มู่เฉียนซียิ้มบาง ๆ กล่าวอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจ “ขอบคุณที่ชม”
จิ่งเหลียงฮุยโกรธจนช้ำใน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับบทบาทยากจะรับมือได้
ในตอนนั้นเอง มู่หรูเหยียนเอ่ยปากขึ้น “คุณชายจิ่ง เป็นความผิดของหรูเหยียนเอง หรูเหยียนคิดว่าซีเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องหยูกยา ข้าไม่ได้ส่งบัตรเชิญให้นาง เจ้าอย่าโกรธเลย อย่างไรสันติภาพก็สำคัญกว่า”
นางมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาจริงใจ พลางกล่าว “ซีเอ๋อร์ พวกข้ายินดีต้อนรับเจ้าเป็นอย่างมาก เข้ามาเถอะ”
จิ่งเหลียงฮุยขี่อยู่บนหลังเสือยากที่จะลงได้ สาวงามต่างแสวงหากันและกัน เพียงแค่เขาก้าวลงบันได เขาก็กล่าววาจา “เจ้าอยากที่จะเข้าร่วมก็เข้าร่วมเถอะ! เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นความสามารถของข้า แล้วเจ้าจะต้องเสียใจที่เลือกเป็นศัตรูกับข้า”
เมื่อคิดว่ามู่เฉียนซีจะต้องประจบสอพลอและเคารพเขาเหมือนคนอื่น ๆ อารมณ์ของจิ่งเหลียงฮุยดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด คลื่นโทสะเมื่อครู่นี้เบาลงแล้ว ทุกคนที่มาร่วมงานต่างทยอยพากันเข้ามา สถานที่จัดงานทั้งหมดตกแต่งอย่างประณีตน่ารื่นรมย์ เห็นได้ชัดว่ามู่หรูเหยียนใช้ความพยายามไปไม่น้อยเลยกับงานนี้
รอจนทุกคนมากันพร้อมเพรียง ต่อไปได้เวลาที่จิ่งเหลียงฮุยจะแสดงฝีมือที่เขามี เขาโบกมือ สมุนไพรถูกนำออกมาวางไว้นับไม่ถ้วน
จิ่งเหลียงฮุยกล่าวว่า… “สมุนไพรเหล่านี้คือสมุนไพรที่ใช้หลอมยาฟื้นฟูวิญญาณระดับหนึ่ง นี่เป็น…”
เมื่อแนะนําคุณสมบัติของสมุนไพรเหล่านี้แล้ว หลายคนล้วนเป็นคนนอกวงการ ย่อมต้องมองจิ่งเหลียงฮุยอย่างนับถือชื่นชม
จวินโม่ซีกล่าวกับมู่เฉียนซี “มู่เฉียนซี เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าข้ากําลังดูละครลิงอยู่เลยเล่า ช่างน่าเบื่อหน่ายนัก! กลับไปกินเนื้อสัตว์ยังจะดีกว่า”
“ข้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน เราทน ๆ ดูไปก่อนเถอะ แล้วท่านก็หาโอกาสทําลายสนาม อย่างไรเราก็ไม่ควรมาอย่างไร้ประโยชน์”
“แต่เจ้าหมอนี่งี่เง่าขนาดนี้ ข้าไม่มีอารมณ์แม้แต่จะทําลายสนามแล้ว คิดดูว่าเขาร้ายกาจขนาดไหน”
ขณะที่มู่เฉียนซีและจวินโม่ซีกําลังดูละครลิง อยู่ ๆ ที่ตระกูลมู่ก็เกิดเรื่องใหญ่
“ท่านผู้อาวุโสสาม!” ตอนนี้เรือนอวู่โยวเกิดความวุ่นวายอย่างถึงที่สุด ใบหน้ามู่อวู่ซวงซีดเผือด เหงื่อไหลย้อยลงมาจากหน้าผากของเขา เขารู้สึกว่าขาของเขามีแมลงน้ำแข็งนับสิบล้านตัวกําลังคลานอยู่
องครักษ์ของเขากล่าวอย่างร้อนใจ “ข้าจะไปเชิญท่านผู้นำตระกูลมู่มา”
“หยุด!” มู่อวู่ซวงตะโกน
“ผนึกของท่านพ่อไม่สามารถรักษาไว้ได้อีกต่อไป พิษที่ขาปะทุระเบิดออกมาแล้ว แม้ซีเอ๋อร์จะมาก็ไร้ประโยชน์ ข้าสามารถทนได้ ไม่ต้องบอกซีเอ๋อร์ อย่าให้นางต้องกังวล…” มู่อวู่ซวงกล่าวอย่างอ่อนแรง
“แต่ว่า…”
“คําสั่งข้า ใครก็อย่าได้ขัด”
ขณะที่องครักษ์เงาหยุดพูด ทันใดนั้นเงาร่างหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่ตระกูลมู่ องครักษ์เงาตะลึงงัน
“ใครกัน ?”
