยนะ เอาไว้วันหลังก็มากินข้าวกับพวกเราบ้างสิ”นายทหารว่าพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆ ชิงชิวตอนนี้มีตำแหน่งสูงกว่าพวกมันมาก แต่เพราะตอนนี้ชิงชิวไม่ได้อยู่ในเวลางานแถมไม่มีทหารยศใหญ่อยู่แถวนี้ชิงชิวก็เลยทำตัวเป็นกันเองกับพวกรุ่นพี่ได้สบาย
“ขอรับ ถ้าข้าว่างนะ”ชิงชิวยิ้มเจื่อนๆออกมา ถึงจะนัดกินข้าวกันก็เถอะ แต่มันปลีกตัวออกมาไม่ค่อยได้หรอก
“เออ ถ้าเจ้าว่างนั่นล่ะ”รุ่นพี่ของชิงชิวทำหน้าเบื่อๆพลางโบกมือให้ชิงชิวรีบๆเข้าไปได้แล้ว
“ทะ ท่าทางเจ้าก็ทำงานในนี้จริงๆสินะ”อวิ๋นอี้ว่าพลางยิ้มด้วยใบหน้าซีดๆ ท่าทางชิงชิวจะได้ทำงานในวังจริงๆถึงได้สนิทสนมกับทหารเฝ้าประตูขนาดนั้น แล้วมันอยู่ตำแหน่งไหนกัน ทหารเฝ้าประตูเหมือนกันงั้นหรือ
“พวกเจ้าน่ะ มารวมกันทางนี้”ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหน อยู่ๆก็มีขุนนางท่านหนึ่งเดินออกมาพลางสั่งให้พวกที่ผ่านประตูเข้ามาไปรวมกันที่ลานกว้างแห่งหนึ่งเสียก่อน ตอนนี้ในลานกว้างมีคนนั่งต่อแถวกันเกือบร้อยคนเลยทีเดียว นี่พวกมันเป็นบัณฑิตใหม่ที่จะเข้ามาทำงานในวังงั้นหรือ
“ขะ ข้าต้องไปแล้ว”อวิ๋นอี้ว่าพลางชี้ไปทางกลุ่มคนที่กำลังเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พี่อี้โชคดี”ชิงชิวว่าพลางมองอวิ๋นอี้เดินเข้าไปรวมแถวกับคนเหล่านั้นอย่างประหลาดใจ บัณฑิตพวกนั้นดูแต่งกายมอซอกันเสียจริง จะว่าไปคนที่มาเข้าแถววันนี้ก็ไม่มีใครแต่งตัวดีๆเลยนี่นา
“พี่ชิว ท่านกลับมาแล้ว”หลังจากบอกลากับอวิ๋นอี้ ชิงชิวก็กลับเข้ามาในส่วนในของวังหลวง แต่คนแรกที่มันเจอกลับไม่ใช่ทหารคนอื่น แต่กลับเป็นองค์หญิงของมันนี่เอง
“องค์หญิง ช่วงที่ข้าไม่อยู่ท่านไม่ได้ก่อเรื่องใช้หรือไม่ขอรับ”ชิงชิวถามพลางยิ้มบางๆ
“อะไรกัน ทำไมพอเจอหน้ากันท่านก็เตรียมจะต่อว่าข้าเลยล่ะ”ไป๋หลินทำแก้มป่องพลางเดินเข้าไปในวังพร้อมชิงชิวและไป๋ไป่
“จริงสิ องค์หญิง ตรงทางเข้าข้าเห็นคนมาเข้าแถวกันตั้งมากมาย พวกมันมาทำอะไรงั้นหรือ”ชิงชิวถามเพราะยังเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่
“พวกนั้นเหรอ เห็นว่าพี่ไป๋เพิ่มจำนวนบ่าวรับใช้ขึ้นเพื่อคอยดูแลวังขององค์ชายในอนาคตนะสิ”ไป๋ไป่เป็นฝ่ายตอบเพราะไป๋หลินไม่ได้อยู่ตอนไป๋จูเหวินตัดสินใจเรื่องนี้
