มู่เฉียนซีแปลงร่างเป็นอาถิงอีกครั้ง นางมุ่งหน้าไปที่บ้านประมูลอันดับหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับท่านหมอไป๋ ท่านหมอไป๋บอกกับนางว่าน่าหลานอวี้กลับไปที่บ้านประมูลใหญ่แล้ว
“น่าหลานอวี้กลับไปแล้วรึ ?” มู่เฉียนซีเอ่ยถามหมอไป๋
หมอไป๋กล่าวถามบ้าง “คุณชายมู่ต้องการสิ่งใดหรือ ? ก่อนนายน้อยจะกลับไป นายน้อยกำชับว่าหากคุณชายมู่ต้องการสิ่งใดให้จัดหาให้คุณชายทันที”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเพียงต้องการนำยาลูกกลอนมาประมูลก็เท่านั้น ประกาศข่าวนี้ออกไปให้ทั่ว ดึงดูดคนใหญ่คนโตมาให้มากที่สุดยิ่งดี”
หมอไป๋ผงะไปชั่วครู่ จากนั้นกล่าวถามขึ้น “มิทราบว่าคุณชายจะประมูลยาลูกกลอนแขนงใดหรือ ?”
“ยาลูกกลอนระดับเจ็ด ยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน”
หัวใจหมอไป๋สั่นสะท้านทันที “โอ้! คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน”
“ยานี้” มู่เฉียนซีหยิบเอายาลูกกลอนออกมาให้ท่านหมอไป๋ตรวจสอบดู หมอไป๋ตื่นเต้นจนแทบกระโดดโหยง “โอ้! นี่เป็นยาจักรพรรดิหวงหลัวตานระดับเจ็ดจริง ๆ ด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะมีวาสนาได้เห็นกับตาตัวเองเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ยาจักรพรรดิหวงหลัวตานระดับเจ็ดนี้ สามารถทำให้ราชาแห่งภูตและราชายอดยุทธ์ระดับสูงสุดมีความมั่นใจห้าสิบส่วนในร้อยส่วนที่จะได้เป็นจักรพรรดิแห่งภูตหรือจักรพรรดิยอดยุทธ์ได้”
หมอไป๋ได้ยินวาจามู่ซี เขาก็ตกใจอย่างมาก “มีความมั่นใจห้าสิบส่วนในหนึ่งร้อย อย่างน้อยก็ต้องเป็นปรมาจารย์นักปรุงยา เกรงว่าทั่วทั้งเซี่ยโจวคงจะไม่มีปรมาจารย์นักปรุงยานะคุณชาย”
มู่เฉียนซีหยิบยาขวดหนึ่งออกมาก่อนจะกล่าวว่า “รวมทั้งยานี้ด้วย วันและเวลาการประมูลแล้วแต่ท่านหมอไป๋จะกำหนดก็แล้วกัน เพียงแต่รีบประกาศข่าวออกไปให้ทั่วเป็นพอ อีกอย่าง กำหนดขอบเขตด้วยว่าต้องเป็นแคว้นชิงกับแคว้นจื่อเยี่ยเท่านั้น”
“ตกลง!”
ถึงแม้ว่าท่านหมอไป๋จะไม่รู้ถึงความประสงค์ของ ‘นายน้อยมู่ซี’ ทว่าเขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุดเพื่อคุณชายน้อยที่เป็นมิตรสหายกับนายน้อยน่าหลานอวี้ของเขา
หลังจากที่บ้านประมูลอันกับหนึ่งได้รับหน้าที่ให้จัดประมูลยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน ทางบ้านประมูลก็ได้กระจายข่าวอันน่าทึ่งนี้ไปทั่วแคว้นจื่อเยี่ยและแคว้นชิง ผู้คนในสองแคว้นเริ่มลือกัน
“เจ้าได้ยินข่าวเรื่องการประมูลหรือไม่ มีข่าวว่าบ้านประมูลอันดับหนึ่งจะจัดการประมูลยาลูกกลอนวิเศษ นั่นก็คือยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน”
“ข้าก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน เกรงว่ายาวิเศษนี้คงจะตกเป็นของตระกูลมู่อีกเช่นเคย นายท่านสามแห่งตระกูลมู่เป็นถึงราชายอดยุทธ์ระดับเก้า อีกอย่าง ตระกูลมู่ก็ใช่ว่าจะขาดแคลนเงินทอง อย่างไรก็คงประมูลเอาไปได้”
“มันก็ไม่แน่ ข้าได้ข่าวมาว่าพวกตระกูลใหญ่ในแคว้นชิงก็สนใจยาลูกกลอนนี้เช่นกัน”
หากได้ยาจักรพรรดิหวงหลัวตานไปครอง ก็เท่ากับตระกูลของผู้นั้นมีราชาแห่งภูตหรือราชายอดยุทธ์ฝีมือดีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง วิเศษถึงเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะสู้ พวกเขาจะต้องครอบครองยานี้ให้ได้
เพียงเวลาไม่นาน ข่าวฮือฮานี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดิน บ้านประมูลอันดับหนึ่งก็แพร่ข่าวได้อย่างดึงดูดผู้คนยิ่งนัก เพราะไม่ได้แจ้งวันและเวลาในการประมูลเอาไว้ ทำให้หลายคนเริ่มกระวนกระวาย
“ให้ตายเถอะ! บ้านประมูลอันดับหนึ่งมีของดีอยู่ในมือ เช่นนั้นจะแพร่ข่าวไปทั่วแผ่นดินได้อย่างไรกัน” ภายในวังหลวง ซวนหยวนจือกล่าว ความหงุดหงิดใจสุมในอกของเขาแน่น เกรงว่าจะระเบิดอารมณ์เต็มที
เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดที่มือปูด กล่าวต่อว่า “ยาจักรพรรดิหวงหลัวตานจะต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว รอข้ากลายเป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ก่อนเถอะ ตระกูลมู่ ตระกูลโอวหยาง นิกายใหญ่ทั้งสามนิกาย พวกมันจะต้องอยู่ภายใต้เท้าของข้าผู้นี้แต่เพียงผู้เดียว!”
