สวนสมุนไพรวิญญาณของสำนักตานซินถูกปกป้องไว้โดยค่ายกลขนาดใหญ่ ตานซิงกล่าว “หากพวกเจ้าสามารถเข้าไปได้ เช่นนั้นสวนยาสมุนไพรทั้งหมดของสำนักตานซินของพวกเราจะยกให้พวกเจ้าไปเลย”
ตานคุนเริ่มโกรธกรุ่นขึ้นมา บังอาจมาเจ้าเล่ห์เล่นลิ้นกับสำนักตานจี้ “หึ! ในเมื่อพวกเจ้าแพ้แล้ว พวกเจ้าจะไม่เป็นคนนำทางหรือ ?”
“พวกเจ้าชักจะมากเกินไปแล้ว” ตานคุนกล่าวออกมาด้วยโทสะเปี่ยมล้น
สำหรับเรื่องค่ายกล พวกเขานั้นแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย สวนสมุนไพรนั่นหากไม่เข้าไปในวันนี้ ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกเคลื่อนย้ายไปจนหมดแล้ว
เขามองมู่เฉียนซีด้วยหวังว่านางจะมีวิธี
“พวกเจ้าเป็นคนกล่าวออกมาเอง”
มู่เฉียนซีย่างก้าวเข้าไปในค่ายกลนั้น ค่ายกลในสวนสมุนไพรของสำนักตานซินไม่ได้สร้างความลำบากหรือเป็นอุปสรรคแก่นางแม้แต่น้อย
เมื่อฝีเท้าของนางเริ่มเคลื่อนไหว นางจึงกล่าวขึ้น “ตานคุน ชิงอิ่ง ถ่วงเวลาพวกนั้นเอาไว้ ประเดี๋ยวข้าจะออกมา”
เจ้าสำนักตานซินตกตะลึง เจ้าหนุ่มนั่นสามารถทะลวงผ่านเข้าไปในค่ายกลนั้นได้เสมือนว่าง่าย
สวนสมุนไพรของสำนักตานซินมีสมุนไพรวิญญาณปลูกอยู่จำนวนไม่น้อยเลย โดยรวมแล้วมากกว่าของสำนักตานจี้
มู่เฉียนซีทำการเก็บเกี่ยวอย่างไม่เกรงใจ นี่เป็นรางวัลแห่งชัยชนะของนาง หากไม่เอาก็คงจะเสียที
ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ออกมา นางกล่าวกับเจ้าสำนักตานซินว่า… “ข้าจำได้ว่าผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในงานแลกเปลี่ยนระหว่างสำนักครั้งนี้ยังมีรางวัลอีกด้วย มิทราบว่ารางวัลนั้นคืออะไรรึ ?”
เจ้าสำนักตานซินโกรธจนแทบจะกระอักเลือด ขนาดนี้แล้วเจ้าหนุ่มนี่ยังจะมีหน้ากล้ามาเอารางวัล
มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว “เป็นอะไรไปหรือไม่ ? หรือว่าเจ้าสำนักตานซินคิดที่จะเบี้ยวเรื่องรางวัล ?”
“แน่นอนว่ามิใช่ รางวัลสำหรับผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในครั้งนี้คือม้วนไม่ไผ่โบราณหนึ่งชุด ในม้วนมีข้อมูลความรู้มากมายนัก”
ตัวเขาเองก็ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับม้วนไม้ไผ่มานับสิบปีแล้ว แต่กลับไม่ได้ความอะไรจากมันเลย จึงได้นำเอามันมาเป็นของรางวัลในการประลองฝีมือการหลอมปรุงยาครั้งนี้
มู่เฉียนซีรับม้วนไม้ไผ่นั้นมา ทันใดนั้นดวงตาของนางพลันหรี่แคบลง ม้วนไม้ไผ่นี้เหมือนที่จวินโม่ซีเคยให้นางมา นางคลี่มันออกอย่างช้า ๆ บนม้วนไม้ไผ่นี้ไม่มีตัวอักษรใด จะมีก็แต่ภาพที่เรียงสลับกันสุ่ม ๆ ดูแล้วคล้ายกับการนำภาพวาดมาวางอย่างไร้ระบบระเบียบ จึงทำให้มู่เฉียนซีนั้นแน่ใจว่าม้วนไม้ไผ่นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับที่จวินโม่ซีได้ให้นางไว้เกี่ยวกับเรื่องหม้อเทพนิรันดร์เป็นแน่
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับยาระดับปฐพี แต่ได้รับของสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือจากที่นางคาดหมายเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “แต่เดิมข้าคิดว่าเจ้าสำนักตานซินเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านจะใจกว้างเช่นนี้…”
ในตอนที่พวกมู่เฉียนซีกำลังหันหลังจากไป เจ้าสำนักตานซินออกคำสั่งให้คนของพวกเขาไปตรวจดูที่สวนสมุนไพร หวังว่าสมุนไพรวิญญาณในสวนจะยังคงอยู่ครบ
เจ้าสำนักเย่าอู๋มองมู่เฉียนซีด้วยใบหน้าแข็งทื่อ “รอให้ข้ากลับถึงที่สำนักก่อน ข้าจะส่งของมาให้ถึงที่สำนักตานจี้เป็นแน่ จะไม่ให้ขาดเลยแม้สักชิ้น”
หลังจากการประชุมแลกเปลี่ยนการปรุงยาของสามสำนักโอสถใหญ่จบลง แน่นอนว่าอีกสองสำนักใหญ่นั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงรุนแรง
ในตอนที่พวกมู่เฉียนซีจะจากไปนี้เอง ทันใดนั้นทุกคนพลันรับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง ชายชราในชุดคลุมสีเงินและคนอื่น ๆ ปรากฏตัวใกล้ ๆ กับเจ้าสำนักตานซินในทันใด
เจ้าสำนักตานซินชะงักงัน “พวกเจ้าเป็นใครกัน ?”
