“พรวด!”
ซวนหยวนหลี่เทียนถูกซวนหยวนจือตบอย่างแรง เขาไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
“เสด็จพ่อ!”
มู่เฉียนซีมองความรักที่ซวนหยวนจือมีต่อโอวหยางหว่านผิดไปจริง ๆ ยาพิษไม่สามารถควบคุมทุกอย่างของคนผู้หนึ่งได้ เพราะบางครั้งความรักมันมีพิษมากกว่ายาพิษหลายเท่า
ซวนหยวนจือโดนพิษของโอวหยางหว่านเข้าแล้ว พิษรัก…
ซวนหยวนจือมองโอวหยางหว่านด้วยสายตาหลงใหล ราวกับว่ายิ่งมองก็ยิ่งทำให้เขาลุ่มหลงนางจนมิอาจละสายตาไปจากนางได้
ฉินป้ากอดโอวหยางหว่านไว้ในอ้อมกอดเพื่อจงใจเย้ยหยันซวนหยวนจือ และแล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ซวนหยวนจือเห็นเช่นนี้ก็บ้าคลั่งขึ้นมา เขาวิ่งเข้าหาโอวหยางหว่านและฉินป้าเพียงลำพังพร้อมทั้งตะโกนกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “ฉินป้า ปล่อยฮองเฮาของข้าประเดี๋ยวนี้!”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ซวนหยวนจือเป็นถึงจักรพรรดิยอดยุทธ์ เขาวิ่งเข้าไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ไม่มีทหารคนใดห้ามเขาไว้ได้
ทว่าต่อให้เขามีพลังวิญญาณจักรพรรดิยอดยุทธ์ แต่การที่เขาพรวดพราดเข้าไปในกองทัพศัตรู เท่ากับว่าเขารนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผ่าบาท!”
“เสด็จพ่อ!” สีหน้าของซวนหยวนหลี่เทียนพลันเปลี่ยนไป
ซวนหยวนชิงอวิ๋นเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงสงบ เขากล่าว “น้องเจ็ด เจ้าห้ามเขาไม่ได้หรอก”
“อย่างไรเสียเราก็ต้องขวางเสด็จพ่อเอาไว้ให้ได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเสด็จพ่อ แคว้นจื่อเยี่ยของพวกเราต้องพ่ายแพ้เป็นแน่!”
เดิมทีความแข็งแกร่งก็แตกต่างกันมากอยู่แล้ว หากสูญเสียแม่ทัพใหญ่ไปจะทำให้ทหารทั้งกองทัพสูญเสียขวัญกำลังใจไปด้วย มันมีแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม
“ไม่มีประโยชน์ พวกเราห้ามเขาไว้ไม่ได้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวพลางทอดถอนใจ
“เสด็จพ่อรักนางมาก รักมากจนไม่สนใจแคว้นจื่อเยี่ย ไม่สนใจราษฎร หรือแม้กระทั่งโอรสอย่างเรา ๆ ก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย” ซวนหยวนหลี่เทียนรู้สึกว่าความรักเช่นนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ซวนหยวนชิงอวิ๋น “บางครั้งความรักก็ทำให้คนมุทะลุ แต่ถึงอย่างไรมันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของตนเอง บางทีปัญหานี้อาจจะมาจากเสด็จพ่อเองก็ได้” ด้วยพลังความแข็งแกร่งแล้ว ถึงแม้ว่าซวนหยวนจือจะบุ่มบ่าม แต่เขาก็มีชีวิตรอดวิ่งไปจนถึงตรงหน้าโอวหยางหว่านได้
— ตูม! —
ซวนหยวนจือลงมือโจมตีฉินป้าอย่างรุนแรง ฉินป้ากับโอวหยางหว่านกระโดดลงมาจากหลังม้า โอวหยางหว่านรีบเข้ามาขวางหน้าฉินป้าเอาไว้พลันตะโกนกล่าวกับซวนหยวนจือ “ซวนหยวนจือ เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
“หว่านเอ๋อร์ เจ้าเป็นชายาข้า เป็นฮองเฮาของข้า ทว่าเจ้ากลับอยู่ข้างกายชายอื่น เจ้ามาอยู่กับข้าเถอะ จะให้ข้าทำสิ่งใดนั้นข้ายอมทำทุกอย่าง” ซวนหยวนจือกล่าว
“ได้” โอวหยางหว่านยิ้มอย่างมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล นางค่อย ๆ เดินเข้ามาตรงหน้าซวนหยวนจือ
“หว่านเอ๋อร์ ” ซวนหยวนจือกล่าวอย่างตื่นเต้น เขาจะเข้าไปคว้านางมากอด ทว่านิ้วมืออันเรียวยาวของนางนั้นยกขึ้นมาขวางเอาไว้เสียก่อน
นิ้วมืออันเรียวยาวคู่นั้นทาบลงบนคอที่บอบบางของซวนหยวนจือ ซวนหยวนจือไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด คมเล็บยาวของนางกดจมลงไป…
โลหิตดำไหลออกมาจากคอของซวนหยวนจือ!