— ตูม! —
ทันใดนั้นพวกเขาเริ่มสู้กัน ทว่ามู่อวู่ซวงไม่สามารถขยับนิ้วมือได้แม้เพียงนิ้วเดียว องครักษ์เงาคนเดียวกลับต้องรับมือกับเหล่าจักรพรรดิยอดยุทธ์และจักรพรรดิวิญญาณ ช่างตึงมือยิ่งนัก
พิษร้ายที่ขากำเริบขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดมู่อวู่ซวงมิอาจทนได้ไหว หมดสติไป
“นายท่านสาม!”
ในเวลาเดียวกัน มู่เฉียนซีที่กําลังดูการแสดงตลกของจิ่งเหลียงฮุยพลันรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ นางลุกขึ้นยืน ปลดปล่อยจิตสังหารเยือกเย็นออกมา นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังจะมีเรื่องอะไรอีก ถึงทําให้นางรู้สึกไม่สงบเช่นนี้ได้
ไม่ว่าอย่างไรมู่เฉียนซีก็ไม่เคยคิดเลยว่า ดวงตาของท่านอาเล็กของนางจะกลับมามองเห็นเช่นเดิม ไม่เคยคิดว่าท่านอาพลังแข็งแกร่งถึงขั้นจักพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม จะตกอยู่ในอันตรายในสถานที่เล็ก ๆ อย่างแคว้นจื่อเยี่ย
จิ่งเหลียงฮุยกําลังสกัดกลั่นเพื่อหลอมเม็ดยาระดับหนึ่ง อยู่ ๆ สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเย็นยะเยือก ทําให้พลังจิตของเขาหยุดนิ่ง ไม่สามารถควบคุมมันได้
— ตูม! —
เตาหลอมยาตรงหน้าระเบิดออกในบัดดล
“แค่ก ๆ ๆ!” จิ่งเหลียงฮุยลุกขึ้นอย่างยากลําบาก สภาพเขาราวกับเดินออกมาจากเหมืองถ่านหิน ผมสีดําที่หวีได้อย่างลื่นไหลตอนนี้กลายเป็นฟูยุ่งเหยิงไม่ต่างจากรังนก
เมื่อเห็นฉากน่าขันเช่นนี้ ทุกคนก็อยากจะหัวร่อต่อกระซิก ทว่าก็มิกล้า เกรงจะผิดมารยาท กลั้นกันแทบตาย
จิ่งเหลียงฮุยกล่าว โกรธเกรี้ยวขั้นสุด “มู่เฉียนซี เจ้าลอบโจมตีข้าตอนที่ข้าปรุงยา ทําให้ข้าปรุงยาพ่ายแพ้ ร้ายนัก!”
จวินโม่ซีกล่าวแย้ง “อะไรของเจ้า! พลังเจ้าไม่พอเอง ถูกรบกวนเพียงเล็กน้อยก็หลอมยาล้มเหลว แล้วยังจะโทษคนอื่นอีกหรือ ?”
“เจ้าเป็นใคร ? มีคุณสมบัติอันใดจึงกล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้ ?”
จวินโม่ซีก้าวเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ กล่าวว่า “ข้าเป็นใครน่ะรึ ? เหมือนพวกเจ้าจะเรียกข้าว่าราชาโอสถนะ”
“ฮ่า ๆ ๆ! เจ้าน่ะรึเป็นราชาโอสถ ?” จิ่งเหลียงฮุยกล่าวเสียงดูแคลน หัวเราะขบขันแทบหายใจไม่ทัน
“เจ้าไปหลอกผีเถอะ! ข้าได้ยินมาว่าท่านราชาโอสถเป็นนักปรุงยาระดับสูง เขาแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าสํานักของข้าเสียอีก เจ้าเด็กหัวล้านอย่างเจ้าน่ะรึ จะเป็นนักปรุงยาระดับสูง ?”