“พวกเรามาจากหุบเขากระจกจันทรา ได้ยินมาว่าปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินอยู่ที่นี่ เรามาเพื่อที่จะเชิญปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินไปที่หุบเขากระจกจันทราสักครา”
กระจกจันทรา เป็นขุมกำลังที่มีอิทธิพลใต้ดินขนาดใหญ่ในภาคตะวันตกของทวีปเซี่ยโจว ได้ยินมาว่าพวกเขานั้นมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนากลายเป็นพวกสำนักอีชิง แต่ทว่าพวกเขานั้นปฏิบัติงานด้วยความอ่อนน้อมค้อมต่ำ ไม่เหมือนกับพวกอวิ๋นเยียนแห่งสำนักอีชิงที่มักจะทำตัวสูงส่งแบ่งแยก
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างมาก “หุบเขากระจกจันทรา หรือว่าอาการบาดเจ็บที่ซ่อนเร้นของท่านผู้อาวุโสใหญ่นั้นได้กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ?”
“ใช่แล้ว เช่นนั้นจึงขอเชิญท่านปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินไปกับเราสักครั้งหนึ่งเถิด อย่างไรเสียท่านก็เป็นนักปรุงยาเพียงผู้เดียวแห่งภาคตะวันตกของทวีปเซี่ยโจว ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลาพอที่จะไปเชิญคนจากแคว้นเฉียนเซี่ยแล้ว”
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินกล่าว “อาการบาดเจ็บของท่านผู้อาวุโสใหญ่แห่งขุมกำลังกระจกจันทรา ต่อให้เป็นข้าก็เกรงว่าจะเอาไม่อยู่ ข้าเกรงว่าจะต้องทำให้พวกเจ้าผิดหวังเสียแล้ว”
“ท่านนักปรุงยาเวินเหรินอย่าได้ปฏิเสธต่อไปอีกเลย ทั้งภาคตะวันตกนั้นจะหานักปรุงยาผู้ใดเก่งกาจไปกว่าท่านไม่ได้แล้ว”
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินลังเล เขามองมู่เฉียนซีแล้วถามขึ้น “มู่ซี ได้ยินมาว่าเจ้านั้นอยากได้เม็ดยาระดับปฐพีอย่างมาก ที่หุบเขากระจกจันทราอาจจะมีเม็ดยานั่น เจ้ายินดีที่จะไปกับข้าสักครั้งหรือไม่ บางทีเจ้าอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”
ผู้อาวุโสหลายคนแห่งขุมกำลังกระจกจันทราขมวดคิ้วแน่น ในใจพลันคิด ‘เจ้าหนุ่มนี่จะสามารถช่วยอะไรได้ ?’
