หลังงานแต่ง
กก….หลังจากงานเลี้ยงจบลง หยงเว่ยที่พึ่งตื่นขึ้นมาก็ลุกออกจากเก้าอี้ภายในวังมังกรอย่างช้าๆ เมื่อคืนมันเจอจิ้งจอกเหมันต์มอมเหล้าเสียจนจําอะไรแทบไม่ได้ แต่ตอนนี้ภายในงานกลับค่อนข้างเละเทะทีเดียว คิดถึงคนที่ต้องมาทําความสะอาดแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“เจ้าจะกลับแล้วงั้นหรือ”จิ้งจอกเหมันต์ถามเมื่อเห็นหยงเว่ยตื่นขึ้นมาแล้ว
“ขอรับ ข้าต้องไปเฝ้าหอตําราต่อ ขอลานายหญิงย่าไปก่อนขอรับ”ได้ยินหยงเว่ยพูดเช่นนั้น จอกเหล้าในมือจิ้งจอกเหมันต์ก็แทบจะลอยมาหามันอยู่รอมร่อ ดีที่นางยังคุมสติเอาไว้ได้
“ฮะๆๆ นายหญิงย่าแนะ เจ้าไปมีหลานตั้งแต่เมื่อไหร่”ไก่ฟ้าหงอนทองหัวเราะพลางชี้มาทางจิ้งจอกเหมันต์อย่างอารมณ์ดี
เพรง! ไม่ต้องเกรงใจ จิ้งจอกเหมันต์ก็ปาจอกเหล้าใส่ไก่ฟ้าหงอนทองทันที แน่นอนว่ามันไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรอยู่แล้ว
“เจ้าเองก็อายุพอๆกับข้าไม่ใช่หรือไง” จิ้งจอกเหมันต์โวย เพราะในเหล่าราชาแห่งผาไร้กัน ทุกตนก็อายุไล่เลี่ยกันทั้งนั้น ห่างกันไม่เกิน 100 ปีหรอก
“อย่าลืมสิว่าเราเองก็เป็นน้าของจูเอ๋อ”มังกรธรณีว่าพลางกุมจอกสุราเอาไว้ในมือ ในงานเต็มไปด้วยเหล่ายอดฝีมือและอสูรระดับสูง คนที่เมาจนหลับไปมีไม่มากนัก ทําให้แม้ฟ้าจะสางแล้วพวกมันก็ยังคงนั่งล้อมวงกันอยู่
“พอจูเอ๋อมีลูก พวกเราก็จะกลายเป็นปู่ กับ ย่า อยู่แล้ว” มังกรธรณียิ้มพลางดื่มเหล้าในจอกจนหมด ตัวมันเองก็เหมือนกับไป๋จูเหวินดื่มยังไงก็ไม่เมาอยู่แล้ว
“นั่นสินะ” จิ้งจอกเหมันต์ยิ้มรับพลางจินตนาการถึงหน้าหลานอย่างอารมณ์ดี
“… ” อีกด้านหนึ่งเหล่าอสูรสาวอย่างหยวนหยวน จูเชวี่ย เสวียนอู่ รวมทั้งหงเยว่ ที่หลบพวกหลินหลินมาร่วมขบวนการกับพวกหยวนหยวนก็กําลังแอบมองเข้าไปในห้องของเหม่ยหลินอย่างสนอกสนใจ
“พวกพี่มาทําอะไรกัน”ไป๋จูเหวินเปิดประตูออกมาพลางมองพวกอสูรสาวอย่างเหนื่อยใจ นี้พวกนางกําลังจะแอบมองอะไรกัน
“นะ นายน้อย…ไม่สิ ท่านหัวหน้าตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” จูเชี่ยว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ ลืมไปเลยว่าไป๋จูเหวินมีความสามารถเนตรจิต แต่ถึงไม่มีมันก็สามารถจับสัมผัสพลังอสูรของพวกนางได้อยู่ดี
“ข้ามาปลุกพวกท่านยังไงล่ะเจ้าคะ”เสวียนอู่หันหน้ามองไปทางอื่นพลางโกหกออกมาหน้าตาเฉย
“นะ นายท่าน….พวกท่านนารอท่านอยู่เจ้าค่ะ” หงเยว่เองก็รีบเปลี่ยนเรื่องเช่นกัน พวกราชาแห่งผาไร้กันต้องเดินทางกลับกันแล้ว เพราะหากไม่เดินทางกลับเขตอสูรผาไร้กันก็จะไม่มีคนป้องกัน แถมคราวนี้อสูรทุกตัวยังออกมากันหมดอีกต่างหาก
