สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมัวมาตกตะลึง แต่ก็ยังคงตะลึงงันไม่เสื่อมคลาย
มู่เฉียนซี “เวลานี้สถานการณ์การต่อสู้อันตรายยิ่งนัก ไม่มีเวลาจะเสียแล้ว พวกเจ้าเลือกเร็วเข้าเถอะ”
“ขอรับ”
พวกเขารีบร้อนเลือกราวกับถูกไฟลนก้น จากนั้นก็ทำพันธสัญญา เรื่องทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแปลกประหลาด
“รีบลงมือเร็ว ๆ” เมื่อองครักษ์เงาของตระกูลมู่ที่เหลือเพียงหกสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้น และได้อัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาหกสิบกว่าตัวเช่นกันนั้น ทหารของแคว้นชิงก็ไม่สามารถหาช่องโหว่ได้อีกแล้ว
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์! เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว ตระกูลมู่ไปเอาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนมากมายเช่นนั้นกัน ?” ฉินป้าขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ
โอวหยางหว่าน “มู่เฉียนซี ต้องเป็นมู่เฉียนซีแน่ ๆ ที่ทำเรื่องบ้าบอเช่นนี้”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เกือบร้อยตัวนั้นอยู่ที่ด้านหน้าสุด ไม่ว่าทหารธรรมดาจำนวนหลายแสนนายจะทำเช่นไรก็ไม่อาจบุกมาได้
ทหารม้าจากสวรรค์ทำให้แคว้นชิงไร้ซึ่งหนทางที่จะบุกขึ้นมา พวกเขาบุกมาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แคว้นจื่อเยี่ยเอาชนะแคว้นชิงด้วยจำนวนพลที่น้อยกว่า ฉินป้าพากำลังพลล่าถอยไปอย่างมิอยากจะยินยอม ส่วนคนทางแคว้นจื่อเยี่ยนั้นรู้สึกราวกับฝันไป
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หายาก ในป่าแต่ละประเภทล้วนมีอยู่ แต่ทว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำให้เชื่อง พร้อมที่จะทำพันธสัญญานั้นหาได้ยากยิ่ง ด้วยเพราะผู้ฝึกสัตว์ช่างหาได้ยากเย็นเหลือเกิน
มู่เฉียนซี “แม่ทัพเยวี่ย ชิงอวิ๋น พวกเจ้าเลือกคนที่สามารถเชื่อได้สักกลุ่มหนึ่งมาให้ข้าหน่อย”
นอกจากให้องครักษ์เงาทำพันธสัญญาไปแล้ว ยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่ในมิติของนางอีกมากมาย
เดิมทีคิดจะไปที่จวนตระกูลมู่เพื่อเลือกผู้ที่เชื่อถือได้สักส่วนหนึ่งมาทำพันธสัญญากับเหล่าสัตว์ที่ยังเหลืออยู่ แต่มาตอนนี้เรื่องสงครามนั้นสำคัญนัก มิรู้ว่าต่อไปโอวหยางหว่านจะใช้วิธีน่ารังเกียจอันใดมาเล่นงานพวกนางอีก ในตอนนี้จึงต้องเอาทั้งหมดออกมาใช้ หากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หมดไม่มีเหลือ นางไปจับอีกก็ได้ไม่มีปัญหา แต่หากโอวหยางหว่านหนีไปได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะจับตัวสตรีร้ายกาจเช่นนั้นมาได้
“ได้!”
มู่เฉียนซีนำสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไว้ใช้สำหรับทำพันธสัญญาออกมาจากมิติทั้งหมด นางกล่าว “พวกเจ้าเลือกเอาที่เหมาะสมได้เลย”
ลูกตาของทุกคนนั้นแทบถลนออกมานอกเบ้า “นี่… นี่คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และได้ถูกทำให้เชื่องแล้ว…” ต่อให้พวกเขาใช้ทรัพย์สินทั้งชีวิตของตนเอง ก็ไม่อาจมีทางที่จะทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สักตัวหนึ่งได้ ทว่าผู้นำตระกูลมู่กลับให้พวกเขาเลือกได้ตามสบาย
มู่เฉียนซี “การที่ข้ามอบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเจ้าทำพันธสัญญา เป้าหมายคือให้พวกเจ้าปกป้องแคว้นจื่อเยี่ยให้ดี ตอนนี้ศัตรูหมู่ใหญ่อยู่ข้างหน้า ไม่ใช่เวลาที่พวกเจ้าจะมัวลังเล รีบจัดการเร็วเข้าเถอะ ”
“ขอรับ แม้พวกข้าจะต้องตาย พวกข้าก็จะปกป้องแคว้นจื่อเยี่ยอย่างสุดความสามารถ”
ต่อมาพวกเขาทั้งหมดก็ได้ทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ชิงอวิ๋น ข้ามีสิ่งหนึ่งจะมอบให้เจ้าเป็นของขวัญ”
นางอุ้มหมาป่าหิมะที่ตัวเล็กราวกับลูกสุนัขออกมา แม้มันจะตัวเล็ก แต่แท้จริงแล้วมันเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม “นี่คือจักรพรรดิหมาป่าหิมะที่ข้านำมาจากที่ราบหิมะ ข้าคิดว่าเหมาะสมที่จะมอบให้เจ้าเพื่อเป็นสัตว์พันธสัญญา”
ดวงตาที่เงียบสงบของซวนหยวนชิงอวิ๋นส่องประกายระลอกคลื่นอารมณ์ จากนั้นจึงกล่าวขึ้น “เฉียนซี จักพรรดิหมาป่าหิมะนี้หาได้ยากนัก เจ้าเก็บไว้ให้ตนเองทำพันธสัญญาเถิด”
“ไม่ล่ะ ข้ามีอู๋ตี้กับเสี่ยวหงแล้ว เจ้ารับไว้เถอะ”
จักรพรรดิหมาป่าหิมะเงยหน้าขึ้น มองซวนหยวนชิงอวิ๋นด้วยความโกรธกริ้วอยู่บ้าง
มนุษย์โง่เง่าผู้นี้รังเกียจมัน ช่างรนหาที่ตาย!
