“หุบปาก!” มู่เฉียนซีตะเบ็งเสียง นางจับชีพจรของเขาไว้ ทันใดนั้น…
— แควก! —
นางฉีกอาภรณ์ส่วนบนของเขาออก
เชียนอ้าวเซี่ยอุทานออกมาด้วยความตกใจ “อ๊ะ! เสี่ยวซีซี โอ๊ย! เบามือหน่อย”
นางจิ้มเข็มบาง ๆ หลายเข็มเข้าสู่ร่างของเชียนอ้าวเซี่ย สีหน้าของมู่เฉียนซีในเวลานี้ก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมาก
— ปัง! —
ต่อมาเชียนอ้าวเซี่ยถูกเตะออกไปอีกครา เขาหยิบอาภรณ์ที่ขาดรุ่งริ่งของตนเองขึ้นมาก่อนจะกล่าวอย่างคับข้องใจ “เสี่ยวซีซีเจ้าหยาบคายกับข้า เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ต้องการข้า ฮือ ๆ ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว…”
“เหอะ! แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้รึ ในเมื่อร่างกายเจ้าเป็นเช่นนี้ ?” น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเย็นชาขณะที่นางถามคำถามนี้
เชียนอ้าวเซี่ยไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับนางต่อไปได้อีก เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เสี่ยวซีซีเจ้าพบอะไร ?”
มู่เฉียนซีมองไปที่ร่างเปลือยท่อนบนของเชียนอ้าวเซี่ย ใบหน้าที่งดงามและรอยยิ้มของเขาที่งดงามกว่าดอกไม้ชนิดใดในโลกนี้ ทว่านี่คงเป็นความงดงามสุดท้ายหากนางไม่รักษาเขา…
เดิมทีนางก็สงสัยในตัวเขามากอยู่แล้ว มาตอนนี้จู่ ๆ นางก็เอะใจและรู้สึกได้ว่าร่างกายเขาน่าจะมีความผิดปกติบางประการ และนางคิดไม่ผิดเลย…
มู่เฉียนซี “คุณชายเซี่ย อย่างมากเจ้าก็จะอยู่ได้อีกเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น ชีพจรของเจ้าถูกตัดขาดมาแต่กำเนิดซึ่งก็คือมันเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่ดูเจ้าสิ เจ้าฝืนร่างกายจนทำให้ร่างกายเป็นเช่นนี้”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ เขารู้แล้วว่านางหมายถึงอะไร “เสี่ยวซีซีเจ้าเป็นห่วงข้าหรือ ?”
“เปล่า เพียงแต่นี่เป็นสัญชาตญาณของผู้เป็นหมอที่เห็นคนไข้ผู้หนึ่งทําลายร่างกายตัวเองจึงไม่พอใจมากก็เท่านั้น ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”
“จริง ๆ เจ้าก็เป็นห่วงข้าแต่เจ้าปากแข็ง เสี่ยวซีซีเจ้าเป็นห่วงข้าก็บอกข้ามาตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องอายหรอก”
“เดิมทีข้าอยากดูว่าเส้นชีพจรลมปราณของเจ้าสามารถรักษาได้หรือไม่ เมื่อการค้าของพวกเราสำเร็จแล้วข้าจึงจะรักษาให้เจ้าในภายหลัง แต่เวลานี้ข้ากลับมาพบว่าร่างกายของเจ้าถูกทําลายโดยเจ้าเองไปมาก”
แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมาหลายต่อหลายเวลา แต่นางก็ไม่มีอารมณ์จะมาสนใจร่างกายของเขาเลย ดังนั้นที่ผ่านมานางจึงไม่รู้ความลับนี้ของเขา
วันนี้เมื่อได้เห็นแล้วว่าแท้จริงร่างเขาเป็นอย่างไร เขาเป็นอะไร นางก็ตกใจอย่างมาก
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้น “เสี่ยวซีซีอย่ามาเสียเวลาคิดเรื่องข้าเลย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนที่มีชีวิตเหลือเพียงแค่ครึ่งปี อีกครึ่งปีข้าก็ตายแล้ว หากข้ายกหอเชียนอินให้เจ้าดูแลต่อไป เจ้าจะว่าอย่างไร ?”
