— ปัง! —
ทันใดนั้นเอง อู๋ตี้พุ่งเข้าไปข่วนเขาด้วยกรงเล็บแหลมคมอย่างไร้ความปรานี “นายท่านของข้ากำลังถามเจ้าอยู่ ไม่ใช่ให้เจ้ามาถามนายท่านของข้า”
อู๋ตี้นั้นภายนอกมันดูน่ารักอย่างมาก ทว่าน้ำเสียงของมันกลับเย็นชาและโหดร้ายอย่างไร้สัตว์ใดมาเปรียบเทียบ
“เขาถามข้า…” สมองของศิษย์พี่สามในเวลานี้มีแต่ความว่างเปล่า
“โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ ข้าเป็นเพียงผู้น้อยตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ม้วนไม้ไผ่โบราณที่ระบุแผนที่ของหม้อเทพนิรันดร์จะอยู่กับข้าได้อย่างไร ขอเพียงเจ้าไว้ชีวิตข้า ข้ารับปากเลยว่าหากกลับไปถึงสำนัก ข้าจะเอาแผนที่นั้นให้เจ้าอย่างแน่นอน”
ศิษย์พี่สามกล่าวอ้อนวอนไปเช่นนั้นก็จริง ทว่าในใจกลับคิดร้ายต่อมู่เฉียนซี ‘รอให้กลับไปถึงหุบเขาหมอเทวดาได้เสียก่อนเถอะ ข้าจะทำให้เด็กน้อยอย่างเจ้าตายทั้งเป็นเลยคอยดู!’
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงแผ่วเบา “เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่รึว่าเจ้าเป็นเพียงผู้น้อยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาของล้ำค่าเช่นนั้นมาได้งั้นรึ ?”
หากนางปล่อยเสือร้ายเข้าถ้ำ นางก็ไม่ต่างอะไรกับคนโง่งมที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ กำจัดพวกมันให้สิ้นซากเป็นทางออกที่ปลอดภัยที่สุด
“ขะ… ข้า…” ภายใต้สายตาที่มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ ทำให้ศิษย์พี่สามรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“อย่าฆ่าข้าเลย ได้โปรด… ข้ายอมทำอะไรให้เจ้าได้ทุกอย่าง” ศิษย์พี่สามตะโกนขึ้น
“ข้าเป็นถึงนักปรุงยาเชียวนะ ข้าสามารถปรุงยาหลอมยาให้เจ้าได้ ข้า…”
ทว่าเขายังไม่ทันกล่าวจบ มู่เฉียนซียิ้มก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน “หลอมยาเจ็ดครั้งแต่ประสบความสำเร็จเพียงแค่ครั้งเดียวเช่นเจ้าน่ะรึ ? หึ! ข้าไม่ต้องการหรอก เจ้ายอมรับชะตากรรมเสียเถอะ”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
พวกเขาแต่ละคนโดนมู่เฉียนซี เสี่ยวหง และอู๋ตี้ถีบลงไปจากหน้าผา
“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องดังลั่นด้วยความหวาดกลัวจนแทบจะเป็นลม มีเหยื่อตกลงมาถึงปาก เหล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่างต่างก็เพลิดเพลินไปกับอาหารอันโอชะมื้อนี้
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ “หุบเขาหมอเทวดาส่งพวกกุ้งฝอยกุ้งแห้งเหล่านี้มา ไม่มีทางที่จะได้ข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับม้วนไม้ไผ่เป็นแน่”
แต่หากส่งคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มา ก็เกรงว่าจะยิ่งลำบากในการรับมือ
มู่เฉียนซีมองดูสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่าง พลันมีแสงแวววาวเปล่งในดวงตาของนาง ทันใดนั้น บรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นราวกับว่าพวกมันโดนผู้ที่น่าเกรงกลัวจ้องมองก็มิปาน
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าวขึ้น “ไปกันเถอะ เรียนรู้สิชาฝึกสัตว์มาแล้ว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้านล่างอย่าให้หนีไปได้ จับพวกมันเอาไว้ให้หมด”
มู่เฉียนซีขึ้นมาได้เช่นไร แน่นอนว่านางก็ต้องลงไปเช่นนั้น เพียงแต่การเผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ไม่ได้ยากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อย่างแรก อู๋ตี้กับเสี่ยวหงได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามแล้ว อย่างที่สอง ยาพิษของนางใช่ว่าจะกระจอกสักที่ไหนกันเล่า
มู่เฉียนซีสั่ง “อู๋ตี้เสี่ยวหง ลงมือ!”