ถึงแม้ซวนหยวนจือจะมุ่งปรารถนาที่จะได้ยาจักรพรรดิหวงหลัวตานมาครอบครอง ทว่าตั้งแต่มู่เฉียนซีเอาสินสอดทองหมั้นกลับคืนไป ทรัพย์สมบัติในคลังเสมือนว่างเปล่า หากต้องใช้เงินทองเข้าสู้ เกรงว่าเวลานี้ราชวงศ์มิอาจสู้ตระกูลมู่และตระกูลใหญ่ ๆ ได้เป็นแน่
มันช่างน่าอึดอัดใจโดยแท้!
ดวงตาซวนหยวนจือเปล่งประกายเย็นยะเยือก เขาไม่สน ครุ่นคิดในใจ ‘ตราบใดที่ข้าต้องการ ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา!’
หลังจากที่ได้ทราบข่าวการประมูลยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน ทางราชสำนักก็ได้จัดพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาแปดสิบพรรษาขององค์ไทเฮา เป็นโอกาสดีที่ซวนหยวนจือจะได้รวบรวมของขวัญอันล้ำค่ามาจากพระราชพิธีนี้ แน่นอนว่าของขวัญเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะนำเอามาประมูลยาจักรพรรดิหวงหลัวตานได้ แต่เขาก็พอจะมีวิธีรับมืออื่นอยู่
……
มู่อวู่ซวงกล่าวถาม “ซีเอ๋อร์ ครานี้ให้ข้าเข้าวังหลวงไปเป็นเพื่อนเจ้าไหม ?”
แม้คราก่อนที่มู่เฉียนซีได้เข้าวังหลวงไป ได้นำทรัพย์สมบัติล้ำค่ากลับมามากมาย อีกทั้งยังสามารถทำให้ซวนหยวนจือโกรธจนกระอักเลือดสามระลอกได้ ทว่ามันก็เสี่ยงไม่น้อยเลย การเข้าวังหลวงในครานี้ ย่อมมีความเสี่ยงไม่น้อยเฉกเช่นในครานั้น
มู่เฉียนซี “ท่านอาวางใจได้ คราก่อนข้าเอาสมบัติทั้งคลังของฮ่องเต้มาจนทำให้ฮ่องเต้กระอักเลือดอย่างน่าสังเวช อีกทั้งยังฉวยเอาสมุนไพรวิญญาณของราชสำนักมาได้ทั้งสวน ไม่มีอะไรต้องกังวล ครานี้คนเหล่านั้นคงมิกล้ายั่วโมโหข้าแล้ว”
ใกล้ถึงเวลาเข้าวัง เยวี่ยเจ๋อก็มารอนางที่หน้าประตูจวน ครานี้ทั้งสองเข้าวังไปด้วยกันเช่นเคย เมื่อได้เวลาเข้าวังหลวง ทั้งสองได้เจอกับตระกูลโอวหยาง
มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวด้วยรอยยิ้มติดจะขี้เล่น “ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง ช่วงนี้สบายดีหรือไม่ ?”
โอวหยางจูได้ยินคำทักทายนาง พลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแทบจะพุ่งเข้าไปฆ่านางเสียตรงนั้น นางจงใจยั่วโทสะเขาชัด ๆ
ทรัพย์สินของตระกูลสูญเสียจนแทบไม่มีเหลือ บุตรชายคนเล็กโดนทำร้ายอย่างน่าสังเวช น้องชายโดนนางฆ่าตาย อีกทั้งยังส่งศพมาเยาะเย้ยถึงจวนเช่นนี้เขาจะสบายดีได้อย่างไร ?