“บ่าวรับใช้….”ชิงชิวถึงบางอ้อทันทีเมื่อได้รับคำตอบจากไป๋ไป่ ท่าทางเรื่องได้งานในวังหลวงจะเป็นความจริงเสียแล้ว แต่การสอบเอย ตำแหน่งจอหงวนเอย ท่าทางจะเป็นแค่ลมปากเท่านั้น เจ้าบ้านั่นเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้แต่ดันไปโม้แถวบ้านเอาไว้เสียเยอะเชียว
“จริงสิพี่ชิว ท่านพ่อเอาใยแมงมุมของท่านไปตัดเครื่องแบบองครักษ์ให้ใหม่แล้วนะ ท่านบอกให้ท่านไปเปลี่ยนไปใส่ตัวนั้นทันทีเลย เห็นพวกขุนนางบอกว่าท่านใส่ชุดลำลองตอนปฏิบัติหน้าที่มันไม่เหมาะล่ะ”ไป๋หลินว่าพลางหัวเราะออกมา แม้จะตัดเย็บจากร้านชั้นดีในอาณาจักรกู่ แต่ชุดของชิงชิวก็เป็นชุดธรรมดาไม่ใช่ชุดทางการ สุดท้ายก็ต้องให้ชิงชิวมานั่งปั่นใยจากนิ้วมือตัวเองเกือบครึ่งวันเพื่อเอาไปตัดชุดใหม่พร้อมชุดสำรองรวม 5 ชุด พอนึกภาพชิงชิวตอนม้วนใยตัวเองใส่หลอดด้ายจนเมื่อยไหล่แล้วไป๋หลินอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“ขะ ขอรับ”ชิงชิวว่าพลางเกาแก้มเก้อๆ
“พอเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วรีบมานะพี่ชิว ตอนบ่ายจะมีพิธีต้อบรับบ่าวรับใช้ใหม่ด้วย”ไป๋หลินว่าพลางแยกตัวไปตรงส่วนที่พักของมเหสี
“ขอรับ ข้าจะรีบไป”ชิงชิวยิ้มออกมาพลางเดินกลับที่พักตนเองอย่างสบายใจ นอกจากข้อสงสัยของมันจะถูกคลี่คลายแล้วมันยังจะได้โอกาสดีมาอีกต่างหาก ทำให้ชิงชิวเดินอย่างอารมณ์ดีเลยทีเดียวยามกลับไปที่ห้อง
เมื่อกลับมาถึงห้องของตนเอง ชิงชิวก็พบว่ามีชุดอยู่ 5 ชุดอย่างที่องค์จักรพรรดิเคยบอกไว้จริงๆ โชคดีที่เครื่องแบบองครักษ์มีสีขาวอยู่แล้ว ชุดของชิงชิวเลยไม่แปลกตาเท่าไหร่ ถึงมันจะไม่มีสีอื่นประดับเหมือนเครื่องแบบปกติก็ตาม แต่ชุดนี้ก็ดูดีกว่าชุดที่ชิงชิวสวมก่อนหน้านี้หลายเท่าทีเดียว
ชิงชิวสวมเครื่องแบบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกจากห้องไปรอไป๋หลินที่ทางเข้าส่วนที่พักของมเหสี หลังจากไป๋หลินออกมา มันก็ตามไป๋หลินไปที่ลานกว้างที่อวิ๋นอี้เข้าแถวกันก่อนหน้านี้ทันที โดยระหว่างทางดูเหมือนองค์จักรพรรดิเองก็รอไป๋หลินอยู่เช่นกัน
“หึหึ….”ชิงชิวยิ้มพลางหัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อองค์จักรพรรดิและองค์หญิงเดินออกมาต่อหน้าบ่าวรับใช้ที่กำลังจะเข้ามาทำงาน
“พี่ชิว มีอะไรงั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางมองไปทางชิงชิวที่ยิ้มไม่หุบ
“เปล่าขอรับ ไม่มีอะไร”ชิงชิวตอบทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่ มันจะบอกได้อย่างไรว่ามันกำลังสำราญกับใบหน้าซีดเผือดราวกับไข่ต้มของใครบางคนอยู่