“ข้าไม่ต้องการ”
— แกรก! —
มู่เฉียนซีส่ายศีรษะ นางก้มหน้าลงเขียนบางอย่างลงในกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วกล่าวว่า “หอเชียนอินของเจ้ามีประสิทธิภาพในการหาข่าวที่ดีและรวดเร็ว คงจะสามารถหาสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ได้อยู่กระมัง เอาล่ะ เจ้าจงรีบส่งคนไปหาของตามในกระดาษนี้มาให้ข้าโดยเร็วที่สุด”
“ได้ ได้เลย!” เชียนอ้าวเซี่ยไม่ได้ปฏิเสธคําขอของมู่เฉียนซี
รายชื่อสมุนไพรวิญญาณที่เขียนไว้บนกระดาษนั้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาซื้อได้ยาก
“เช่นนั้นเวลานี้ข้าจะไปฝึกฝนแล้ว หากหาสมุนไพรวิญญาณได้ครบแล้วก็มาแจ้งข้า หรือถ้าหากมีข่าวจากคนของหุบเขาหมอเทวดาก็เร่งแจ้งข้าด้วย”
“ได้”
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “ดี เช่นนั้นข้าขอตัวไปฝึกฝน หากเจ้ากล้ารบกวนข้าอีก ข้าจะให้เจ้ากลับไปทางตะวันตกโดยเร็ว จงอย่าลืมว่าเจ้าจะต้องดูแลตัวเอง” กล่าวจบร่างสีม่วงพุ่งออกไป
เชียนอ้าวเซี่ยมองไล่หลังของมู่เฉียนซีและหัวเราะคิกคักไม่หยุด “ฮิ ๆ เสี่ยวซีซีโกรธมากเช่นนี้ ช่างมีเสน่ห์เหลือล้น”
โรคบ้าของคุณชายเซี่ย กำเริบอีกแล้ว…
……
— ปัง! —
มู่เฉียนซีถูกจิ่วเยี่ยลากเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ซี… เจ้าจะช่วยเขาหรือ ?”
“เขาเป็นผู้นำของกลุ่มที่เด่นเรื่องการหาข่าวสาร หากตายเร็วเกินไป ต่อไปข้าก็จะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเขา ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่ออีกหน่อยเถอะ”
“คนไข้ภายใต้การดูแลของซีเวลานี้มีหลายคน เช่นนี้เจ้าจะไม่สามารถรักษาข้าได้โดยเฉพาะ” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางก้มหน้าลงมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง
สำหรับมู่อวู่ซวงถือว่าไม่เป็นไร เขาจำต้องยอมให้ท่านอาผู้นั้นของนาง ใครใช้ให้เขาเป็นญาติคนเดียวของซีกันล่ะ ? ทว่าเชียนอ้าวเซี่ยผู้นี้ที่โผล่มาอย่างลึกลับ ทําให้จิ่วเยี่ยรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก
“จะให้รักษาเจ้าคนเดียวโดยเฉพาะคงไม่ได้ เจ้าเคยเห็นคนไข้ที่รังแกหมอเช่นนี้อย่างตัวเจ้าเองหรือไม่ล่ะจิ่วเยี่ย ?” มู่เฉียนซีกล่าวไปก็โกรธไป
“ดูเหมือนว่าคนไข้อย่างข้าจะสงบเกินไป ข้าต้องทำให้ซีหมดแรงและไม่มีแรงที่จะไปสนใจคนไข้ผู้อื่น…”
“อ๊ะ!”