“ฝ่าบาท!” สีหน้าของทหารแคว้นจื่อเยี่ยซีดเผือดเมื่อเห็นเช่นนี้ ในณะเดียวกันนั้น ซวนหยวนจือก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าว
— ขวับ! —
ซวนหยวนจือคว้าร่างโอวหยางหว่านมาไว้ในอ้อมกอด “หว่านเอ๋อร์ เจ้ารักข้าเป็นแน่ ข้ายอมตายด้วยมือของเจ้า เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่า คุ้มค่าแล้ว…”
โลหิตดำนั้นกัดกร่อนคอของซวนหยวนจือจนคอขาดออกจากร่างตกลงมากับพื้น ภาพที่ปรากฏแก่สายตานั้นน่ากลัวยิ่งนัก โลหิตดำยังคงไหลนองพื้นอย่างต่อเนื่อง
— ปัง! —
โอวหยางหว่านตบร่างไร้ศีรษะของซวนหยวนจือกระเด็นลอยไป นางกล่าวอย่างรังเกียจเดียจฉันท์ “ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก ตายแล้วยังทำให้ข้าสะอิดสะเอียนได้ถึงเพียงนี้”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นและคนอื่น ๆ อ้าปากค้าง ซวนหยวนจือ… สิ้นลมแล้วรึ…?
ในที่สุดเขาก็ตายไปง่าย ๆ เช่นนี้ ตายไปในอ้อมกอดของคนที่เขารักมากที่สุด ตายไปอย่างน่าสังเวช ชีวิตนี้ของเขาจบสิ้นแล้ว
นางจัดการกับจักรพรรดิยอดยุทธ์อย่างซวนหยวนจือได้อย่างง่ายดาย ฉินป้ารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาตะโกนเสียงดังว่า “ฮ่องเต้แคว้นจื่อเยี่ยของพวกเจ้าตายแล้ว พวกเจ้ายอมจำนนเสียเถอะ! หากพวกเจ้ายอมจำนน ข้าผู้นี้จะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นหาใช่ยอมแพ้พ่าย เขาตะโกนด้วยเสียงเย็นเยียบ “กองทัพของแคว้นจื่อเยี่ยของพวกข้า ต่อให้ต้องตายในสมรภูมิรบก็ไม่มีวันยอมจำนนเด็ดขาด!”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นชักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก ไม่รอช้านำทัพไปทันที
เวลานี้ซวนหยวนจือตายไปแล้ว เขาจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์นี้ไว้ให้ได้
ซวนหยวนหลี่เทียนก็เช่นกัน เขาตะโกนด้วยความฮึกเหิม “ฆ่า!”
ทว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ อีกทั้งซวนหยวนจือได้ตายไปต่อหน้าต่อตาทหาร ต่อให้มีซวนหยวนชิงอวิ๋นเป็นกำลังสำคัญ ประสิทธิภาพในการออกศึกสู้รบก็ยังคงไม่เพียงพอ
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ทหารของแคว้นจื่อเยี่ยค่อย ๆ ล้มลงไปกับพื้นทีละคน ๆ ดูเหมือนว่าศึกครานี้จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ทางด้านมู่เฉียนซีที่ติดอยู่ที่ด่านถอนหายใจ “เฮ้อ…”
“ถอดใจเสียเถอะผู้นำตระกูลมู่ เวลานี้ซวนหยวนจือ ซวนหยวนชิงอวิ๋น และคนอื่น ๆ ก็คงจะโดนฆ่าสังหารกันเรียบแล้ว แคว้นจื่อเยี่ยกำลังจะล่มสลาย ต่อให้เจ้ากลับไป ลำพังเจ้าคนเดียวคงไม่อาจทำอะไรได้”
มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา ปากก็กล่าวอย่างเย็นชา “คนดีย่อมไม่ถ่วงความเจริญของผู้อื่น พวกเจ้าไสหัวไปซะ!”
“สาวน้อย ที่นี่แคว้นชิง ไม่ใช่ตระกูลมู่ของเจ้า มาทำตนโอหังอวดดีเช่นนี้ระวังจะตายอย่างน่าสังเวช!” “งั้นรึ ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มังกรเพลิงพิฆาต!”
เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกไปทำให้สีหน้าของพวกเขาซีดเผือดด้วยความตกใจ
“ซวยแล้ว! นาง… ราชาแห่งภูต”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ไม่นานมานี้นางเพิ่งจะ…”
“มังกรวารีพิฆาต!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
การโจมตีด้วยพลังธาตุวารีและเปลวไฟนั้นทำให้พวกเขาสูญเสียกองกำลังไปกว่าครึ่ง
“เหอะ! เป็นเพียงแค่ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง ดูดี ๆ ก็แล้วกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”
ในขณะที่แม่ทัพผู้หนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็ยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ “เป็นแค่ราชายอดยุทธ์ระดับเก้า กล้าดีอย่างไรมาลงมือกับคนอย่างข้า รนหาที่ตายแล้ว!”
“ทักษะตี้ซวน!”
— ตูม! —
ร่างของแม่ทัพผู้นั้นตกลงไปในหลุมลึกใต้ดิน เพียงการโจมตีครั้งเดียวก็สามาถคร่าชีวิตของแม่ทัพผู้นั้นได้
มู่เฉียนซีเหลือบไปมองเหล่าบรรดาทหารคนอื่น ๆ “พวกเจ้า… มีใครหน้าไหนคิดอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่ ?”
“ไม่ ๆ ๆ” พวกเขารีบตอบพลางร่นตัวถอยหลังไป
“ไป!” ร่างสีม่วงรีบวิ่งไปยังสมรภูมิรบ
สถานการณ์การสู้รบในตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก แคว้นจื่อเยี่ยจะแพ้หรือชนะนั้นไม่ใช่เรื่องที่นางสนใจ แต่เรื่องที่นางสนใจที่สุดนั่นก็คือ…จะเกิดอะไรขึ้นกับซวนหยวนชิงอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด
ยิ่งมู่เฉียนซีเข้าไปใกล้สนามรบมากเท่าไหร่ กลิ่นคาวเลือดก็ยิ่งแรงมากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่นางพุ่งเข้าไป ก็ได้เห็นร่างของซวนหยวนชิงอวิ๋นกำลังรับมืออยู่กับฮ่องเต้ฉิน
ซวนหยวนชิงอวิ๋นได้รับมรดกจากจักรพรรดิแห่งสงครามขวางอวิ๋น พลังความแข็งแกร่งของเขาจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่การที่เขารับมือกับคนอย่างฉินป้านั้น นับว่าเขาตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง
— ฟึ่บ! —
ฉินป้าชักกระบี่เล่มใหญ่ออกมาเพ่งเล็งไปที่ซวนหยวนชิงอวิ๋น ในขณะที่ฉินป้ากำลังจะคร่าชีวิตของซวนหยวนชิงอวิ๋นด้วยคมกระบี่ ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกไปสกัดกั้นการโจมตีนั้นเอาไว้ได้
ร่างสีม่วงพุ่งเข้าไปดึงซวนหยวนชิงอวิ๋นออกมา นางยิ้ม กล่าวว่า “ชิงอวิ๋น นับว่าโชคดีที่ข้ามาทัน”
— ตุบ! —
ซวนหยวนหลี่เทียนฆ่าคู่ต่อสู้จนร่างของคู่ต่อสู้ล้มลงไปกับพื้น เขาตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อเห็นร่างของสตรีชุดม่วงผู้หนึ่งรีบพุ่งออกมาจากหลังทัพของศัตรูเพื่อมาช่วยพี่สามของเขาเอาไว้
นางดูงดงามขึ้นมาก ดวงตาแพรวพราว ผมสีดำยาวพัดสยายไปตามสายลม ในมือกำกระบี่ที่เปล่งประกายไปด้วยเปลวไฟสีแดงเข้ม นางดูสง่าราวกับเทพธิดาก็มิปาน
เหล่าบรรดาทหารของแคว้นจื่อเยี่ย เมื่อเห็นมู่เฉียนซีพวกเขาต่างก็ผงะกันไป และอุทานขึ้นว่า “ผู้นำตระกูลมู่ ผู้นำตระกูลมู่มาแล้ว”
“ผู้นำตระกูลมู่…”
ซวนหยวนจือรนหาที่ตายทำให้ทหารสูญเสียขวัญกำลังใจไป แต่ทันทีที่มู่เฉียนซีมาถึง ขวัญกำลังใจของทหารก็กลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะว่าผู้นำตระกูลมู่มักจะทำเรื่องที่แปลกประหลาดและสร้างปาฏิหาริย์อยู่เสมอ
“มู่เฉียนซี… นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
ทันใดนั้นภายในสมรภูมิรบนี้ก็มีสตรีชุดดำผู้หนึ่งพุ่งออกมา นางจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาโหดร้าย
.