ตอนที่ 406 หญิงผู้อ่อนแอขี้โรค
อีกฝ่ายลงมืออย่างโหดเหี้ยมมาก หากมิใช่เพราะมู่เฉียนซีมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว เกรงว่าชีวิตนางคงจะจบสิ้นเสียที่นี่แล้ว
เด็กน้อยผู้นั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านแม่ พี่สาวผู้นี้เป็นแขกที่ข้าพามา ท่าน…”
พลังที่น่ากลัวพลังนั้นถูกเก็บซ่อนไป และเสียงที่แหบแห้งของหญิงผู้หนึ่งก็ลอยออกมา “ข้าบอกเจ้าไว้แต่แรกแล้วว่าอย่าได้พาคนแปลกหน้าเข้ามา”
“หลินเอ๋อร์รู้ผิดแล้ว เพียงแต่ว่าพี่สาวท่านนี้มีเรื่องที่จะให้ท่านแม่ช่วย”
“ข้าไม่พบใครทั้งนั้น ให้นางกลับไปซะ!”
หลินเอ๋อร์มองมู่เฉียนซีอย่างรู้สึกละอาย เข้าก้มหน้าพร้อมกล่าวว่า “พี่สาว ท่านแม่ไม่ยอมพบท่าน ข้าเกรงว่า…”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ในเมื่อฮูหยินท่านนี้ไม่ยินยอมพบข้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับ แต่ว่าร่างกายของฮูหยินท่านแม่ของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในนั้นเปราะบางราวกระดาษแผ่นหนึ่ง เกรงว่าคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน หากท่านแม่เจ้าไม่อยู่ หลินเอ๋อร์เป็นเด็กน้อยเพียงผู้เดียวจะทำเช่นไร คงยากจะรอดชีวิตต่อไปในหมู่บ้านแห่งนี้”
หลินเอ๋อร์ได้ยินถึงกับใบหน้าขาวซีด “ท่านแม่นาง… นาง…”
“พี่สาวมีหนทางช่วยท่านแม่ของข้าหรือไม่ ท่านแม่เป็นครอบครัวเพียงผู้เดียวของข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ข้ามีวิธี แต่ท่านแม่ของเจ้าไม่ยอมพบข้า ต่อให้ข้ามีหนทางก็ไร้ประโยชน์”
หลินเอ๋อร์ “ข้าจะไปโน้มน้าวท่านแม่ให้เองขอรับ ขอพี่สาวอย่าเพิ่งไป พี่สาวอย่าได้ไปเด็ดขาดนะขอรับ”
หลินเอ๋อร์รีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างร้อนรน จากนั้นมีเสียงของแตกละเอียดดังมาจากด้านในห้องแทบจะในทันทีที่เขาเข้าไป หญิงผู้ที่อยู่ในนั้นกล่าวขึ้น “เข้ามา!”
“เยี่ยมไปเลย” หลินเอ๋อร์กล่าวแม้จะยังมึนงง
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปกลางห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่าย หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงที่มีผ้าสีขาว
หญิงผู้นี้ดูแล้วอายุไม่ถึงสามสิบปี ใบหน้าของนางนั้นดูสวยงามมาก นางต้องเป็นหญิงงามผู้หนึ่งอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าใบหน้าของนางนั้นขาวเสียจนไม่ปกติอยู่บ้าง
ชิวหลิงมองไปยังสาวน้อยผู้มาเยือนนี้ ไปหน้าของสาวน้อยช่างงดงาม นางนั้นยังไม่เคยพบเจอสาวน้อยที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อนเลย
สาวน้อยนางนี้เดินเข้ามาในห้องที่ทรุดโทรมห้องนี้อย่างไม่รีบร้อน เมื่อชิวหลิงมองเห็นท่าทางที่ใจเย็นของนางและแววตากระจ่างใสสะอาด แต่กลับแฝงไว้ด้วยเกียรติยศของผู้สูงส่งผู้หนึ่ง นางก็รู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ
ชิวหลิงกล่าว “หลินเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน ข้าจะพูดคุยกับแม่นางผู้นี้เพียงลำพัง”
หลินเอ๋อร์รีบกล่าวอย่างแข็งขัน “ได้เลยขอรับท่านแม่”
หลังจากที่หลินเอ๋อร์จากไป ชิวหลิงหลิงก็เอ่ยถามขึ้นมา “เจ้าหลอกหลินเอ๋อร์ ให้หลินเอ๋อร์เกลี้ยกล่อมให้ข้าให้ยอมให้เจ้าเข้ามา เจ้ามีจุดประสงค์ใดกันแน่ ?”
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง “ท่านหมายความว่าที่ข้าบอกว่าร่างกายของท่านสามารถรักษาได้ คือการหลอกลวงท่านรึ ?”
