หลังจากที่เสี่ยวหงและอู๋ตี๋ได้ไปทำภารกิจที่มู่เฉียนซีมอบหมายให้แล้ว นางก็เริ่มทำการปรุงยา สำหรับขั้นตอนการปรุงยาอย่างมืออาชีพนี้ เชียนอ้าวเซี่ยดูอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ปรุงยาเสร็จเรียบร้อย นางนำเอายานี้ฉีดเข้าไปในผลวิญญาณมหาจักรพรรดิทันที
มู่เฉียนซียิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “หวังว่าเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนจะชื่นชอบของขวัญชิ้นใหญ่นี้”
อวิ๋นเฟิงกล้าวางยาพิษท่านอาเล็กของนาง แน่นอนว่าของขวัญชิ้นนี้ที่นางมอบกลับไปให้นั้น ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวถาม “เสี่ยวซีซี เจ้าวางยาพิษในผลวิญญาณมหาจักรพรรดินี้ เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเป็นคนเจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เขาจะไม่จับได้รึว่าในผลนี้มีพิษ ?”
“ยาพิษที่ข้าวางนั้น เจ้าอย่ากังวลไปเลย” มู่เฉียนซีกล่าว นางถือผลวิญญาณมหาจักรพรรดิเดินมาหาฮ่องเต้อิ๋น “ฮ่องเต้อิ๋น โอกาสที่จะประจบสอพลอทำความดีความชอบให้แก่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเช่นนี้ ฮ่องเต้ไม่ควรพลาด”
“ขะ ข้า…” ฮ่องเต้อิ๋นตกใจ เขากล่าวออกมา “วางยาพิษเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน เช่นนั้นราชวงศ์ของข้า… แม้แต่ชาวอิ๋นเหยียนทุกคนก็ต้องประสบกับหายนะ”
ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ล้วนแต่เป็นหนทางไปสู่ความตาย สิ่งเดียวที่ฮ่องเต้อิ๋นเลือกก็คือตายเสียตั้งแต่ตอนนี้
“เจ้าฆ่าข้าให้ตายเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า!”
เข็มยาเข็มหนึ่งถูกฉีดเข้าไปในร่างของเขา มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบา “ในเมื่อข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นคนทำภารกิจนี้แล้ว อย่างไรเจ้าก็ยังตายไม่ได้”
มู่เฉียนซียัดผลวิญญาณมหาจักรพรรดิให้ในมือฮ่องเต้อิ๋น
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวถามว่า “เสี่ยวซีซี เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะเอาความลับนี้ไปบอกเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนหรอกหรือ ?”
มู่เฉียนซี “เขาไม่มีความลับอะไรไปบอกหรอก ข้าได้ทำให้เขาลืมเรื่องบางอย่างไปแล้ว รีบไปเถอะ”
หลังจากนั้น ทันทีที่ฮ่องเต้อิ๋นฟื้นขึ้นมาเห็นผลสีทองที่อยู่ในมือก็รู้สึกตื่นเต้นสุดตัวขนลุกทั่วกาย ผลวิญญาณมหาจักรพรรดิ…! ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองมันแล้ว
เพียงแต่… เมื่อเห็นร่างศพที่อยู่บริเวณโดยรอบ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ‘ศพ… ตายกันหมดแล้ว พวกเขาตายได้อย่างไร ?!’
เขาจำได้ว่าเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น หลังจากนั้นทุกคนก็พยายามต่อสู้กันอย่างสุดชีวิต และตัวเขาเองก็ตกอยู่ในอันตรายหลายครั้ง จากนั้น…
ในหัวของเขาตอนนี้ นอกจากสถานการณ์ที่ชุลมุนและการต่อสู้เพื่อแก่งแย่งกันแล้ว ก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ทว่าก็นับว่าเป็นโชคดีมากแล้ว ทุกคนต่างก็ตายกันหมดแต่เขากลับรอดชีวิตมาได้
ฮ่องเต้อิ๋นออกมาจากบริเวณนั้นด้วยความลุกลี้ลุกลน แต่เจ้าสำนักทั้งสามสำนักใหญ่ในแคว้นอิ๋นเหยียนตายกันหมด แน่นอนว่าทำให้สามสำนักนี้เกิดความสั่นคลอนขึ้น แม้แต่สำนักอวิ๋นเยียนยังให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก
ฮ่องเต้อิ๋นรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก กลัวว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดโปง จนสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปมอบตัว เขามอบผลวิญญาณมหาจักรพรรดิให้กับเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
เขาเล่าว่าสำนักเจินอู่กับสำนักเฟยชิงสมคบคิดกันจัดการกับสำนักย่อยของสำนักอวิ๋นเยียน จากนั้นเขาเป็นผู้ที่ยืดอกเผชิญกับเหตุการณ์นั้นอย่างองอาจ แต่สุดท้ายก็มิอาจช่วยเหลืออวิ๋นเหิ้นเทียนไว้ได้…
ความจริงเพียงครึ่งเรื่องแต่งเสริมอีกครึ่ง เขาเล่าทีเล่นทีจริงทว่าคนของสำนักอวิ๋นเยียนก็เชื่อ!