“เข้าใจแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางพยักหน้าช้าๆ มันเดินไปทางที่พวกท่านน้ารออยู่ โดยปล่อยให้พวกอสูรสาวอยู่หน้าห้องต่อไป
“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” หยวนหยวนถามพลางเดินเข้าไปหาเหม่ยหลินที่นั่งอยู่บนเตียง ตอนนี้นางไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวอีกแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นชุดสีขาวที่ใช้สวมเวลาอยู่ในวังมังกรแทนเสียแล้ว พอเห็นนางแต่งตัวเสียเรียบร้อยเช่นนี้แล้วทําเอาพวกพี่ๆอดเสียดายไม่ได้
“ระ เรื่องนั้นก็…”เหม่ยหลินน่าแดงไม่ได้ตอบคําถามอะไรพวกพี่ๆแต่อย่างไร ทําให้หยวนหยวนอมยิ้มออกมา
พรึบ! หยวนหยวนไม่รอช้าดึงเอาผ้าห่มข้างๆตัวเหม่ยหลินออกในทันที
“…” เหม่ยหลินเห็นหยวนหยวนทําเช่นนั้นนางก็ตกใจปนเขินอายอย่างบอกไม่ถูก แต่จะห้ามก็ห้ามไม่ทันเสียแล้ว
“คุณหนู ข้าบอกท่านแล้วนะเจ้าคะ ว่าถ้าผ้าปูที่นอนเปื้อน ต้องรีบทําความสะอาด” หยวนหยวนหัวเราะพลางมองผืนผ้าปู ตรงหน้าสลับกับท่าที่อายม้วนของเหม่ยหลิน
“เลือดถ้าแห่งแล้วมันทําความสะอาดยากนะเจ้าคะ รีบเอาไปให้แม่บ้านดีกว่า” จูเชวี่ยรับมุกพลางทําท่าจะไปแกะผ้าปูที่นอนออก
“โถ่ พวกพี่ทําไมต้องแหย่ข้าด้วยล่ะ ออกไปเลยข้าทําเองได้”เหม่ยหลินโวยพลางดันพวกพี่ๆของนางออกจากห้องไปพร้อมเสียงคิกคักของพวกนาง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หยงเว่ยที่ออกมาจากงานฉลองแล้วกลับมาที่วัดบนยอดเขาหลังเมืองหลวงกลับได้พบสถานการณ์ที่น่าตกใจอย่างมาก เพราะตอนนี้วัดแทบไม่เหลืออะไรอยู่เลย ทุกอย่างโดนพังยับเยินจนแทบจําสภาพเดิมไม่ได้ ทําเอาหยงเว่ยที่พึ่งกลับมาถึงใจหายวาบทันที
“ท่านเจ้าอาวาส” หยงเว่ยกระโดดลุยเข้าไปในกองเศษซาก พลางตามหาเหล่าลูกวัดอย่างร้อนรน
“หยงเว่ย” อยู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังมาจากใต้ซากปลักหักพัง ทําให้หยงเว่ยรีบตามเสียงนั้นไปทันที
“เกิดอะไรขึ้นขอรับ” หยงเว่ยถามพลางใช้วิชาธาตุดินดันเอาเศษซากออกจนเผยให้เห็นร่างของพระท่านหนึ่งที่นอนอยู่ด้านใต้
“ พวกมาร.. พวกมันบุกมาชิงตํารา” พระท่านนั้นพูดด้วยท่าที่อ่อนแรง เมื่อยกเศษซากออก หยงเว่ยถึงได้เห็นว่าร่างของท่านโดนทับไปครึ่งหนึ่งจนท่องล่างทั้งหมดกลายเป็นสีม่วงไปหมดแล้ว