เห็นได้ชัดว่าเยี่ยอ๋องกําลังทําตัวเอาแต่ใจ มู่เฉียนซีอดคิดไม่ได้ว่าความผิดปกติทั้งหมดของจิ่วเยี่ยนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับคําสาป แต่มันเป็นความหึงหวงล้วน ๆ
มู่เฉียนซีอยากจะร้องไห้อย่างมากในเวลานี้ ‘อาถิงเจ้าบัดซบ! รีบตื่นขึ้นมาเร็วเลย จิ่วเยี่ยจอมยุ่งผู้นี้จะได้ไปออกตามหาคนที่เขาอยากจะหาให้พบให้พบในเร็ววัน จากนั้นข้าจะได้หายใจหายคอเต็มปอดหน่อย’
…
กลุ่มข่าวสารของหอเชียนอินนั้นลึกลับมากในทวีปเซี่ยโจว แต่กลับกระจายอยู่ทั่วทวีปเซี่ยโจว ไม่นานนักก็มีเบาะแสจึงทําให้พวกเขาหาสมุนไพรวิญญาณได้
“ร้อน! อ๊ากร้อน!”
“อา… เสี่ยวซีซีน้อย ข้าทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว”
เสียงแหบพร่าที่มีเสน่ห์อย่างยิ่งยวดนี้ทําให้ผู้คนเข้าใจผิดไปไกล ในขณะนั้นเชียนอ้าวเซี่ยมีเหงื่อเย็นผุดพราย เสื้อคลุมสีขาวหิมะของเขาโปร่งใสมากขึ้นเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว กล่าวขึ้น “เสี่ยวหง ยังไม่พอ เพิ่มไฟอีก”
“ได้เลยนายท่าน” เสี่ยวหงยิ้ม
“เสี่ยวซีซีข้าจะสุกแล้ว ข้าจะสุกแล้วจริง ๆ ข้าสุกแล้วไม่อร่อยนะ ยังดิบ ๆ แบบตอนนี้อร่อยกว่า เสี่ยวซีซีเจ้ารีบมาลองชิมข้าเร็วเข้าสิ”
เวลานี้เชียนอ้าวเซี่ยกําลังเล่นกับร่างอันเย้ายวนของเขาเอง ทําให้เสี่ยวหงกลอกตา มันต่อว่าออกมาอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าผิดแล้วมนุษย์ เจ้าน่าจะเป็นแรดมากกว่า เจ้าใช่มนุษย์ที่ไหนกัน ?”
ในตอนที่ทราบว่าคนของเขาหาสมุนไพรวิญญาณที่นางระบุลงบนกระดาษพบแล้ว เขาก็เข้าไปบอกนางอย่างดีอกดีใจ ทว่ามู่เฉียนซีกลับทำหน้าตาเฉยเมยและรับมันไว้ จากนั้นก็ไล่ให้เขาออกไป
เขาเศร้าใจนักและได้แต่คิดว่า ‘ช่างเถอะ’ แต่เขาก็ต้องตกใจที่ต่อมาเสี่ยวซีซีจับเขาไปที่เตา ให้เสี่ยวหงสัตว์พันธสัญญาของนางจุดไฟและเริ่มย่างเขา นี่มันช่าง…
เวลานี้ในหัวใจของเขาแทบแหลกสลาย!
เมื่ออุณหภูมิพอสมควรแล้ว มู่เฉียนซีก็หยิบขวดยาขวดใหญ่ออกมาขวดหนึ่งและจับเชียนอ้าวเซี่ยกดจมลงไปในน้ำ จากนั้นนางตบมือและกล่าวว่า “เสี่ยวหงเผาต่อไป”
ยาตัวนั้นเดือดขึ้นมา เชียนอ้าวเซี่ยเสมือนตกนรกทั้งเป็น “อ๊าก! ร้อน! ร้อน! เสี่ยวซีซีช่วยข้าด้วย… ข้ากําลังจะตายแล้ว ข้ากําลังจะตายแล้ว…”
เขาอยากจะปีนออกมาแต่กลับถูกมู่เฉียนซีกดเข้าไปใหม่จนในที่สุดเขาก็สลบไป
มู่เฉียนซีปรบมือสองสามทีพร้อมร้องขึ้น “คนที่อยู่ด้านนอกมานำตัวคุณชายของพวกเจ้าออกไปได้”
เหล่าผู้ดูแลเข้ามา พลันเห็นคุณชายที่ไม่เอาไหนของพวกตนหน้ามืดสลบไป จึงกล่าวขึ้นอย่างจนปัญญา “แม่นางมู่ พวกข้าต้องขออภัยด้วย คุณชายของพวกข้านั้นกินข้าวอยู่ได้ด้วยหน้าตา หาใช่กินข้าวอยู่ได้ด้วยกำลังกาย ขอจงอย่าได้รังเกียจคุณชายของพวกเราเลย คุณชายของพวกเรานั้นจริงจังกับสตรีเพียงคนเดียวเป็นครั้งแรก ฮือ… พวกเรานั้นซึ้งใจเสียจนแทบจะร้องไห้แล้วขอรับ”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขากล่าวเรื่องอะไร ?