คิดจริง ๆ หรือว่ามันไม่อยากที่จะเป็นสัตว์พันธสัญญาของท่านมู่ผู้ยิ่งใหญ่ ? เพียงแต่ว่าสัตว์พันธสัญญาผู้ยิ่งใหญ่สองตัวนั้นของท่านมู่น่ากลัวเหลือเกิน มันจึงมิกล้าให้มู่เฉียนซีทำพันธสัญญา ซวนหยวนชิงอวิ๋นผู้นี้ไม่ต้องการที่จะทำพันธสัญญากับมัน แต่มันกลับต้องการที่จะทำอยู่เนือง ๆ
จักรพรรดิหมาป่าหิมะพุ่งตรงเข้าหาซวนหยวนชิงอวิ๋น มันยอมรับนายท่านในเชิงรุกแล้ว
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “เจ้านั้นจะเป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิในอนาคต ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุไม่คาดคิดในระหว่างที่เจ้ากำลังเติบโตขึ้น หากเจ้าพลาดพลั้งจะน่าเสียเดายเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วข้าจึงต้องการให้จักรพรรดิหมาป่าหิมะปกป้องเจ้าในระหว่างที่เจ้ากำลังเติบโต ข้าเอากระบี่ของจักรพรรดิแห่งสงครามขวางอวิ๋นมาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องทำอะไรให้บ้างสักหน่อย และเจ้าเองก็เป็นสหายของข้ามิใช่หรือ ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋น “ตอนนี้ข้าอยากที่จะปฏิเสธ แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
ซวนหยวนหลี่เทียนมองมายังมู่เฉียนซีที่มอบสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ซวนหยวนชิงอวิ๋น เขายิ้มให้ซวนหยวนชิงอวิ๋น ทว่าดวงตาของเขานั้นฉายแววของความเศร้า
เขานั้นคิดที่จะคบหาเป็นมิตรสหายกันอย่างมีความสุขกับมู่เฉียนซี แต่มันกลายเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปเสียแล้ว พลาดแล้วพลาดอีก เมื่อพลาดไปแล้วนั่นก็คือตลอดกาล
ทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “ออกมา!” “นายท่าน” คนชุดดำสองสามคนคุกเข่าลง
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะรู้ว่าโอวหยางหว่านใส่พิษกู่อะไรลงไปให้ทหารพวกนั้น จงคิดหาวิธีลอบเข้าไปจัดการพิษกู่พวกนั้นเสีย ให้ดีที่สุดคือทำให้ทหารเหล่านั้นสูญเสียพลังในการต่อสู้”
“ข้าน้อยรับคําสั่งขอรับ”
…
พวกเขามารายงานอีกครั้งในช่วงดึก
“รายงานนายท่าน ทักษะพิษกู่ของสตรีร้ายนั่นเหนือชั้นกว่าพวกเรา พวกเราไม่มีวิธีที่จะแก้พิษกู่ได้ของนางได้เลยขอรับ” “ว่าอย่างไรนะ ?”
“ข้าน้อยละอายใจ ตอนนี้ผู้ที่มีวิธีรับมือกับหญิงผู้นั้นได้ก็คือนายท่านผู้เดียวเท่านั้น พวกเราได้นำเอาหนอนกู่กลับมาด้วยบางส่วน ขอให้นายท่านโปรดตรวจดูขอรับ”
หลังจากที่ได้ตัวบ่งชี้ความลับมาแล้ว มู่เฉียนซีก็ยังไม่มีเวลาพอให้ศึกษาวิจัย อย่างไรเสียเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนจึงต้องไปหาหม้อเทพนิรัดร์ สถานการณ์ในตอนนี้ มู่เฉียนซีจำต้องหวังพึ่งพรจากสวรรค์เพื่อเรียนรู้มันเป็นการชั่วคราวแล้ว
มู่เฉียนซี “พวกเจ้าเฝ้าเอาไว้ให้ดี อย่าให้ใครมารบกวนข้า”
มู่เฉียนซีพยายามพิจารณาอ่านความลับนั้นแล้วเริ่มทำการทดลอง
ทันใดนั้น เสียงที่ชั่วร้ายเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เป็นเสียงของหม้อเทพนิรันดร์ “แม่นางที่รัก ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ทำให้เจ้าเปลืองแรงได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? ข้าสอนให้เจ้าดีหรือไม่ ?” “เจ้าหม้อ เจ้าทำได้รึ ?”