“ท่านเจ้าอาวาสต่อสู้กับพวกมันอยู่ที่หอตํารา เจ้ารีบไปเถิด”ได้ยินเช่นนั้นหยงเว่ยก็ชะงักไปพักหนึ่ง อาการบาดเจ็บของท่านค่อนข้างหนัก มันควรช่วยเหลือท่านก่อนดีหรือไม่
ตูม! อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังมาจากอีกด้านของวัด ทําเอาหยงเว่ยสะดุ้งโหยง
“รีบไป มารพวกนั้นแข็งแกร่งมาก ท่านเจ้าอาวาสยื้อเอาไว้ตั้งแต่เช้ามืดแล้ว” พระท่านนั้นว่าพลางผลักร่างของหยงเว่ยไป
“ขอรับ”หยงเว่ยตอบรับพลางวิ่งไปที่หอตําราตามที่พระท่านนั้นบอก ดูเหมือนว่าพวกมารจะบุกมาตอนรุ่งสาง และทําลายวัดไปเป็นจํานวนมากแน่ๆ
ตูม! อยู่ๆกระสุนวายุลูกหนึ่งก็พุ่งเข้ามากระแทกกําแพงข้างๆตัวหยงเว่ย ไม่ทราบเป็นลูกหลงหรือไม่ แต่กําลังทําลายนั้นสูงมาก
“…” หยงเว่ยสะดุ้งโหยงเพราะพลังมารที่มันสัมผัสได้จากทิศ ทางที่กระสุนวายุพุ่งเข้ามานั้นมหาศาลเหลือเกิน แถมยังไม่ได้มี แค่คนเดียวอีกต่างหาก
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่” เจ้าอาวาสที่ยืนเฝ้าหอตําราอยู่นั้นถาม พลางกําไม้เท้าของท่านแน่น ยามนี้แสงสีขาวปรากฏรอบตัวท่านอยู่ตลอดเวลา นั่นคือสัญลักษณ์ของวิชาเทวะปราบมารนั่นเอง
“ พวกเราก็คือมารยังไงล่ะ” ชายหนุ่มในชุดหรูหราท่าทางดูดีพูด ตัวมันนั้นยืนอยู่เฉยไม่ได้เข้ามาโจมตีแต่อย่างไร
“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”เจ้าอาวาสว่าพลางใช้ไม้เท้าชี้ไปทางมารทั้ง 3 คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“วิชามารทั้ง 7 นอกจากโทสะแล้วสมควรถูกทําลายไปแล้วไม่ใช่หรือ”เจ้าอาวาสถามพลางมองเหล่าชายหนุ่มตรงหน้าอย่างกดดัน
“ก็ถูก แต่ไม่ใช่ว่าทําลายได้หมดหรอก แม้จะใช้เวลานานนับพันปี พวกข้าก็สามารถฟื้นคืนมาได้” ชายร่างอ้วนว่าพลางยิ้มกว้าง มันสูดหายใจเข้าจนท้องของมันปองขึ้นมา ก่อนที่มันจะยิงกระสุนวายุ จากปากของมันเอง
เปรี้ยง!! ท่านเจ้าอาวาสใช้ไม้เท้าป้องกันเอาไว้ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปโจมตีใส่พวกมันทันที
ตูม!! เจ้าอาวาสยังไม่ทันทําอะไร หยงเว่ยก็ใช้ธาตุดินเรียกเสาหยกออกมากระแทกร่างของชายอ้วนทันที แต่ดูเหมือนมันจะไม่บาดเจ็บเสียเท่าไหร่เลย มันกอดเสาหยกครู่เดียวเสาก็แตกเป็นชิ้นๆ แต่นั้นก็ทําให้เจ้าอาวาสสามารถฝ่าเข้าไปโจมตีชายสวมชุดหรูหรา
ฉีก! กระบี่เล่มหนึ่งแทงเข้าใส่ร่างของเจ้าอาวาสจนทะลุ ทําเอาหยงเว่ยที่ยังไม่ได้เข้าไปร่วมวงใจหาบวาบ พลังของพวกมันแต่ละคนสูงมาก อาจจะเป็นระดับยอดฝีมือทุกคนเลย โดยเฉพาะชายที่สวมชุดหรูหราคนนั้น บางที่อาจจะเหนือกว่าระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 เสียอีกกระมัง