“ร่างกายของข้า ข้านั้นรู้ดีว่ามันไม่อาจรักษาได้แล้ว แต่ทว่าเด็กน้อยผู้นั้นยังเด็กนัก ข้าจะต้องอดทนต่อไป” ชิวหลิงกล่าว
มู่เฉียนซี “ร่างกายของท่าน ท่านย่อมรู้ดี แต่ว่าท่านไม่ใช่นักปรุงยา”
“ข้าเป็น!” ชิวหลิงกล่าวเสียงดัง
มู่เฉียนซี “แต่ถ้าหากข้าบอกว่าสามารถรักษาได้ล่ะ วิธีการช่วยคนของข้านั้นไม่เหมือนกับผู้อื่น”
ชิวหลิง “ถึงต่อให้เจ้าสามารถช่วยข้าได้ ข้าก็ไม่มีอะไรคุ้มค่าที่จะให้เจ้าช่วย”
“หลินเอ๋อร์บอกว่าท่านคุ้นเคยกับเทือกเขาแห่งนี้ ข้าอยากจะถามท่านว่าเคยพบเจอสมุนไพรวิญญาณสองชนิดนี้หรือไม่ ?”
“นั่น…” ในตอนที่สายตาของชิวหลิงทอดมองไปยังผลกำเนิดเก้าวิญญาณ นางก็ถึงกับตะลึงงัน
มู่เฉียนซี “อาการของท่านบอกข้าแล้วว่าท่านเคยพบเจอมัน”
ในตอนนี้มู่เฉียนซีเองก็ตื่นเต้นมาก ราวกับแมวตาบอดเจอหนูตายก็มิปาน นางได้พบกับผู้ที่เคยเจอผลกำเนิดเก้าวิญญาณ
ชิวหลิงถามขึ้นมา “เจ้ารู้จักมันรึ ?”
“ใช่”
“ในโลกใบนี้มีนักปรุงยาที่รู้จักมันไม่มากนัก”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นฮูหยิน ท่านควรจะเชื่อในระดับการปรุงยาของข้า”
“ได้ ข้าสามารถทำข้อตกลงกับเจ้า” ในที่สุดชิวหลิงก็ตัดสินใจ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องมีชีวิตต่อไป นางไม่สามารถปล่อยให้เด็กน้อยผู้นั้นมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง
“ท่านว่ามาได้เลย” มู่เฉียนซีมองนางอย่างใจเย็น
ชิวหลิงกล่าว “เจ้าช่วยรักษาข้า แล้วข้าจะบอกเจ้าว่าดอกบัวกำเนิดเก้าวิญญาณนั้นอยู่ที่ใด”
มู่เฉียนซี “ได้ ข้านั้นไม่มีปัญหาเลย …ขอเวลาข้าหนึ่งวันแล้วกัน”
เดิมทีนางตั้งใจจะเข้าไปเสี่ยงโชคในป่าหนานอู้ ทว่ามาตอนนี้มีข่าวดี เสียเวลาไปสักสองสามวันไม่เป็นปัญหาอันใดเลย
“ได้”
หลินเอ๋อร์ที่ในเวลานี้ได้รับอนุญาตให้เข้ามาแล้วกล่าวขึ้น “พี่สาว บ้านของเรานั้นมีแต่ห้องที่ทรุดโทรม คงต้องทำให้ท่านลำบากแล้ว”
มู่เฉียนซีรีบกล่าว “ไม่เป็นไร อย่างไรเสียการปรุงยา ขอแค่เพียงมีพื้นที่สักหน่อยก็พอแล้ว”
“ขอรับ” หลินเอ๋อร์พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
ร่างกายของชิวหลิงนั้นแย่มาก แต่ทว่าโชคดีที่ที่นี่นั้นมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ไม่น้อย นางจึงได้สกัดออกมาเพื่อซ่อมแซมอวัยวะภายในของตนเองที่เสียหายไปอย่างไม่เป็นปัญหา
แต่หากคิดที่จะฟื้นฟูให้ได้ถึงขั้นสูงสุดนั้น อย่างน้อยคงต้องใช้เวลารักษาไปอย่างช้า ๆ อีกหนึ่งปีถึงจะเห็นผล
เมื่อมู่เฉียนซีเข้าไปในห้องปรุงยา นางก็ไม่สนใจสิ่งรอบด้านแต่อย่างใด ไม่นานนัก ค่ำคืนหนึ่งก็ได้ผ่านไป
วันรุ่งขึ้นมู่เฉียนซีกำลังปรุงยาอยู่ในห้อง ทางด้านนอกก็มีเสียงโหวกเหวกลอยมา
ชายหนุ่มที่ดูดุร้ายหลายคนล้อมหลินเอ๋อร์ไว้ ผู้ที่ดูเป็นหัวโจกกล่าวว่า “เจ้าหนู เงินที่ต้องจ่ายวันนี้ เอาออกมาให้หมด”
หลินเอ๋อร์กล่าว “เงินพวกนั้นต้องเอาไปซื้อยาให้ท่านแม่ ข้ายังให้พวกเจ้าไม่ได้”
“ในเมื่อไม่ให้! เช่นนั้นก็… พวกเราตีมัน ตีไอ้สวะน้อยนี่ให้ตาย!”
— ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก! —
เด็กหนุ่มหลายคนลงไม้ลงมือทุบตีต่อยถีบใส่หลินเอ๋อร์ที่ผอมบางชุดหนี่ง หลังจากที่ทุบตีเสร็จและหลินเอ๋อร์ยืนขึ้นมา ผู้เป็นหัวโจกก็เดินเข้ามากล่าวข้างหูของหลินเอ๋อร์ว่า “เจ้าหนู เจ้าอยากอยู่อย่างกินดีมีสุข ไม่โดนผู้อื่นรังแกหรือไม่ ?”
หลินเอ๋อร์กําหมัดแน่นไม่กล่าวอะไร เด็กหนุ่มคนนั้นจึงกล่าวต่ออีกว่า “ที่จริงแล้วมีโอกาสที่ดี ขอเพียงเจ้าเอายานี้ไปใส่น้ำให้แม่เจ้าดื่ม เช่นนั้น…”
“เจ้าต้องการสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นแล้ว”
ด้วยรูปลักษณ์เช่นนั้นของชิวหลิง แม้ว่านางจะร่างกายอ่อนแอขี้โรค แต่ก็มีคนมากมายที่เล็งชอบนาง
แต่ในดินแดนอันแสนห่างไกลนี้ ไม่มีใครสามารถทำอะไรให้ชิวหลิงยอมได้ จึงได้นำเอาแนวคิดนี้มาไว้ที่หลินเอ๋อร์ ผู้ที่สามารถเข้าไปใกล้นางได้
ให้หลินเอ๋อร์ไปวางยาทำร้ายมารดาของตน คนพวกนี้ยังอุตส่าห์คิดออกมาได้
หลินเอ๋อร์เป็นเด็กอ่อนโยนจิตใจดี เมื่อก่อนถูกพวกเขาตีก็ยังไม่ค่อยจะเกลียดชัง แต่เวลานี้หลินเอ๋อร์รู้สึกโกรธอย่างมาก
“พวกเจ้ากล้าจะทำร้ายท่านแม่ของข้า ข้าขอสู้ตายกับพวกเจ้า!”
หลินเอ๋อร์พุ่งเข้าหาพวกเขาราวกับหมาป่าตัวน้อยที่บ้าคลั่ง แต่เขาเพียงคนเดียวจะเป็นคู่ต่อสู้ของชายร่างกํายําเหล่านี้ได้อย่างไร ? อีกทั้งในบรรดาเด็กหนุ่มเหล่านี้ยังมีผู้ที่เป็นจอมภูตผู้หนึ่งด้วย พวกนั้นเล่นเอาเสียไม่มีจังหวะให้หลินเอ๋อร์ได้สวนกลับเลย
— ตุบ! ตุบ! ตุบ! —
“เจ้าหนู เจ้ากล้าไม่ตอบตกลงเรอะ ?!”
“เจ้ายังมีความกล้ามาต่อกรพวกข้าอีก กล้าที่จะสวนกลับ!”
“พวกข้าจะกระทืบเจ้าให้ตาย อย่างไรเสียถึงต่อให้แม่เจ้าเก่งกาจเพียงไร นางก็จะตายอยู่แล้ว ออกมาช่วยเจ้าไม่ได้หรอก!”
การขัดขืนของหลินเอ๋อร์ทำให้พวกนั้นโกรธจัด ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงลงมืออย่างหนักหน่วง ไม่นานนักก็เล่นเอาหลินเอ๋อร์มีบาดแผลเต็มตัว
มู่เฉียนซีได้กลิ่นคาวเลือดหลังจากปรุงยาเสร็จ นางจึงเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางเบิกตามองหลินเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างตกใจและกล่าวเสียงดุดัน “หยุดเดี๋ยวนี้!”
กลุ่มคนเหล่านั้นหันมาเห็นสตรีชุดสีม่วงที่ดูสง่าก็ถึงกับตะลึงงัน หนึ่งในนั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะกล่าวขึ้น “โอ้! ไม่นึกเลยว่าบ้านของเจ้าหนูนี่ นอกจากแม่ของเจ้าหนูที่ป่วยอยู่จวนไวไวแล้ว ยังมีหญิงที่งดงามเช่นนี้อีกคน ช่างดีเสียจริงเชียว”
.