“ข้าคือหม้อเทพนิรันดร์ เหตุใดข้าจะทำไม่ได้ ? ขอเพียงเจ้าบอกกับข้าว่าจะรักข้าไปตลอดทั้งชีวิตน้อย ๆ ของเจ้า ข้าก็จะบอกเจ้าว่าต้องจัดการอย่างไรบ้าง”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว สีหน้านางพลันหม่นคล้ำ “พฤติกรรมเช่นนี้ของเจ้ามาอีกแล้ว หึ! เจ้านั้นไม่คิดรังเกียจว่ามันน่าขยะแขยง แต่ข้ารังเกียจ เอาเถอะ ข้าไม่กล่าวเช่นนั้นกับเจ้าแน่ ข้าเรียนรู้เอาเองดีกว่า”
“ฮืออออ เห็นกันอยู่ว่าเจ้านั้นเป็นนายท่านของข้า แต่เจ้ากลับไม่รักข้า ข้าอกหักแล้ว…” หม้อเทพนิรันดร์กล่าวออกมาด้วยความเศร้าโศก
“เช่นนั้นเจ้าก็อกหักต่อไป” มู่เฉียนซีคร้านจะสนใจเจ้าหม้อ นางหันไปง่วนอยู่กับงานของนางต่อ หลังจากที่มู่เฉียนซีเงียบขรึมไปไม่นาน หม้อเทพนิรันดร์ก็อดทนต่อความเงียบไม่ไหว จึงได้ชี้นิ้วบอกมู่เฉียนซีราวกับจับมือทำ ดังนั้นความคืบหน้าของมู่เฉียนซีจึงจัดได้ว่ารวดเร็ว
“เอายาพวกนี้ไปให้พวกเขากิน”
มู่เฉียนซีโยนยาออกไปหลายขวด พวกเขานั้นเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูง ทั้งภาคตะวันตกทวีปเซี่ยโจวนั้นมีจำนวนไม่มาก เช่นนั้นแล้วจะให้พวกเขาแทรกซึมเข้าไปวางยาในค่ายของศัตรู เป็นกิจการงานที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร
พวกเขาตกใจถึงเรื่องความสามารถของนางมากกว่า ทั้งยังแปลกใจอย่างที่สุดกับสิ่งที่ได้ยิน “นายท่าน… เพียงไม่นานก็รู้แล้วว่าจะต้องรับมือกับพิษกู่พวกนั้นอย่างไร ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“พรสวรรค์ของนายท่านในโลกนี้เป็นหนึ่งไม่มีสองอย่างแน่นอน ถึงว่า ท่านผู้นำคนก่อนจึงเลือกท่าน” มู่เฉียนซีแสยะยิ้ม “พวกเจ้าเลิกกล่าววาจาไร้สาระแล้วรีบไปจัดการเร็วเถอะ”
“ขอรับ ขอรับ! พวกเราจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้ขอรับ”
— เพล้ง! —
ถ้วยชาในมือของโอวหยางหว่านร่วงลงกับพื้น
ไม่นานก็มีคนมารายงาน “ฝ่าบาท… ฝ่าบาทแย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เกิดเรื่องแล้ว ทหารทุกนายหลับไหลไม่ตื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ…”
ฉินป้าขมวดคิ้ว กล่าวถามขึ้นว่า “หว่านเอ๋อร์ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ ?”
โอวหยางหว่าน “พวกเราโดนมู่เฉียนซีลอบกัด นางวางยาพิษจนทหารฝ่ายเราสลบ อย่างไรเสียเมื่อแพ้มาสองครั้ง ข้าก็ไม่อยากรอให้เจ้าพวกไร้ค่าพวกนี้มีประโยชน์อะไรกับข้าแล้ว”
ดวงตาของฉินป้าฉายประกายกล้า “หว่านเอ๋อร์ เจ้ามีแผนอะไรอย่างอื่นแล้วเช่นนั้นหรือ ?”
โอวหยางกว่านกล่าวอย่างดุดัน “พรุ่งนี้ ข้าจะต้องทำให้มู่เฉียนซีพ่ายแพ้อย่างอนาถและตกอยู่ในกำมือข้า ข้าจะทำให้นางโดนข้าควบคุม”
ฉินป้า “เด็กผู้นั้น ฆ่าเสียก็จบแล้ว หรือว่าเจ้า… รักที่ข้ามีต่อเจ้า ยังไม่เพียงพออีกรึ ?”
.