ผู้ติดตามที่กำเริบเสิบสานและโอหังอวดดีกลุ่มหนึ่งพรวดพราดเข้ามา ไม่น่าเชื่อว่ากลุ่มผู้ติดตามกลุ่มนี้จะเป็นถึงจอมยุทธ์
ไม่นานนัก บุรุษในชุดคลุมสีชมพูปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ รูปร่างสูงโปร่ง ผมเหยียดตรง ดูมีกลิ่นอายความเป็นสตรีเล็กน้อย
สายตาของเขาค่อย ๆ กวาดมองทุกคน จากนั้นกล่าวขึ้นเสียงเกรี้ยวกราดดูไร้เหตุผล
“พวกเจ้ายังไม่รีบไล่พวกมันให้ไสหัวไปอีกรึ ?! จะให้คนอย่างข้าพักที่เดียวกับไพร่สถุลชั้นต่ำพวกนี้หรืออย่างไร ?”
รองอาจารย์ใหญ่เป็นราชาแห่งภูตระดับสูงคนหนึ่ง ถือว่าเป็นผู้ที่มีพลังความสามารถในการควบคุมธรรมชาติแห่งแคว้นจื่อเยี่ยได้ บัดนี้กลับมีเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ประสีประสามาแสดงท่าทีหยิ่งผยองใส่
ช่างโอหัง! ช่างไร้กาลเทศะ!
แสงวาบเย็นกะพริบผ่านดวงตาของรองอาจารย์ใหญ่
“พ่อหนุ่มน้อย ตรงนี้ที่ก็กว้าง มีที่พักตั้งมากมาย เหตุใดจึงต้องไล่ผู้อื่นเช่นนี้ด้วย”
คุณชายในเสื้อผ้าอาภรณ์สีชมพูกล่าวขึ้นเสียง “แล้วจะทำไมเล่า ? หากพวกเจ้าไม่ยอมไปเอง เช่นนั้นให้ข้าส่งพวกเจ้าไปดีหรือไม่ล่ะ ?” กล่าวจบ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาลงมือทันที
ทว่าคิดไม่ถึงว่าคนที่ชิงลงมือก่อนนั้นจะเป็นเยวี่ยเจ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซี
ส่วนรองอาจารย์ใหญ่ตะโกนขึ้นใส่คุณชายชุดชมพู “เจ้า เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
พลังของราชาแห่งภูตระดับสูงแผ่ซ่านออกมาทันใด ทว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นก็มีราชาแห่งภูตระดับสูงอยู่เช่นกัน อีกทั้งยังมีจักรพรรดิแห่งภูตอีกด้วย รองอาจารย์ใหญ่เห็นเช่นนี้พลันหวาดกลัวจนตัวสั่น ร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าว
ในเวลานั้นเอง มู่หรูเหยียนยืนขึ้น นางกล่าวด้วยเสียงอันเบา “คุณชาย พวกเราไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับท่าน พวกเราจะไปจากที่นี่ประเดี๋ยวนี้”
ดวงตาคุณชายชุดชมพูกวาดมองมู่หรูเหยียนผู้งดงามดั่งนางฟ้า จากนั้นก็มองมู่หรูอวิ๋นผู้งดงามดั่งดอกไม้ สุดท้ายมองมู่เฉียนซีผู้มีเสน่ห์ที่สุดดุจดั่งดวงจันทร์บนท้องนภายามราตรี
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าส่งตัวสตรีทั้งสามมาเป็นสนมของข้า แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปแต่โดยดี”
ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวสวนขึ้นด้วยความโกรธทันที “เจ้า ฝันไปเถอะ!”
แววตาอันดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของคุณชายชุดชมพู เขากล่าวเสียงต่ำ วางท่าประหนึ่งตนเป็นผู้สูงส่งเสียเต็มประดา “หึ! ข้าไม่ชอบยิ่งนัก เจ้าพวกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เพราะฉะนั้นเจ้า ตายเสียเถอะ!”
ทันใดนั้นพลังอันแข็งแกร่งของเขาแผ่ออกมา พลังนี้คือพลังของผู้บำเพ็ญภูตระดับห้า รองอาจารย์ใหญ่ไม่รอช้า รีบดึงร่างซวนหยวนหลี่เทียนหลบหลีกทันที
“องค์ชายหลี่เทียน ระวัง!”