“ท่านเจ้าอาวาส” หยงเว่ยพุ่งออกไปโจมตีมารทั้งสามทันที แต่ระดับพลังของหยงเว่ยในตอนนี้ยังอยู่เพียงระดับเทียนเซียนขั้นต้นเท่านั้น ไม่อาจเทียบกับเหล่ายอดฝีมือได้เลย
“โทสะ…” ชายคนนั้นพูดพลางมองมาทางหยงเว่ย
“ไม่นึกว่าวิชามารทั้ง 7 จะออกมาครบแล้ว” ชายที่สวมเสื้อผ้าหรูหราว่าพลางกระทืบเท้าลงบนร่างของหยงเวยอย่างจัง
“แก” หยงเว่ยกัดฟันกรอดพลางต้องมองใยหน้าของมารอย่างจงเกลียดจงชัง เจ้าอาวาสที่โดนแทงไปนอนนิ่งไม่ไหวติงเลย ไม่ทราบเป็นตายร้ายดียังไง แต่ตัวหยงเว่ยเองก็ไม่สามารถเข้าไปดูได้เช่นกัน
“โกรธงั้นเหรอ” ชายสวมเสื้อผ้าหรูหราว่าพลางขยี้เท้าใส่ร่างของหยงเว่ย โชคดีที่หยงเว่ยสวมเกราะมรกตก่อนที่จะโจมตีพวกมัน ไม่อย่างนั้นชายในชุดหรูหราคนนี้ต้องเหยียบจนซี่โครงมันหักแน่ๆ
“เอาเลย โกรธอีก ข้าอยากคุยกับสหายของข้า ไม่ใช่เจ้าของร่าง” ชายคนนั้นหัวเราะพลางยิ้มออกมาอย่างชอบใจ หรือพวกมันจะโดนมารครอบงําไปหมดแล้ว?
“ไม่” หยงเว่ยกัดฟันกรอดพลางกําดาบมรกตแน่น มันฝึกการควบคุมมาอย่างหนัก ไม่ยอมปล่อยให้จิตของมารโทสะออกมาอีกแน่ๆ ตอนนี้แม้แต่ตอนเมาหรือนอนหลับหยงเว่ยก็ยังสามารถกดจิตมารเอาไว้ได้
“ถ้างั้นก็”ชายในชุดหรูหราพูดด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย ก่อนจะเดินไปทางเจ้าอาวาส
กร็อป! มันเหยียบลงไปบนแขนของเจ้าอาวาสจนเกิดเสียงกระดูกหัก พร้อมร่างของเจ้าอาวาสที่พยายามดิ้นออก ทําให้ได้เห็นว่าท่านยังมีชีวิตอยู่
ฉีก!! กระบี่ในมือของมารตนนั้นแทงลงมาบนร่างของท่านเจ้าอาวาส มันบิดกระบี่ที่หนึ่งก่อนจะจะกดซ้ําลงไปอีก ทําให้เจ้าอาวาสร้องออกมาอย่างทรมานก่อนจะสิ้นลมไปทั้งๆอย่างนั้น
วูบ…พลังมารในตัวของหยงเว่ยทะลักออกมาทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า พริบตานั้นความโกรธที่ปกปิดเอาไว้นานก็เริ่มพวยพุ่งออกมาอย่างหยุดยั้งไม่ได้
“ไม่” หยงเว่ยหยุดพลังมารของตนเอาไวก่อนที่ตัวมันจะคุมไม่อยู่ ทําให้มารในชุดหรูหรามีท่าที่ไม่พอใจเท่าไหร่
“น่าเสียดาย อีกนิดเดียวแท้ๆ” มารตนที่ 3 พูดพลางส่ายหัวเบาๆ
“จะช้าหรือเร็วมันก็ต้องโดนพวกเราครอบงําอยู่แล้ว ตอนนี้เราเอาตําราวิชามารไปก่อนดีกว่า” มารร่างอ้วนว่าพลางชี้ไปที่หอตํารา
“ช่วยไม่ได้” มารตนที่ 3 พยักหน้า ก่อนจะเตะเข้าที่หน้าของหยงเว่ยเข้าอย่างจัง ทําเอาหยงเว่ยล้มลงไปนอนกับพื้นทันที เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งหยงเว่ยก็พบว่าตําราวิชามารได้ถูกนําออกไปจนหมดแล้ว
Related