มู่เฉียนซีนั้นรู้ถึงแผนการของปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหริน กระจกจันทรานั้นเป็นขุมกำลังที่ลึกลับที่สุดในภาคตะวันตกของทวีปเซี่ยโจว หากสามารถช่วยพวกเขาแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้ได้ บางทีนางอาจจะได้สิ่งที่นางต้องการจากพวกเขา
มู่เฉียนซีพยักหน้าก่อนจะกล่าวตอบ “ตกลง ท่านปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหริน ข้าจะไปที่หุบเขากระจกจันทรากับท่าน”
ขอแค่เพียงปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินยอมไป จะเอาเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ไปด้วยก็เอาไปเถอะ
ผู้อาวุโสแห่งขุมกำลังกระจกจันทราผู้หนึ่งกล่าวเสริมให้รีบเร่ง “รีบไปกันเถอะ ท่านผู้อาวุโสใหญ่คงทนได้อีกไม่นานนัก”
พวกเขานำเอาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บินได้ออกมา แล้วรีบพาพวกเขาไปจากสำนักตานซิน มู่เฉียนซีตะโกนบอกตานคุน “บอกหัวหน้าสำนักเย่าอู๋ หากพวกเขากล้าเบี้ยว ข้าไม่รังเกียจที่จะทำให้สำนักเย่าอู๋อยู่อย่างไม่เป็นสุขแน่ ไม่เว้นแม้กระทั่งหมูหมากาไก่ในสำนัก”
ตานคุนตอบกลับไป “เจ้าวางใจได้ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ข้าจัดการได้ เจ้าไปจัดการธุระเถอะ”
ขุมกำลังกระจกจันทราอยู่ในหุบเขาที่เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยทะเลสาบรูปทรงพระจันทร์เต็มดวง รอบทะเลสาบนั้นเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสีเงิน ช่างสวยงามราวกับแดนสวรรค์ก็มิปาน
ผู้อาวุโสหลายคนกล่าวพร้อมกัน “เชิญด้านใน ท่านประมาจารย์นักปรุงยาเวินเหริน”
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินย่างก้าวเข้าไปในขุมกำลังกระจกจันทรา เตรียมที่จะเข้าพบท่านผู้อาวุโสใหญ่แห่งขุมกำลังกระจกจันทรา
เวลานี้ท่านผู้อาวุโสใหญ่แห่งขุมกำลังกระจกจันทรานอนอยู่บนเตียง ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินได้เข้าไปตรวจอาการร่างกาย พบว่าอาการของท่านผู้อาวุโสใหญ่ไม่สู้ดีนัก
“อาการบาดเจ็บที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นได้กำเริบขึ้นมาโดยสมบูรณ์แล้ว เป็นขั้นที่ข้าไม่สามารถจะควบคุมได้”
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทรากล่าวขึ้น “ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหริน ไม่มีหนทางแล้วจริง ๆ หรือ ?”
“หากเป็นระดับยอดปรมาจารย์นักปรุงยาละก็ คงพอมีทางรอดอยู่บ้าง”
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีเอ่ยปากขึ้น “ขอข้าดูอาการของท่านผู้อาวุโสใหญ่สักหน่อยได้หรือไม่ ?”
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินกล่าว “เชิญได้เลย”
ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทราถึงกับตะลึงงัน “ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินให้เด็กหนุ่มผู้นี้มาดูอาการท่านผู้อาวุโสใหญ่ เข้าใจอะไรผิดไปแล้วหรือไร ?!”
ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินยิ้ม กล่าวขึ้น “ท่านผู้นำขุมกำลังกระจกจันทราอย่าได้ดูถูกเด็กหนุ่มผู้นี้ไป เขาผู้นี้มิใช่ธรรมดา อายุยังน้อยแต่สามารถหลอมยาระดับแปดออกมาได้ ข้าคิดว่าท่านยังไม่เคยได้ยินข่าวนี้เป็นแน่”
“ระดับแปดรึ ?! เขา… เขาอายุยังไม่ถึงยี่สิบกระมัง!” ผู้นำขุมกำลังกระจกจันทราเผยเสียงที่แฝงไปด้วยความตื่นตะลึงออกมา
“แต่ว่า… แม้เขาจะสามารถหลอมยาระดับแปดออกมาได้ เขาก็เป็นแค่เพียงนักปรุงยาระดับสูงเท่านั้น ปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินเป็นถึงปรมาจารย์ยังหาหนทางไม่ได้ เขาจะมีหนทางอันใดได้ ?”
หลังจากที่มู่เฉียนซีตรวจร่างกายของท่านผู้อาวุโสใหญ่แห่งขุมกำลังกระจกจันทราเป็นที่เรียบร้อย นางจึงเปิดปากขึ้น “ข้ามีวิธี”
ใบหน้าของปรมาจารย์นักปรุงยาเวินเหรินฉายแววแห่งความยินดี ดูเหมือนว่าการที่เขาพานางมาเพื่อจัดการเรื่องนี้ เขามองไม่ผิดไป
เห็นได้ชัดว่าผู้นำขุมกำลังกระจกจันทราและท่านผู้อาวุโสใหญ่แห่งขุมกำลังกระจกจันทรานั้นไม่เชื่อ
“เจ้าหนุ่ม แน่ใจนะว่าเจ้ามีวิธี ?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างลำพอง “ในเมื่อข้ากล่าวว่ามีวิธีนั่นก็คือมีวิธีแน่นอน แต่ว่าพวกท่านก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ทำให้ข้าพอใจ ข้าถึงจะบอกวิธี”
.
Related