หากอาจารย์ใหญ่ไม่ดึงร่างเขาหลบไป มีหวังซวนหยวนหลี่เทียนโดนพลังนี้เข้าเต็ม ๆ เป็นแน่แท้
รองอาจารย์ใหญ่กล่าวขึ้น “พวกเราเป็นคนของสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย ขอเตือนเจ้าว่าอย่าหาเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า”
คุณชายชุดชมพูกล่าวเหยียดหยาม “เหอะ… เป็นแค่แคว้นเล็ก ๆ แคว้นหนึ่ง ข้าไม่สนใจหรอก ทหาร! ไปนำตัวสตรีทั้งสามมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ดูเหมือนว่าตัวตนของบุรุษผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีจำนวนคนมากกว่า ทั้งยังมีพลังที่แข็งแกร่งกว่ามากเช่นกัน ดังนั้นรีบออกไปจากที่นี่จะเป็นการดีที่สุด
มู่เฉียนซีตะโกนก้อง “รีบหนีเร็วพวกเรา!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
นางโยนยาพิษออกไปสามเม็ด จากนั้นยาพิษนั้นระเบิดกลางอากาศทันที ผงพิษจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายอยู่ในอากาศ ทำให้สถานการณ์ฝ่ายตรงข้ามสับสนอลหม่านขึ้นในชั่วพริบตา
ทางด้านรองอาจารย์ใหญ่ เขารีบพาทุกคนหนีออกมาจากจุดแวะพักนั้นทันที
“บัดซบยิ่งนัก! กล้าดีอย่างไรมาวางยาพิษข้า ตามพวกมันไป!”
จวินโม่ซีกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าหนีไปก่อน ข้าจะสกัดกั้นพวกมันเอาไว้ให้เอง” พลังของจักรพรรดิแห่งภูตกระจัดกระจายออกมาจากร่างของเขา เปลวไฟจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา
รองอาจารย์ใหญ่เห็นเช่นนี้ผงะไปครู่หนึ่ง “โอ้! นั่นเขาเป็นจักรพรรดิแห่งภูตรึ ? แล้วยังเป็นจักรพรรดิแห่งภูติพลังธาตุอัคคีเสียด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างรีบร้อน “ท่านรองอาจารย์ใหญ่ เรารีบหนีกันก่อนเถอะ การปรากฏตัวของพวกคนกลุ่มนั้นมิใช่เรื่องบังเอิญ บางทีสำนักศึกษาแคว้นชิงอาจจะส่งคนมาเอาคืนเรา เรื่องนี้ข้ามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก”
รองอาจารย์ใหญ่ได้ยินวาจานักเรียนมู่เฉียนซี เขาเองก็คิดเช่นนั้น อดที่จะโกรธแค้นไม่ได้ “ไอ้พวกนั้นมันกล้านัก คอยดูเถอะ สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยจะทำให้พวกเจ้าดูเองว่าความแข็งแกร่งมันเป็นเช่นไร!”
ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเตรียมการมาอย่างดี จวินโม่ซีที่คอยสกัดกั้นอยู่ สกัดกั้นกลุ่มหนึ่งได้ ทว่าโชคร้าย มีอีกกลุ่มเข้ามาจู่โจมอย่างต่อเนื่อง
รองอาจารย์ใหญ่กล่าวว่า “ท่านอาจารย์เผิง มู่เฉียนซี อวิ๋นอ๋อง พาพวกเขาหนีไปก่อน ข้าจะไปช่วยเจ้าหนุ่มจักรพรรดิแห่งภูติธาตุอัคคีผู้นั้น”
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามยังนำคนมากมายมารอขวางทางอยู่ ครานี้มู่เฉียนซีและซวนหยวนชิงอวิ๋นจึงจำต้องลงมือบ้างแล้ว
“ผนึกมังกรวารี!” มู่เฉียนซีตะโกน
“ไป๋ซาเริงระบำ!” มู่หรูเหยียนเองก็เริ่มลงมือต่อสู้ด้วยเช่นกัน นางทำลายทางออกจากนั้นก็ตะโกนบอกกับน้องสาวว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ เป้าหมายของพวกมันคือพวกเรา พวกเราแยกกันเถอะ จะได้ไม่ต้องทำให้ทุกคนลำบาก”
มู่หรูอวิ๋นกัดฟันแน่น “ท่านพี่ ข้าทราบแล้ว”
สองพี่น้องวิ่งแยกเข้าไปในป่าอีกด้านหนึ่ง ซวนหยวนหลี่เทียนเห็นเช่นนี้กังวลใจเป็นที่สุด เขาตะโกนห้ามเอาไว้
“อวิ๋นเอ๋อร์ แม่นางหรูเหยียนอย่าเพิ่งไป!” จากนั้นซวนหยวนหลี่เทียนหันไปตะโกน “เร็วเข้า! รีบตามพวกนางไป อย่าให้นางทั้งสองต้องเป็นอันตราย”