“รับคำสั่งนายท่าน”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เมื่อดาวร้ายอย่างมู่เฉียนซีมาเยือน พวกมันจะไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน
ถูกยาพิษจนสลบ ถูกตีจนสลบ ในที่สุดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ไม่นานนักทุกอย่างก็เงียบสงบลง
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองและใช้พลังจิตหรือพลังสมาธิฝึกพวกมันให้เชื่อง หลังจากนั้นก็เอาพวกมันเข้าไปในแหวนมังกรเทพวารีเพื่อรอให้คนมารับเป็นสัตว์พันธสัญญา
พวกมันเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับถูกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก
หลังจากที่จัดการเก็บสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็เตรียมพร้อมที่จะออกไป ครานี้ได้มาไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้นางได้เรียนรู้วิธีการฝึกสัตว์อย่างสมบูรณ์ แต่หม้อเทพนิรันดร์ต่างหากที่เป็นเป้าหมายหลักของนาง
มู่เฉียนซีเดินไปรอบ ๆ บริเวณนี้ กองกำลังที่มาด้วยกันจากเมืองชางเฟิงได้พลัดหลงทางกันในเทือกเขาชีชงทั้งหมด
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงคนต่อสู้กันอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็พบว่าผู้นำกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋นกำลังโดนคนกลุ่มหนึ่งรุมล้อมโจมตีอยู่ คนกลุ่มนี้คือคนของกลุ่มนักผจญภัยเฮยฉีนั่นเอง
เฟิงหลิงอวิ๋นแค่นเสียงเย็นชา “เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ในกลุ่มของพวกเจ้ามีผู้เชี่ยวชาญด้านพิษอยู่”
เฮยฉี “เฟิงหลิงอวิ๋น คราก่อนเจ้ารอดมาได้ แต่ครานี้เจ้าอย่าหวังว่าจะโชคดีเหมือนคราก่อนเลย อย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตาย”
— ตูม! —
เฟิงหลิงอวิ๋นและพวกตอบโต้กลับทันที กลุ่มนักผจญภัยเฮยฉีพลันตกอยู่ในความโกลาหล เขากล่าว ดวงตาฉายแววตะลึงงันเล็กน้อย “พวกเจ้า… พวกเจ้าไม่เป็นอะไรเลยงั้นรึ ?!”
“พวกข้ากินยาวิญญาณป้องกันตัวก่อนหน้านี้แล้ว แน่นอนว่าไม่เป็นอะไร เฮยฉี… วันนี้ข้าจะรวบทั้งบัญชีเก่าและบัญชีใหม่กับเจ้าทีเดียว”
“บัดซบ! โดนพวกมันตลบหลังแล้ว รีบหนีเร็วเข้า” เฮยฉีตะโกนขึ้น
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ชายชุดดำในกลุ่มนักผจญภัยเฮยฉีทิ้งระเบิดควันไว้ จากนั้นก็รีบวิ่งไปด้วยความตระหนก
ทันใดนั้นร่างสีม่วงก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาและเข้าขวางทางพวกเขาเอาไว้ มู่เฉียนซียิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “สวัสดีผู้นำหลิงอวิ๋น ต้องการให้ข้าจัดการกับคนพวกนี้หรือไม่ ?”
“คุณชายมู่!” เฟิงหลิงอวิ๋นเห็นมู่เฉียนซีก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีกลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเขา ทว่าเขาปลอดภัยกลับมา
เฮยฉีกล่าวด้วยเสียงดุร้าย “เจ้าเป็นเพียงเด็กเมื่อวานซืนที่มีพลังปรมาจารย์ภูต กล้าดีอย่างไรมาขวางทางพวกข้า อยากตายมากนักรึ ?!”
มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก “ใช่ ข้าเป็นปรมาจารย์ภูต แต่บังเอิญข้าก็เป็นนักปรุงยาเสียด้วยสิ”
— เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! —
มู่เฉียนซีตบหน้าพวกเขาเบา ๆ จากนั้นกลุ่มนักผจญภัยเฮยฉีเหล่านี้ก็หมดสติล้มลงไปกับพื้นทีละคน
ชายชุดดำผู้นั้นรีบกล่าวขึ้นมา “ระวัง เจ้าเด็กนี่กำลังใช้พิษ!”
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพิษ เมื่อมีคนใช้พิษต่อหน้าเขาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก เขายื่นมืออันเหี่ยวแห้งนั้นไปหมายจะจับมู่เฉียนซีไว้ แต่ในขณะเดียวกันนั้น เข็มยาของมู่เฉียนซีก็พุ่งออกไป ใบหน้าของเขาซีดเผือดขณะแค่นเสียงกล่าว “มันอะไรกัน ?!”
การโจมตีของเขาถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้ อีกทั้งยังโดนเข็มยาพุ่งมาเล่นงานด้วย เฟิงหลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นว่า “พวกเราก็รีบลงมือเร็วเข้า ไปช่วยคุณชายมู่เร็ว”
ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษของกลุ่มนักผจญภัยเฮยฉีถูกมู่เฉียนซีเล่นงานอย่างหนักหน่วง ส่วนคนอื่น ๆ ก็โดนเฟิงหลิงอวิ๋นจัดการอย่างง่ายดาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษผู้นั้นตะลึงลาน เจ้าเด็กผู้นี้ยังเยาว์นัก ทว่าความรู้เรื่องพิษของเขานั้นร้ายกาจกว่าเขาตั้งไม่รู้กี่เท่า เขายังทรงตัวได้อยู่ แต่เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็คุกเข่าลงร้องขอชีวิต “ได้โปรด ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ ต่อไปข้ายอมเป็นทาสรับใช้ของเจ้า”
มู่เฉียนซี “ผู้นำหลิงอวิ๋น คนเหล่านี้เป็นศัตรูของเจ้า เจ้าจะจัดการอย่างไรก็จัดการตามที่เห็นสมควรเถอะ”
“เฮยฉีและพวกใช้มันผู้นี้เล่นงานพวกข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนับครั้งไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นมันต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย” เฟิงหลิงอวิ๋นแค่นเสียง เขานั้นก็ไม่ใช่คนจิตใจดีมีเมตตาอะไร แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยผู้เชี่ยวชาญด้านพิษผู้นี้ไป
การทำลายล้างศัตรูของกลุ่มนักผจญภัยหลิงอวิ๋นในครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น เขารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก “คุณชายมู่ ครั้งนี้ต้องขอบใจจริง ๆ ที่ช่วยลงมือ มิเช่นนั้นแล้วพวกมันต้องหนีไปได้แน่”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวขึ้น “ก็แค่เรื่องง่าย ๆ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย มิเป็นไร ๆ”
ทันใดนั้นเสียงคนชราก็ดังขึ้น “เหอะ ๆ ๆ เจ้าเด็กน้อย เจ้าอายุน้อยเช่นนี้แท้ ๆ ไม่คิดว่าฝีมือด้านยาพิษของเจ้าจะเก่งกาจยิ่งนัก กลับไปสำนักอวิ๋นเยียนกับข้าสิ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์สายตรงของข้า”
ปรมาจารย์ภูตระดับห้า… อีกทั้งยังมีฝีมือด้านยาพิษอยู่มากอย่างเช่นเจ้าหนุ่มผู้นี้ มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าเป็นศิษย์ของเขา
ผู้ที่มานี้ก็คือท่านผู้อาวุโสเจ็ดของสำนักอวิ๋นเยียน และเจ้าสำนักสำนักย่อยของสำนักอวิ๋นเยียนนั่นเอง
พวกเขาได้ยินเสียงต่อสู้กันดังมาจากทางนี้จึงพากันมาที่นี่ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นฉากที่น่าสนใจเข้าเสียได้ ยาพิษที่อันตรายเช่นนั้นสำหรับเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้กลับเป็นเพียงแค่ของง่าย ๆ ที่สามารถกวาดล้างยอดฝีมือของกลุ่มนักผจญภัยกลุ่มนี้ได้ทั้งหมด
.
Related