เจ้าสำนักย่อยแล้วอย่างไรกันเล่า อย่างไรเสียก็ไม่อาจเทียบกับผลวิญญาณมหาจักรพรรดิล้ำค่านี้ได้ กอปรกับแคว้นอิ๋นเหยียนก็ไม่อาจขาดกษัตริย์ได้ ดังนั้นสำนักอวิ๋นเยียนจึงยกโทษให้ฮ่องเต้อิ๋น
ฮ่องเต้อิ๋นยอมเอาของล้ำค่านี้มาแลกกับชีวิตของเขา แน่นอนว่าสำนักเจินอู่กับสำนักเฟยชิงนั้นไม่ได้โชคดีเช่นนี้ ในเมื่อพวกเขากล้าลงมือฆ่าเจ้าสำนักย่อยของสำนักอวิ๋นเยียน นี่หมายถึงเป็นการท้าทายอำนาจของสำนักอวิ๋นเยียนอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นนั้นแล้วสำนักอวิ๋นเยียนต้องสังหารพวกเขาอย่างไร้ความปรานีแน่นอน
เวลานี้ในแคว้นอิ๋นเหยียนก็เหลือสำนักนิกายเพียงสำนักเดียวเท่านั้นนั่นก็คือสำนักย่อยของสำนักอวิ๋นเยียนผู้เป็นหนึ่งอันเลิศล้ำ และการสังหารนองเลือดนี้ก็สิ้นสุดลง
“เสี่ยวซีซีเจ้ายอดเยี่ยมไปเลย ช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก ปราดเปรื่องจริง ๆ แผนของเจ้าคือให้สุนัขมันกัดกันเอง เยี่ยมยอด!” เชียนอ้าวเซี่ยชื่นชมศรัทธามู่เฉียนซีเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรเล่าว่าหากไม่มีข่าวก็อย่ามาวุ่นวายกับข้า”
เชียนอ้าวเซี่ย “ก็ข้าคิดถึงเจ้าแล้วนี่ คิดถึงจึงมาหา มาดูหน้าเจ้า เอ้อ เจ้าคิดว่า… เจ้าสำนักอวิ๋นจะกล้ากินผลวิญญาณมหาจักรพรรดินั่นหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซี “หากเขาต้องการก็ต้องกินมันแน่ ในเมื่อข้าตัดสินใจที่จะวางยาพิษ นั่นหมายความว่าข้ามั่นใจว่านักปรุงยาเหล่านั้นของสำนักอวิ๋นเยียนไม่เห็นพิษของข้า”
อย่างไรก็ตาม เจ้าสำนักอวิ๋นเป็นผู้ที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาได้ผลวิญญาณมหาจักรพรรดิมาก็จริง ทว่าก็ยังคงไม่กินมัน
เขาให้หัวหน้านักปรุงยาอันดับหนึ่งของสำนักทำการตรวจสอบผลวิญญาณมหาจักรพรรดินั้น นักปรุงยาท่านนั้นกล่าวด้วยความยินดีว่า “ยินดีกับเจ้าสำนักด้วย ยินดีกับเจ้าสำนักจริง ๆ ที่ได้สมุนไพรวิญญาณอย่างผลวิญญาณมหาจักรพรรดินี้มา ดูเหมือนว่าการทะลวงพลังวิญญาณระดับมหาจักรพรรดิของท่านเจ้าสำนักจะเกิดขึ้นในเร็ววันขอรับ”
เจ้าสำนักอวิ๋นกล่าวถาม “ผลวิญญาณมหาจักรพรรดินี้ไม่มีปัญหาใดรึ ?”
“ไม่มีปัญหาแน่นอนขอรับ หากมีผู้ใดทำอะไรผิดแปลกกับผลวิญญาณมหาจักรพรรดินี้ ไม่อาจหนีพ้นสายตาของข้าไปได้”
เจ้าสำนักอวิ๋น “หวังว่าฮ่องเต้อิ๋นผู้นั้นคงจะไม่บังอาจลงมือทำอะไร เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะเข้าฌานทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ”
“ขอรับ”
“เสี่ยวซีซี เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเข้าฌานจะทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแล้ว ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่พบความผิดปกติใด ๆ” ทันทีที่ได้ข่าว เชียนอ้าวเซี่ยก็รีบแจ้งให้มู่เฉียนซีทราบทันที
เสี่ยวหงพรวดพราดมา มันกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ฝีมือการวางยาพิษของนายท่านข้า คนพวกนั้นไม่มีทางจับได้”
เมื่อไม่เห็นมู่เฉียนซี เชียนอ้าวเซี่ยก็รู้สึกผิดหวังมาก “เจ้าหมูเสี่ยวหง เสี่ยวซีซีไปไหนรึ ?”