“ข้าสบายดี ผู้นำตระกูลมู่อย่าได้ห่วงเลย” คำพูดของโอวหยางจูแต่ละคำ แม้ดูธรรมดา ๆ ทว่าน้ำเสียงเหี้ยมแฝงเจตนาจะฉีกเนื้อนางให้ขาดเป็นชิ้น ๆ คามือ
“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอให้ท่านผู้นำตระกูลโอวหยางสบายใจต่อไป ไปกันเถอะ” กล่าวจบ รถม้าของมู่เฉียนซีก็นำหน้าไปทันที
“บัดซบ!” โอวหยางจูกำหมัดแน่น กล่าวด้วยความโกรธแค้น
โอวหยางจื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่ออย่าเพิ่งโกรธไปเลย ให้นางสุขใจไปก่อนเถอะ รอให้พี่น้องข้ากลับมาเมื่อไหร่ ต่อให้ตระกูลมู่มีมู่อวู่ซวงอยู่ ก็อย่าคิดว่าจะปกป้องนางได้”
โอวหยางจูพยักหน้า “จื่อเอ๋อร์ เจ้าพูดถูก ขอแค่เราประมูลยาจักรพรรดิหวงหลัวตานมาได้ พวกเขาจะต้องช่วยเราจัดการตระกูลมู่ให้ราบคาบแน่”
พระราชวังของแคว้นจื่อเยี่ยถูกตกแต่งอย่างประณีตและวิจิตรงดงาม สถานที่จัดพระราชพิธีคือตำหนักเฉียงหนิง มองไปทางใดก็เต็มไปด้วยแขกเหรื่อที่มางาน ครานี้ ไม่เพียงแต่ข้าราชบริพารและผู้นำตระกูลในแคว้นจื่อเยี่ยเท่านั้น ยังมีราชทูตของแคว้นชิงและแขกสำคัญ ๆ ต่างก็มาร่วมพิธีเฉลิมฉลองให้กับองค์ไทเฮาด้วยเช่นกัน
ทว่าสีหน้าของซวนหยวนจือในตอนนี้กลับไม่ดีนัก จุดประสงค์ของผู้คนเหล่านี้ใครเล่าจะไม่รู้ ต่างก็มาแย่งชิงยาจักรพรรดิหวงหลัวตานกันทั้งนั้น ถึงแม้วันนี้องค์ไทเฮาจะมีพระชนมายุ 80 พรรษาแล้ว แต่พระองค์ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดูจากภายนอกแล้ว ราวกับมีพระชนมายุ 50 พรรษาก็มิปาน ดูอ่อนเยาว์กว่าพระชนมายุจริงยิ่งนัก
องค์ไทเฮาทรงประทับอยู่ข้าง ๆ ฮ่องเต้ แย้มสรวลด้วยพระพักตร์สดใส ดูแล้วราวกับคุณย่าที่น่ารัก
ขณะนั้นเอง ตระกูลโอวหยางเข้าไปในตำหนักเฉียงหนิงตัดหน้าตระกูลมู่ นำของบรรณาการไปมอบให้แก่ไทเฮา ก่อนที่เสียงประจบประแจงของโอวหยางจูจะกล่าวขึ้นว่า “ตระกูลโอวหยางขอมอบยาอายุวัฒนะระดับสามให้แก่องค์ไทเฮา ขอพระพรให้องค์ไทเฮาอายุยืนนานหมื่น ๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ”
“อื้ม ยาระดับสาม”
จังหวะนี้ทุกคนต่างก็จ้องมองกล่องบรรณาการอันวิจิตรงดงามกล่องนั้นอย่างตะลึงลาน ของบรรณาการของตระกูลโอวหยางช่างล้ำค่ายิ่งนัก พวกเขาเห็นก็อดอิจฉาริษยาไม่ได้
หัวหน้านักปรุงยาอันดับหนึ่งของราชสำนัก มากสุดก็สามารถหลอมได้แค่เพียงยาระดับสอง การที่ตระกูลโอวหยางมอบของบรรณาการเป็นยาระดับสามเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่
โอวหยางจูไร้หนทางอย่างแท้จริง ตระกูลโอวหยางโดนตระกูลมู่กดดันจนแทบจะไร้ลมหายใจ พวกเขาก็จำเป็นต้องประจบสอพลอกับราชวงศ์ซวนหยวนไว้ก่อน ต้องแสดงความจริงใจกับราชวงศ์ซวนหยวนให้มากพอ เมื่อมีจุดยืนแล้ว ภายภาคหน้าราชวงศ์ก็จะเป็นฝ่ายยื่นมือมาช่วยตระกูลโอวหยางเอง
“วิเศษยิ่งนัก ขอบใจ ๆ” พระพักตร์องค์ไทเฮาแย้มสรวล คนในวัยนางมีหรือจะไม่ชอบยาอายุวัฒนะนี้
ต่อมาก็เป็นคราของมู่เฉียนซีและเยวี่ยเจ๋อ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ทั้งสอง ปากก็เริ่มซุบซิบกัน
“ไมรู้ว่าท่านผู้นำจะมอบของล้ำค่าใดให้กับองค์ไทเฮา ของล้ำค่าของตระกูลมู่นั้นมีไม่น้อยเลย”
“องค์ไทเฮาไม่เคยเห็นของล้ำค่าอย่างยาระดับสามมาก่อน ของบรรณาการของตระกูลมู่ต่อให้ล้ำค่าเพียงใด ก็คงมิอาจสู้ยาระดับสามได้อีกแล้ว เจ้าเชื่อข้าสิ”
.