“สตรีนางนั้นมีพลังธาตุวารี พอดีข้าเป็นจอมภูตพลังธาตุพฤกษา นางต้องแข็งแกร่งกว่าสตรีสองคนนั้นแน่ จับตัวนางผู้นั้นไว้ให้ได้!” คุณชายชุดชมพูสั่งการ
มู่หรูเหยียนพยายามจะให้กลุ่มคนพวกนั้นตามนางไป ทว่าพวกมันกลับไม่สนใจนางเลย พวกมันหันไปรวมตัวกันจู่โจมมู่เฉียนซี ลงมือกับมู่เฉียนซีเพียงคนเดียว
— ตูม! —
“พี่ใหญ่รีบหนีไปก่อน! ข้ากับท่านอาจารย์เผิงจะสกัดพวกมันเอาไว้เอง” เยวี่ยเจ๋อตะโกน
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้นทันใด เดิมทีนางคิดว่าเป็นสำนักศึกษาอื่น ๆ ที่ลงมือทำร้ายพวกนาง ตอนนี้นางเห็นว่ามู่หรูเหยียนกำลังพยายามดึงดูดให้ศัตรูตามไป แต่ถึงอย่างไรแล้ว นางรู้ดีว่าเป้าหมายของศัตรูคือนาง
ศัตรูตามติดมาอย่างดุเดือด
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านอาจารย์เผิง ท่านรีบพาเยวี่ยเจ๋อไปจัดการเรื่องที่ชิงตูเร็วเข้าเถอะ เป้าหมายของพวกมันคือข้า ข้าจะให้พวกมันตามข้ามาเอง
เยวี่ยเจ๋อได้ยินเช่นนี้สีหน้าพลันเผือดซีด “พี่ใหญ่ ข้าไม่ยอมให้พี่ใหญ่ไปเสี่ยงอันตรายผู้เดียวเด็ดขาด”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “เจ้าวางใจเถอะ เจ้าเคยเห็นข้ากระทำเรื่องใดที่ไม่มั่นใจอย่างนั้นรึ ?” ร่างสีม่วงเดินผ่านไป มู่เฉียนซีวิ่งเข้าไปในป่าโดยรอบทันที
“รีบตามไป อย่าให้นางหนีไปได้เด็ดขาด!”
อันที่จริงเป้าหมายแรกของพวกมันคือมู่เฉียนซี ในเมื่อมู่เฉียนซีหนีไปอีกทางหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาต่อสู้กับรองอาจารย์ใหญ่และเยวี่ยเจ๋ออีกต่อไป
“พี่ใหญ่!” เยวี่ยเจ๋อกำลังจะตามเข้าไป ทว่าโดนท่านอาจารย์เผิงห้ามเอาไว้เสียก่อน
“คุณชายเยวี่ย ต่อให้เจ้าตามไปเจ้าก็ช่วยอะไรท่านผู้นำตระกูลมู่ไม่ได้ ทางที่ดีข้าว่าทำตามที่นางสั่งเถอะ เรารีบไปให้ถึงแคว้นชิงแล้วทำภารกิจที่นางมอบหมายให้เรียบร้อยจะดีกว่า ท่านผู้นำตระกูลมู่พูดถูก นางไม่ทำสิ่งที่ไม่มั่นใจเด็ดขาด”
เยวี่ยเจ๋อกำหมัดแน่นอย่างโกรธจัด
“อ๊าก!” เขาร้องอย่างอึดอัดหัวใจ พลังของเขาอ่อนแอเดินไป หากเขาเป็นราชาแห่งภูตหรือราชายอดยุทธ์ละก็ ตอนนี้เขาอาจจะปกป้องพี่ใหญ่เอาไว้ได้ก็ได้ ไม่ใช่ทำได้แค่ยืนมองพี่ใหญ่เสี่ยงอันตรายล่อศัตรูเช่นนี้
“คุณชายเยวี่ย…” ท่านอาจารย์เผิงเรียกด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “ไป! รีบไปชิงตู พี่ใหญ่ของเจ้าต้องปลอดภัยกลับมาแน่นอน”
ป่าลึกที่มู่เฉียนซีเข้าไปนั้น เป็นป่ารอยต่อที่เป็นเทือกเขาระหว่างแคว้นชิงกับแคว้นจื่อเยี่ยนั่นก็คือ… เทือกเขาเหิงเทียน ศัตรูที่เหลือที่ตามหลังมานั้น มีผู้หนึ่งเป็นจักรพรรดิแห่งภูต
โชคดีที่โดนจวินโม่ซีสกัดกั้นเอาไว้ได้ ผู้ที่เหลือที่ตามนางมา เป็นแค่ราชาแห่งภูตเท่านั้น
ในเวลาต่อมา ยาพิษสารพัดชนิดของมู่เฉียนซี พร้อมทั้งอาวุธลับก็ได้นำออกมาอย่างไม่คิดจะไว้ชีวิตเลย ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของจอมภูตของนางกับพวกเขา มันก็ต่างกันมาก
หลังจากการไล่ล่า บัดนี้มู่เฉียนซีถูกศัตรูรุมล้อม ผู้พิทักษ์ของราชายอดยุทธ์ระดับสามผู้หนึ่งกล่าวขึ้นว่า
“แม่นาง หากเจ้าไม่อยากเจ็บตัว จงยอมไปกับข้าแต่โดยดี นายน้อยของข้าเป็นอัจฉริยะแห่งสำนักจินติ่ง เจ้ามีพลังธาตุวารี ส่วนนายน้อยของข้ามีพลังธาตุพฤกษา ไปเป็นสนมของนายน้อยข้าแต่โดยดีเถอะ”
.