เสี่ยวหงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าบ้า เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้ม “นายท่านเสี่ยวหงผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดเสี่ยวซีซีถึงไม่ออกมาเจอหน้าข้า เสี่ยวซีซีนางไม่คิดถึงข้าสักนิดเลยหรือ ?”
เสี่ยวหงตีสีหน้าเอือมระอา “เจ้าอัปลักษณ์ เจ้าตัดใจเสียเถอะ! นายท่านของข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้าแม้แต่น้อย”
เพื่อให้เจ้าคนจอมตื๊อผู้นี้ตัดใจ เสี่ยวหงจึงกล่าวต่ออีกว่า “เจ้าเทียบนายท่านจิ่วเยี่ยไม่ได้ แม้แต่เส้นผมก็ยังไม่อาจเทียบได้ นายท่านต้องการสุนัขรับใช้ก็มีให้ นายท่านต้องการเทพผู้คุ้มครองก็มีให้ นายท่านต้องการบุรุษผู้งดงามก็มีให้ นายท่านต้องการสิ่งใดก็มีให้นายท่านทุกอย่างจนเจ้าไม่อาจเทียบได้ เช่นนี้แล้วเหตุใดเจ้ายังไม่คิดตัดใจจากนายท่านอีกเล่า ?”
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อว่าจะมีคนรูปร่างหน้าตางดงามไปกว่าข้า!”
“เพียงแค่รูปงามมันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก”
“ช่วยอะไรไม่ได้อย่างไรล่ะ อย่างน้อยข้าก็มีความเป็นชาย”
“เจ้า…” สำหรับคนหน้าด้านหน้าทนอย่างเชียนอ้าวเซี่ย เสี่ยวหงนั้นจนปัญญาที่จะรับมือ
ถึงแม้ว่าเชียนอ้าวเซี่ยจะดูปกติ แต่ด้วยคำกล่าวเหล่านั้นของเสี่ยวหงทำให้เขาเสียอารมณ์ ที่แท้ศัตรูหัวใจเขาไม่ใช่เพียงแค่น่าหลานอวี้เท่านั้น แต่ยังมีคนอื่นอีกมากมาย นี่มันเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับเขา
มู่เฉียนซีเอามือเคาะหัวของเสี่ยวหง “เสี่ยวหง ปัญญาของเจ้ามีไม่พอ โดนเจ้าคนผู้นั้นล้วงข้อมูลไปแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
สมกับเป็นผู้นำของหอเชียนอินผู้ซึ่งโดดเด่นในเรื่องการสืบข่าวของเซี่ยโจวจริง ๆ ล้วงข่าวเกี่ยวกับศัตรูหัวใจจากปากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปได้โดยที่มันไม่รู้ตัวเลย และเขาก็รู้สึกว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูหัวใจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ใบหน้าเขาต้องหล่อเหลา คำพูดคำจาต้องกินใจ
เสี่ยวหงก้มหน้ากล่าว “ข้าผิดไปแล้ว เจ้าบ้านั่นเจ้าเล่ห์นัก ข้าจึงพยายามพูดจะเอาชนะเขาให้ได้”
มู่เฉียนซี “ช่างเถอะ ต่อไปข้าจะเข้าฌานทะลวงพลังวิญญาณขั้นราชา เจ้าจงเฝ้าประตูไว้ให้ดี”
เสี่ยวหงบ่นพึมพำ “นายท่าน ข้าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ จะให้ข้ามาเฝ้าประตูงั้นรึ ?”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ไม่เฝ้าประตู เช่นนั้นให้เจ้าไปคุ้มครองความปลอดภัยให้กับคู่พันธมิตรของข้าอย่างคุณชายเซี่ยไหมเล่า ?”
“คุ้มครองความปลอดภัยให้เจ้าบ้านั่น!” เสี่ยวหงแทบจะกระอักเลือด สุดท้ายก็ต้องยอมรับชะตากรรม “ข้าเฝ้าประตูเอาไว้ก็ได้ขอรับ”
หากไปคุ้มครองความปลอดภัยให้เจ้าเชียนอ้าวเซี่ยนั่นมีหวังต้องทะเลาะกันจนตายไปข้างหนึ่งเป็นแน่
การทะลวงพลังวิญญาณเลื่อนขั้นจากปรมาจารย์เป็นขั้นราชานั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พลังวิญญาณในร่างกายเต็มเปี่ยมแล้ว แต่นางยังขาดโอกาสบางอย่าง
ทว่าทันใดนั้นร่างสีขาวร่างหนึ่งพรวดเข้ามา กล่าวด้วยความดีอกดีใจว่า “เสี่ยวซีซีได้ข่าวมาแล้ว ข้าได้ข่าวมาแล้ว!”
.
.
.
Related