“น่าเบื่อ! ในเมื่อวันนี้เดิมทีตั้งใจมาทําลายงานประชุม เช่นนั้นมิเกรงใจแล้ว มีอะไรให้ทําบ้างหรือไม่ ?” จวินโม่ซียกมือขึ้น ฉับพลันทันใดเตาปรุงยาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
เขาใช้พลังวิญญาณอัคคีอย่างเกียจคร้าน ทันใดนั้นทั่วทั้งเรือก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ปรมาจารย์เผิงผู้หยิ่งยโสที่อยู่ด้านข้างพลันกระโดดเด้งตัวขึ้นมา “อะไรกัน ? จอมภูตผู้มีคุณสมบัติพลังอัคคี จอมภูตธาตุอัคคี”
การกระทําของจวินโม่ซีแคล่วคล่องว่องไวยิ่งนัก จับโน่นผสมนี่ใส่ลงไปในสมุนไพรวิญญาณราวผู้เชี่ยวชาญ ไม่นานนัก ยาระดับห้าก็ถูกจวินโม่ซีหลอมขึ้นตามใจชอบ
“นั่นยาระดับห้า! ข้าได้เห็นยาระดับห้าแล้ว เขาคือราชาโอสถจริง ๆ!”
“เป็นไปได้อย่างไร ?” จิ่งเหลียงฮุยกล่าวเสียงแหลม เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเลย
เวลานี้ปรมาจารย์เผิงกระโดดออกมา กล่าวว่า “ราชาโอสถ จะต้องเป็นราชาโอสถอย่างแน่นอน วิธีการนั้นนอกจากท่านแล้ว ทั่วทั้งแคว้นจื่อเยี่ยยังไม่มีใครสามารถทําได้อีก ท่านราชาโอสถ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ”
ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อ หัวหน้านักปรุงยาของราชวงศ์ผู้ที่อยู่สูงส่งมาโดยตลอด กลับก้มศีรษะให้ชายหนุ่มที่ดูจะมีอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี นับถือขอเป็นอาจารย์ ดูอย่างไรก็แปลกตา
มู่หรูเหยียนก็เดินเข้าไปกล่าวเช่นกัน “ท่านราชาโอสถ หรูเหยียนชื่นชมท่านมานานแล้ว โปรดรับข้า มู่หรูเหยียน เป็นศิษย์ด้วยเจ้าค่ะ”
จวินโม่ซีแสดงท่าทียโสเล็ก ๆ
“เหอะ! ตาเฒ่าผู้นี้เป็นนักปรุงยาระดับต่ำ ส่วนเจ้าล่ะ มีคุณสมบัติอะไรให้ข้ารับเจ้าเป็นลูกศิษย์ ?”
มู่หรูเยียนกล่าวเสียงเบา “หรูเยียนไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ เป็นเพียงนักปรุงยาระดับต่ำที่สามารถหลอมยาระดับสามได้เท่านั้น ขอท่านราชาโอสถรับข้าเป็นศิษย์เถอะนะเจ้าคะ ข้าจะปรนนิบัติท่านราชาโอสถอย่างดี”
— ฟึ่บ! —
เมื่อมู่หรูเยียนกล่าวเช่นนั้นออกไป ทุกคนในที่นั้นนิ่งอึ้งตะลึงตาค้าง แม้แต่ซวนหยวนหลี่ซาง จิ่งเหลียงฮุย สองคนนี้ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ เดิมทีคิดว่ามู่หรูเหยียนเพียงแค่สนใจการปรุงยาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถหลอมยาระดับสามได้แล้ว
นางเก่งกาจยิ่งกว่าจิ่งเหลียงฮุยเสียอีก
มู่หรูอวิ๋นตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด “พี่หรูเหยียน ท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบสงบ มู่หรูอวิ๋นก็เดินเข้าไปกล่าวยั่วเย้ายุอารมณ์โกรธ “เหอะ! มู่เฉียนซี ต่อให้เจ้าเป็นจอมภูตก็ไม่มีอะไรพิเศษ พี่สาวข้าเป็นถึงนักปรุงยา เจ้าแค่ขยะไม่มีดี อย่างไรเจ้าก็ตามพี่หรูเหยียนของข้าไม่ทันหรอก …เจ้าแม้แต่จะถือร้องเท้าให้พี่สาวข้ายังไม่คู่ควรเลย!”
ในตอนนั้นเอง จวินโม่ซีกล่าววาจาเย็นชา
“อ้อ… ไม่เลวเลยที่เจ้าสามารถหลอมเม็ดยาระดับสามได้ตั้งแต่ยังเยาว์วัยเช่นนี้”
ใบหน้าของมู่หรูเยียนเผยความดีใจระคนประหลาดใจออกมา แต่จวินโม่ซีกลับพูดขึ้นว่า “แต่อยากให้ข้ารับเจ้าเป็นลูกศิษย์ ก็ต้องดูว่ามู่เฉียนซีตอบตกลงหรือไม่ ตอนนี้ข้าเป็นคนของนาง”
.