“พาเขาไปซะ” นางกล่าวตัดรำคาญ
“ขอรับ”
“หากเขารู้สึกตัวแล้วก็บอกข้า”
“ขอรับ”
ครู่ใหญ่ต่อมา เชียนอ้าวเซี่ยลืมตาขึ้นพลางรู้สึกว่าร่างกายของเขาสบายขึ้นมาก เสี่ยวซีซีนางกำลังทำอะไรกันแน่…
“คุณชายตื่นแล้ว รีบไปบอกแม่นางมู่เร็วเข้า”
“อ๊าก!”
เชียนอ้าวเซี่ยตื่นขึ้นมาแล้ว เขาตื่นมาพบว่าตนเองในเวลานี้มีเข็มยาปักอยู่ทั่วร่างประหนึ่งได้แปลงร่างเป็นเม่น
ประสบการณ์เช่นนี้น่ากลัวอย่างมาก เมื่อร่างกายถูกปกคลุมด้วยเข็มเงินหลายสิบเข็มเช่นนี้ เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวเสียงแหบพร่า “เสี่ยวซีซีเจ้าทำอะไรกับข้ารึ ? ข้าเจ็บมาก เจ็บจริง ๆ”
“เจ็บ…”
มู่เฉียนซีกําลังบิดเข็มเงินทำให้เชียนอ้าวเซี่ยรู้สึกเจ็บปวดจนกระตุกไปทั้งตัว “เสี่ยวซีซีอย่าขยับเข็มเลย ข้าเจ็บจริง ๆ ขอร้องล่ะ เจ้าเบามือลงหน่อยเถิด”
คนเหล่านั้นที่ฟังอยู่ตรงมุมกำแพงพึมพำว่า “แม่นางมู่กล้าหาญเกินไป เกรงว่าคุณชายของพวกเราคงทนไม่ไหวแล้ว”
“ข้าว่าคุณชายน่าจะสลบไปอีกครา”
พวกเขาเดาไม่ผิด หลังจากที่มู่เฉียนซีฝังเข็มให้เชียนอ้าวเซี่ยเสร็จเรียบร้อย เชียนอ้าวเซี่ยก็สลบไปอีกครั้ง ทว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในหนที่สองนี้ เขารู้สึกราวกับได้เกิดใหม่
ร่างกายของเชียนอ้าวเซี่ยนั้นจัดได้ว่าแย่มาก แม้นางจะรักษาเขาได้บ้างในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากโลกนี้ซับซ้อนเกินไปทั้งยังมีบางสิ่งที่นางไม่รู้ นางจึงไม่รู้ชัดเจนว่าเขาใช้วิธีใดในการทําให้ร่างกายของเขาย่ำแย่อย่างที่นางเห็น
นอกจากนี้นางยังสงสัยว่าหลังจากการฝังเข็มเสร็จสิ้น นางจะสามารถปล่อยเชียนอ้าวเซี่ยไปได้แล้วหรือว่ายังปล่อยไปไม่ได้
ทว่าครู่ต่อมานางก็คิดได้ว่ามันคงไม่หมดเพียงแค่นี้ ยังคงมีขั้นตอนกระบวนการอีกมากที่นางต้องจัดการให้เรียบร้อย
.
.
.
Related